ฟิตนะฮ์ที่รุกคืบเข้ามา
คอเฏ็บ อับดุลสลาม เพชรทองคำ
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงสั่งใช้เราให้มีอัตตักวา คือมีความยำเกรงต่อพระองค์เพียงองค์เดียวเท่านั้น ดังนั้น เราจึงต้องสร้างความยำเกรงต่อพระองค์ให้เกิดขึ้นในหัวใจของเราให้ได้ โดยการศึกษา แสวงหาความรู้ในเรื่องราวของบทบัญญัติศาสนา พยายามทำความเข้าใจ และนำมาสู่การปฏิบัติ ด้วยการปฏิบัติตามคำสั่งใช้ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา โดยพยายามทำให้สุดกำลังความสามารถของเรา และในขณะเดียวกัน ก็ต้องออกห่างจากคำสั่งห้ามของพระองค์โดยสิ้นเชิง พร้อมกันนั้นก็ต้องปฏิบัติอิบาดะฮฺให้อยู่ในแบบฉบับของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมด้วย
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย ในอัลกุรอานได้เล่าเรื่องราวของท่านนบีลูฏ อะลัยฮิสสลามกับกลุ่มชนของท่านไว้ในหลายๆซูเราะฮฺ หลายๆอายะฮฺ เช่นในซูเราะฮฺ อัลอะอฺรอฟ ซูเราะฮ์อัลอันกะบูต ซูเราะฮฺอัชชุอะรออ์ ซูเราะฮฺอัลนัมล์ ซึ่งอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาได้ทรงยืนยันว่า ท่านนบีลูฏ อะลัยฮิสสลาม เป็นนบีและเราะซูลผู้ซื่อสัตย์ท่านหนึ่งของพระองค์ที่พระองค์ทรงส่งท่านมาเพื่อให้ทำหน้าที่เรียกร้องเชิญชวนกลุ่มชนของท่านนบีลูฏ
ในตัฟซีรบอกว่า พวกเขาตั้งรกรากอยู่ที่ 2 เมืองใหญ่คือเมืองสุดูม และเมืองอุมูรียะฮฺ และบางหมู่บ้านที่อยู่ใกล้ 2 เมืองนี้ ท่านนบีลูฏเป็นหลานของท่านนบีอิบรอฮีม อะลัยฮิมุสสลาม ท่านได้ทำหน้าที่เรียกร้องเชิญชวนกลุ่มชนของท่านให้มอบเตาฮีดแด่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา คือมอบการเคารพอิบาดะฮฺทั้งหมดแด่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาเพียงองค์เดียวเท่านั้น พร้อมทั้งให้พวกเขามีอัตตักวา มีความยำเกรงต่อคำสั่งของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา โดยการเชื่อฟังและปฏิบัติตามท่าน
นบีลูฏ ได้ใช้ให้พวกเขากลัวอะซาบ กลัวการลงโทษของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา จากการที่พวกเขาฝ่าฝืนคำสั่งของพระองค์ อันเนื่องมาจากพฤติกรรม การกระทำของพวกเขาที่ได้ทำ ”อัลฟาฮิชะฮฺ الْفَاحِشَةَ " ทำสิ่งเลวร้าย ทำสิ่งที่เป็นเรื่องลามก ทำเรื่องที่ร้ายแรงที่สุดที่ไม่เคยมีกลุ่มชนใดในโลกนี้เคยทำมันมาก่อนเลยแม้แต่คนเดียว และ อัลฟาฮิชะฮฺ الْفَاحِشَةَ นำมาซึ่งความหายนะ ความวิบัติอย่างรุนแรงมาสู่สังคม เป็นสาเหตุหนึ่งของโรคภัยที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
อัลฟาฮิชะฮฺ คือ การสมสู่ หรือการมีความสัมพันธ์ทางเพศระหว่างผู้ชายกับผู้ชายด้วยกันทางทวารหลัง
เมื่อท่านนบีลูฏเรียกร้องเชิญชวนพวกเขามาสู่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และตำหนิการกระทำที่ลามกนี้ เพราะมันขัดกับบทบัญญัติของ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาที่ให้ชายแต่งงานและมีเพศสัมพันธ์กับหญิงที่ตัวเองแต่งงานด้วย
ในอัลกุรอานซูเราะฮฺอัชชุอะรออ์ อายะฮฺที่ 165 -166 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสถึงกลุ่มชนของท่านนบีลูฏว่า
أَتَأْتُونَ الذُّكْرَانَ مِنَ الْعَالَمِينَ ( 165 )
“พวกเจ้าจะมาสู่พวกผู้ชายจากบรรดามนุษย์บนหน้าโลกนี้อย่างนั้นหรือ ?”
นั่นก็หมายความว่า พวกเขาไม่ต้องการผู้หญิง แต่ต้องการที่จะสมสู่กับผู้ชายด้วยกันเอง
وَتَذَرُونَ مَا خَلَقَ لَكُمْ رَبُّكُم مِّنْ أَزْوَاجِكُم ۚ بَلْ أَنتُمْ قَوْمٌ عَادُونَ ( 166 )
“และพวกเจ้าจะทิ้งคู่ครองของพวกเจ้า ที่พระเจ้าของพวกเจ้าทรงสร้างไว้ให้แก่พวกเจ้าอย่างนั้นหรือ?
แน่นอน พวกเจ้าเป็นหมู่ชนผู้ฝ่าฝืน”
การที่พวกเขาไม่สนใจ ไม่ต้องการคู่ครองของพวกเขา แต่กลับไปต้องการสมสู่กับผู้ชายด้วยกันเอง ทำให้พวกเขานั้นเป็นกลุ่มชนที่ عَادُونَ กลุ่มชนที่ฝ่าฝืน ล่วงละเมิดขอบเขตบทบัญญัติของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทั้งๆที่พระองค์ทรงอนุมัติ ทรงจัดให้
ให้หญิงที่แต่งงานเป็นคู่ครองกับชายนั้น เป็นสิ่งที่ดีที่สุด ให้ความสุขที่สุด และปลอดภัยที่สุด นี่คือสิ่งที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงวางบทบัญญัติไว้ให้มนุษยชาติได้ปฏิบัติตาม ดังนั้น นอกเหนือจากนี้ไม่สามารถให้ความสุขและให้ความปลอดภัยได้อย่างแท้จริง ไม่ว่าชายกับชาย หรือไม่ว่าหญิงกับหญิงก็ไม่ได้เช่นกัน หรือแม้กระทั่งชายกับหญิงก็ต้องเป็นเพศสัมพันธ์ที่อยู่ในที่ทางของมัน
อัลหะดีษในบันทึกของอิมามอบูดาวูด รายงานจากท่านอบีหุรอยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ จากท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า
مَنْ أَتَى حَائِضًا أَوْ امْرَأَةً فِي دُبُرِهَا أَوْ كَاهِنًا فَقَدْ كَفَرَ بِمَا أُنْزِلَ عَلَى مُحَمَّدٍ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ
“ใครที่มีเพศสัมพันธ์กับ(คู่ครอง)หญิงของเขา ในขณะที่เธอมีประจำเดือน หรือ(มีเพศสัมพันธ์กับเธอ)ทาง(ทวาร)หลังของเธอ แน่นอน เขาเป็นกุฟุร ปฏิเสธต่อสิ่งที่ถูกประทานแก่มุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมแล้ว”
นั่นก็คือ บทบัญญัติที่มาจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาว่า ห้ามมีเพศสัมพันธ์กับหญิงในขณะที่เธอมีประจำเดือน และห้ามมีเพศสัมพันธ์กับเธอทางทวารหลัง เพราะทางทวารหลังไม่ใช่ที่ทางของมัน แต่ทวารหลังเป็นที่สำหรับระบายกากอาหาร ระบายของเสียที่มันเน่า มันบูด มันเสีย มันเหม็น
ท่านนบีบอกว่า ท่านจะเข้ามาหาเธอทางข้างหน้าก็ได้ หรือจะเข้ามาทางข้างหลังก็ได้ แต่ให้มันใช่ที่ของมันก็แล้วกัน ที่ของมันคือที่ที่ทำให้เกิดการผสมพันธุ์กันระหว่างไข่กับสเปิร์ม เป็นที่กำเนิดของทายาท ซึ่งทางทวารหลังนั้นมันไม่ใช่
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย เมื่อท่านนบีลูฏมาเรียกร้องเชิญชวนอย่างนี้ ส่วนใหญ่ของพวกเขาก็กลับไม่เชื่อฟัง พวกเขาทำสิ่งชั่วช้าลามกนี้จนกระทั่งปราศจากความอาย และพากันขับไล่ท่านนบีลูฏและพวกพ้องของท่านให้ออกจากเมือง
ในอัลกุรอานซูเราะฮฺอันนัมล์ อายะฮฺที่ 56 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงเล่าว่า
فَمَا كَانَ جَوَابَ قَوْمِهِ إِلَّا أَن قَالُوا أَخْرِجُوا آلَ لُوطٍ مِّن قَرْيَتِكُمْ ۖ إِنَّهُمْ أُنَاسٌ يَتَطَهَّرُونَ
“(เมื่อท่านนบีลูฏเรียกร้องเชิญชวนกลุ่มชนที่อธรรมให้มาสู่การเชื่อฟังบทบัญญัติของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา) คำตอบจากพวกเขานั้นไม่ใช่อื่นใด นอกจากพวกเขาได้กล่าว(กับพวกของเขา)ว่า
จงช่วยกันขับไล่พวกพ้องของลูฏให้ออกไปจากบ้านเมืองของพวกท่าน เพราะแท้จริง พวกพ้องของลูฏนั้นเป็นกลุ่มชนที่ يَتَطَهَّرُونَ สะอาด”
สาเหตุที่พวกเขาขับไล่ เพราะพวกเขาบอกว่า พวกพ้องของลูฏนั้นเป็นประชาชาติหรือเป็นกลุ่มชนที่สะอาดสะอ้าน ไม่ได้ทำสิ่งที่มันลามกเหมือนกับพวกเขาที่เป็นคนส่วนใหญ่ทำ พวกเขาทำสิ่งลามก ทำสิ่งที่เลวร้ายกันอย่างแพร่หลายจนไม่เหลือความอายแล้ว ดังนั้น มาไล่พวกพ้องของลูฏให้ออกไปจากเมืองกันเถอะ เหมือนเป็นการเย้ยหยันว่า เป็นคนดีก็อย่ามาอยู่ร่วมกับคนชั่ว ออกไปอยู่ไกลๆเลย นี่แหละ แทนที่พวกเขาจะเชื่อฟังก็กลับดื้อดึงฝ่าฝืน
เมื่อท่านนบีลูฏได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว แต่พวกเขาก็ยังฝ่าฝืน ยังดื้อดึง ไม่ยอมกลับตัวอยู่อย่างนี้ ท่านนบีลูฏก็ทราบแล้วว่า อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาจะต้องทรงส่งการลงโทษลงมายังพวกเขา ท่านนบีลูฏจึงได้ขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ให้ตัวท่านและบรรดาผู้ศรัทธาที่อยู่ร่วมกับท่านรอดพ้นจากอะซาบ รอดพ้นจากการลงโทษที่เกิดจากการฝ่าฝืนของพวกเขา ซึ่งอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาก็ทรงรับคำขอของท่าน ให้ท่านและบรรดาผู้ศรัทธาที่อยู่ร่วมกับท่านได้รับความปลอดภัย
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ทรงส่งการลงโทษมายังกลุ่มชนของท่านนบีลูฏที่มีพฤติกรรมที่เราเรียกกันในสมัยนี้ว่ารักร่วมเพศ ด้วยการลงโทษสี่ประการ โดยไม่เคยทรงลงโทษผู้ใดหรือกลุ่มชนใดด้วยการลงโทษสี่อย่าง โดยลงโทษอย่างต่อเนื่องเช่นนี้มาก่อนเลย มาดูกัน มีอะไรบ้าง ?
ในอัลกุรอานซูเราะฮฺอัลเกาะมัร อายะฮฺที่ 37 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า
فَطَمَسْنَا أَعْيُنَهُمْ “...ดังนั้นเราจึงทำให้นัยน์ตาของพวกเขาบอดลง......”
หลังจากนั้นการลงโทษอย่างต่อเนื่องก็ตามมา
ในซูเราะฮฺอัลฮิจญรฺ อายะฮฺที่ 73 – 75 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า
فَأَخَذَتْهُمُ الصَّيْحَةُ مُشْرِقِينَ ( 73 ) “ดังนั้น เสียงกัมปนาทได้คร่าพวกเขาเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น”
فَجَعَلْنَا عَالِيَهَا سَافِلَهَا ( 74 ) “แล้วเราได้พลิกกลับส่วนบนของมันเป็นส่วนล่าง”
ตัฟซีรอธิบายว่า อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงให้มะลาอิกะฮฺช้อนปีกไปใต้แผ่นดินที่พวกเขาอยู่อาศัย แล้วก็ยกขึ้นสูงสุด แล้วก็พลิกกลับลงมา ซึ่งนักประวัติศาสตร์บอกว่า แผ่นดินตรงนั้นก็คือ อัลบะหฺรุลมัยยิต หรือที่เราเรียกว่า ทะเลสาบเดดซี เขาบอกว่า เมื่อเวลาที่ขุดบริเวณนั้นไปลึกๆ ก็จะพบซากเครื่องใช้ไม้สอยของพวกนี้อยู่
การลงโทษประการที่สี่
وَأَمْطَرْنَا عَلَيْهِمْ حِجَارَةً مِّن سِجِّيلٍ “และเราได้ให้หินจากนรกหล่นลงมาทับพวกเขา”
เป็นหินแกร่ง ในซูเราะฮฺฮูด อายะฮฺที่ 83 บอกว่า เป็นหินที่ถูกตีตรา ถูกทำเครื่องหมายมาจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา บ่งบอกให้รู้ว่า หินนี้ไม่ใช่หินบนหน้าแผ่นดินนี้ แต่เป็นหินจากนรกที่ลงมาจากฟากฟ้า ลงมาอย่างฝน ไม่ใช่ลงมาทีละก้อนๆ แต่ลงมาอย่างแน่นหนา มืดครึ้มไปหมด ทั้งหมดนี้ด้วยเดชานุภาพของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย การที่ผมนำเรื่องของกลุ่มชนของท่านนบีลูฏที่พวกเขาส่วนใหญ่มีพฤติกรรมของรักร่วมเพศมาเสนอ เพื่อให้เป็นข้อเตือนใจเรา ให้เราทราบว่า พฤติกรรมของรักร่วมเพศที่เกิดขึ้นครั้งแรกในกลุ่มชนส่วนใหญ่ของท่านนบีลูฏนั้น มันไม่ได้หายไปไหน ยังปรากฏต่อเนื่องอยู่ทุกยุคทุกสมัย ..จนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้
จากการที่ประเทศต่างๆเคยมีกฏหมายห้ามการแต่งงานระหว่างเพศเดียวกัน ไม่ส่งเสริม ไม่สนับสนุนในเรื่องนี้ ปรากฏว่าในขณะนี้ประเทศหลายต่อหลายประเทศต่างพากันยกเลิกกฏหมายนี้ รวมถึงประเทศไทยด้วย ก็มีการนำเสนอให้ยกเลิกกฎหมายในเรื่องนี้ อนุญาตให้เป็นเรื่องที่ทำได้อย่างเสรี
แสดงว่าเรื่องร้ายแรงที่ผิดต่อบทบัญญัติศาสนา และนำมาซึ่งการลงโทษของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลานี้ กำลังถูกทำให้เป็นเรื่องถูกกฏหมาย นั่นก็หมายความว่า ฟิตนะฮฺในเรื่องนี้กำลังรุกเข้ามายังสังคมของเราได้ง่ายขึ้น จึงเป็นเรื่องที่เราต้องระมัดระวังตัวเรา ระมัดระวังครอบครัวของเรา และสังคมของเรา เราอย่าได้ไปเห็นดีเห็นงามไปกับเรื่องที่ผิดต่อบทบัญญัติศาสนา ต้องมีการตักเตือนกัน เพราะอะซาบหรือการลงโทษจะลงมายังผู้ที่ดื้อดึงฝ่าฝืนเสมอ
สุดท้ายนี้ ขออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะลาทรงคุ้มครองเรา ครอบครัวของเรา สังคมของเราให้รอดพ้นจากเรื่องเลวร้ายนี้
คุฎบะฮ์วันศุกร์ มัสยิดดารุ้ลอิห์ซาน