การละหมาด คืออิบาดะห์ที่สำคัญที่สุด
โดย... อาจารย์ซัยนุ้ลอาบีดีน หวังภักดี
قال تعالى { وَأَقِمِ الصَّلاَةَ طَرَفَيِ النَّهَارِ وَزَلَفًا مِنَ اللَّيْلِ إِنَّ الْحَسَنَاتِ يُذْهِبْنَ السَّيِّئاَتِ وَذلِكَ ذِكْرى لِلذَّاكِرِيْنَ }
" (โอ้นบีแห่งข้าฯ) จงปฏิบัติละหมาดทั้งในช่วงแรกและช่วงสุดท้ายของกลางวัน และทั้งช่วงเวลาที่แยกกำหนดไว้ในช่วงกลางคืน
แท้จริงความดีนั้นจะลบล้างความชั่ว การสั่งใช้ให้เจ้าปฏิบัติดังกล่าวนั้น เป็นคำสอน เป็นคำแนะนำแก่ผู้มีความระลึกได้ในพระผู้เป็นเจ้า "
อีกอายะห์หนึ่งกล่าวไว้ว่า
{ أُتْلُ مَا أُوْحِيَ إِلَيْكَ مِنَ الْكِتَابِ وَأَقِمِ الصَّلاَةَ إِنَّ الصَّلاَةَ تَنْهَى عَنِ الْفَحْشَاءِ وَالْمُنْكَرِ .. }
" (โอ้นบีแห่งข้าฯ) จงอ่านคัมภีร์ของอัลเลาะห์ให้ถูกต้องตามกฎเกณฑ์ และจงปฏิบัติละหมาด(ให้ครบถ้วนสมบูรณ์)
เพราะการละหมาด(ด้วยจิตใจสำรวมและบริสุทธิ์)นั้น จะทำให้ผู้ปฏิบัติหยุดการประพฤติชั่ว หันเหออกจากสิ่งที่เป็นบาป ออกจากสิ่งที่ไม่ชอบด้วยหลักการของศาสนาในที่สุด "
และการระลึกได้ในอัลเลาะห์ ในการตักวายำเกรงอัลเลาะห์ จะยังผลดีให้ผู้ปฏิบัติ ให้คุณค่า ให้ผลบุญอย่างมากมี อัลเลาะห์นั้นทรงรอบรู้ในสิ่งที่พวกเจ้าได้ปฏิบัติกัน ทั้งในความดีและความชั่ว ทั้งสิ่งที่ทำให้โดยเปิดเผยและแอบทำ
พี่น้องมุสลีมีนที่เคารพรัก .. เราเป็นมุสลิม มุสลิมต้องละหมาด การละหมาดถือเป็นรากฐานประการแรก เป็นประการสำคัญในด้านการปฏิบัติตนขั้นสูงสุด ในการดำรงไว้ซึ่งศาสนา และแสดงออกซึ่งความเป็นมุสลิมของเรา
เราพูดกันว่า ถ้าคนหนึ่งไม่ละหมาดเลย ในคุณงามความดี ในภาระหน้าที่ที่เป็นกิจวัตรประจำวัน ณ ที่พระเจ้า ในวันอาคีเราะห์โน้น จะไม่มีผลานิสงค์ คุณค่า ผลบุญตอบสนองให้อย่างแน่นอน นั่นก็เพราะว่าการคิดค่าคุณ ผลบุญตอบสนองให้นั้น เริ่มด้วยการละหมาดซึ่งถือเป็นบรรทัดฐาน เป็นอับดับสองรองจากคำสัตย์ปฏิญาณ เรียกว่าต้องละหมาด เป็นการปฏิบัติการสักการะ ยืนยันในคำสัตย์ปฏิญาณของเราต่อการเป็นเจ้าของพระเจ้า เป็นการน้อมรับในศาสนาที่พระองค์มอบให้ไว้ เป็นแนวทางปฏิบัติเสียก่อน แล้วในการประกอบกิจการงานในด้านอื่นๆ ก็จะมีผลตามมา
การละหมาดนั้นจะห้ามจากความชั่วและความผิด จะทำให้ผู้ปฏิบัติหยุดการประพฤติชั่ว หยุดกระทำในสิ่งที่เป็นภัยในที่สุด
ในอายะห์ที่กล่าวมาข้างต้น บอกให้เรารู้ว่าในส่วนหนึ่งนั้น คนเราชอบปฏิบัติชั่ว ประพฤติผิดต่อจารีตประเพณีและศีลธรรม ในสิ่งผิดพลาดเหล่านี้ เราขจัดออกได้ถ้าเราละหมาด เพราะการละหมาดนั้นคือการขัดเกลาจิตใจและทำให้มีวินัย จิตของเราจะสะอาด กริยามารยาทจะงดงาม ความประพฤติจะดี มีศักดิ์มีศรี มีบารมี ก็ต่อเมื่อเป็นบุคคลที่ได้ผ่านแล้วซึ่งการขัดเกลาจิตใจ
และการขัดเกลาที่เรากำลังพูดถึงนี้ ในอิสลามก็คือการละหมาด การเข้าสู่พิธีกรรมในการสักการะต่อพระผู้เป็นเจ้า และการละหมาดที่ให้ผลไปในด้านของการขัดเกลาจิตใจ จะต้องเป็นการละหมาดที่ถูกต้อง เป็นไปตามกฎเกณฑ์และข้อกำหนด แล้วก็ต้องเป็นละหมาดที่ปฏิบัติไปด้วยความสำรวม มีสมาธิ มีอากัปกิริยาท่าทางที่เป็นพิธีการ แสดงออกซึ่งการคารวะ น้อบน้อมและถ่อมตน เป็นละหมาดที่ตั้งความรู้สึกมุ่งไปสู่พระเจ้า ด้วยจิตที่แน่วแน่และจริงใจ เหมือนกับว่าท่านหยุดยืนต่อหน้าพระพักต์ของพระผู้เป็นเจ้า ต้องทำจิตให้ว่าง จิตกับร่างต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน และต้องรู้ต้องสำนึกด้วยว่า ที่พระเจ้ามีบัญญัติให้เราละหมาดนั้น เพื่ออะไร ! มีจุดมุ่งหมายไปในทางไหน !
ท่านร่อซูลุ้ลเลาะห์ได้กล่าวว่า
( لاَ يَنْظُرُ اللهُ إِلَى صَلاَةٍ لاَ يَحْضُرُ الرَّجُلُ فِيْهَا قَلْبَهُ مَعَ بَدَنِهِ )
"อัลเลาะห์จะไม่พิจารณาการละหมาด ที่ชายคนหนึ่งเข้าสู่การละหมาด โดยจิตกับร่างไม่สัมพันธ์กัน"
ท่านที่รัก .. การละหมาดที่จะหักห้ามความชั่ว ละหมาดที่จะทำให้ผู้ปฏิบัติหยุดการทำชั่วได้นั้น ต้องเป็นละหมาดที่มีสมาธิ ละหมาดด้วยความตั้งใจ และต้องรู้ต้องมีจิตสำนึกด้วยว่า เป้าหมายหรือจุดประสงค์ของการที่พระเจ้าบัญญัติใช้ให้ละหมาดนั้นคืออะไร ?
พระเจ้าใช้ให้เราละหมาด ในจุดแรกก็เพื่ออัลเลาะห์ เพราะพระองค์เป็นพระเจ้า เป็นที่พึ่งของเรา เราก็ต้องสักการะพระองค์ ยำเกรงในพระองค์ และจุดสุดท้ายก็เพื่อให้เราเป็นคนดี มีจริยธรรม มีคุณธรรม มีจิตใจสะอาด งดงาม จะทำอะไรก็ให้นึกถึงพระองค์ จะคบค้าสมาคม จะทำธุรกิจกับใครก็ให้นึกถึงพระองค์ ให้นึกถึงความถูกต้อง ให้นึกถึงบทบัญญัติห้ามและใช้ของพระองค์เป็นที่ตั้ง คนเราเมื่อจิตอยู่กับพระเจ้า จะทำอะไรก็ต้องตามบทบัญญัติของพระเจ้า คนที่เดินตามบทบัญญัติใช้ของพระเจ้า จะปฏิบัติในสิ่งที่ไม่ถูกต้องได้กระนั้นหรือ !
เพราะฉะนั้นที่เราท่านละหมาดกันอย่างครบถ้วน 5 เวลาไม่เคยขาดนั้น มันเป็นเรื่องดี เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจที่สุดในชีวิตความเป็นมุสลิมของเรา แต่ถ้าจะให้ดีมากขึ้น ก็ต้องเพิ่มจุดประสงค์และเป้าหมายของละหมาดเข้าไว้ในจิตใจของท่านด้วย "เรียกว่าละหมาดแล้วให้ได้จิตสำนึก" สำนึกในจริยธรรม สำนึกในคุณธรรม สำนึกในคำสั่งสอนของศาสนา สำนึกในความเป็นมุสลิม นั่นแหละครับ .. จึงจะเป็นละหมาดที่สมบูรณ์ เป็นละหมาดที่ให้ผล ให้ผู้ปฏิบัติหยุดและเลิกกระทำชั่วในที่สุด
กลับมาในแวดวงสังคมของเราท่านบ้าง หลายคนละหมาด แต่ก็ไม่ทำให้จิตใจสะอาด หลายคนละหมาด แต่ไม่ทำให้ความประพฤติดีขึ้น หลายคนถามว่า แล้วละหมาดไปทำไม ? ได้อะไรขึ้นมา และละหมาดนั้นจะหักห้ามความชั่วได้จริงหรือ ?
แน่นอน ละหมาดนั้นย่อมขัดเกลาจิต และหักห้ามความชั่วได้จริง ถ้าละหมาดนั้นเป็นละหมาดที่ถูกต้อง มีสมาธิ มีจิตสำรวม มีจิตมุ่งมั่น และต้องเป็นละหมาดที่เกิดขึ้นจากการยำเกรงในพระเจ้า เป็นละหมาดที่ได้มาซึ่งจิตสำนึกในจริยธรรมและคุณธรรม
แต่ถ้าละหมาดแบบขอไปที ละหมาดโดยไม่มีจิตสำนึก ขาดจุดประสงค์และเป้าหมาย ละหมาดเพราะต้องละหมาด การละหมาดของเขาก็เป็นเพียงการก้มๆเงยๆเท่านั้น ย่อมจะไม่ให้ผลอะไร กลับจะเป็นสิ่งด่างพร้อยให้กับตัวเองและสังคม คนเขาจะพูดว่า "อุตสาห์ไว้ใจนึกว่าเป็นคนดี เห็นละหมาดไม่ขาด"
ท่านร่อซูลุ้ลเลาะห์ได้ถูกถามถึงเรื่องราวของหญิงคนหนึ่ง ซึ่งเธอถือบวชในตอนกลางวัน ละหมาดในตอนกลางคืน และในขณะเดียวกันเธอก็ทำร้ายเพื่อนบ้านด้วยลิ้นของเธอ โดยการนินทาผู้อื่น เหน็บแนม มุสา อิจฉาตาร้อน ชอบปั้นน้ำเป็นตัว ชอบที่จะเห็นผู้อื่นมีทุกข์แล้วตัวเองจะมีความสุข
ท่านร่อซูลุ้ลเลาะห์ตอบว่า เธอผู้นั้นไม่มีความดีอะไรเลย เธอเป็นชาวนรก
ในฮะดีสนี้บอกให้เรารู้ว่า ในเรื่องของบทบัญญัติที่ใช้ให้เราท่านปฏิบัติ ไม่ใช่เฉพาะแต่เรื่องละหมาด จะเป็นบทบัญญัติข้อใหนก็ตาม ถ้าเราท่านทำโดยปราศจากจิตสำนึก และเป้าหมายในบทบัญญัตินั้น ก็มักจะไม่ได้ผลอะไร
จงอย่าละหมาดเพราะว่าเป็นมุสลิมต้องละหมาด เห็นเขาละหมาดกันเราก็ละหมาดด้วย ละหมาดไปด้วยความเคยชิน โดยไม่รู้ว่าละหมาดเพื่ออะไร ? เป้าหมายไปในทางไหน ? จงอย่าละหมาดเพื่อให้คนเขารู้ว่า เรานั้นเคร่ง ละหมาดไม่ขาด แล้วก็เที่ยวอวดอ้างสรรพคุณตนเอง จงอย่าละหมาดแล้วดึงเอาละหมาดมาแอบอ้างให้ตกต่ำ อย่างเช่นพูดว่า ฉันจะทำอย่างนั้นไปทำไม ฉันจะพูดอย่างนั้นทำไม ฉันไม่เคยทำ ฉันไม่เคยพูด ฉันละหมาดไม่ขาด ..
จงละหมาดเพราะว่าละหมาดเป็นบทบัญญัติ เป็นหน้าที่ เป็นฟัรดูที่เราท่านผู้เป็นมุสลิมทุกคนต้องปฏิบัติ จะขาดไม่ได้ พร้อมกับในละหมาดนั้น จะต้องให้ได้มาซึ่งจิตสำนึก สำนึกได้ในจริยธรรมคำสั่งสอนของศาสนา นั่นแหละจึงเป็นละหมาดที่ถูกต้อง เป็นละหมาดที่ขัดเกลาจิตใจ และหักห้ามความชั่ว ความไม่ดีในที่สุด
إِنَّ الْحَسَنَاتِ يُذْهِبْنَ السَّيِّئاَتِ وَذلِكَ ذِكْرى لِلذَّاكِرِيْنَ
"อันความดีนั้นจะลบล้างความชั่ว การสั่งใช้ให้ปฏิบัติ เป็นคำสั่งสอนแก่ผู้มีความระลึกได้ในพระผู้เป็นเจ้า เป็นข้อแนะนำ เป็นจริยธรรมคำสั่งสอนที่มาจากพระองค์"
คุตบะฮ์ มิฟตาฮุ้ลอูลูมิดดีนียะห์ บ้านดอน