ศาสนาคือการตักเตือนซึ่งกันและกัน
  จำนวนคนเข้าชม  3527


ศาสนาคือการตักเตือนซึ่งกันและกัน

 

โดย... อาจารย์ซัยนุ้ลอาบีดีน หวังภักดี 

 

قال تعالى { وَمَنْ أَحْسَنَ قَوْلاً مِمَّنْ دَعَا إِلَى اللهِ وَعَمِلَ صَالِحًا وَقَالَ إِنَّنِيْ مِنَ الْمُسْلِمِيْنَ }

 

     "จะมีผู้ใดเล่า ที่จะใช้คำพูดที่ดีไปกว่าคำพูดของคนที่เรียกร้อง ชักชวนไปสู่อัลเลาะห์ (ไปสู่การเตาฮีด การเป็นเอกภาพและการจงรักภักดีต่อพระองค์

     โดยที่เขาผู้นั้นเป็นคนที่ประกอบกิจการงานที่ดี (ที่ก่อให้เกิดเป็นคุณประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์และกลุ่มชน)

     แล้วเขาก็พูด(เป็นการยอมรับในหลักการและข้อยึดมั่น)ว่า ฉันนี้เป็นผู้หนึ่งที่เชื่อมั่นและยอมรับต่อการสั่งใช้ของอัลเลาะห์"

 

ในซูเราะห์อันนิซาอ์ อายะห์ที่ 114 กล่าวไว้ว่า

 

{ لاَ خَيْرَ فِيْ كَثِيْرٍ مِنْ نَجْوَاهُمْ إِلاَّ مَنْ أَمَرَ بِصَدَقَةٍ أَوْ مَعْرُوْفٍ أَوْ إِصْلاَحٍ بَيْنَ النَّاسِ }

 

     "คนที่พูดจากระซิบกระซาบกัน ส่วนใหญ่แล้วไม่มีความดีอะไร นั่นเพราะว่าความชั่วจะแฝงมากับลมปาก นอกจากคนที่พูดหรือกล่าววาจาใช้ให้ผู้อื่นทำกุศลธรรม บริจาคทาน หรือใช้ให้ทำความดี หรือพูดจาโน้มน้าวให้มีการประณีประนอมกันในเหล่าผู้คนและกลุ่มชน"

 

وَمَنْ يَفْعَلْ ذلِكَ ابْتِغَاءَ مَرْضَاتِ اللهِ

 

"ผู้ใดทำได้ดังกล่าว เพื่อแสวงหาความโปรดปราน ความพอพระทัยของอัลเลาะห์"

 

{ فَسَوْفَ نُؤْتِيْهِ أَجْرًا عَظِيْمًا }

 

     "ในภายภาคหน้า เรา(หมายถึงอัลเลาะห์) จะให้เขาผู้นั้นได้รับผลบุญ ได้รับรางวัลที่ยิ่งใหญ่ (ทั้งในโลกดุนยาและอาคีเราะห์ เป็นการตอบสนอง)"

 

อีกอายะห์หนึ่งกล่าวว่า

{ وَذَكِّرْ فَإِنَّ الذِّكْرَى تَنْفَعُ الْمُؤْمِنِيْنَ }

 

     "จงตักเตือนกัน เพราะการตักเตือนกันนั้น ย่อมจะทำให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ศรัทธา (ทำให้มองเห็น เข้าใจ และซาบซึ้งในข้อตักเตือนที่ดีนั้นๆ) "

 

พี่น้องที่รัก มุสลีมีนที่เคารพ

 

          ในสังคม ในกลุ่มชนของเราที่เราใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันทุกวันนี้ มีหลายคำพูดที่เราพูดออกไปแล้ว คนเขาเหม็นหน้า คนเขาไม่ชอบ และเช่นเดียวกัน มีหลายคำพูดที่เราพูดออกไป คนเขาชอบ คนเขาว่าดี เพราะฉะนั้น กริยาวาจาที่เราพูดและแสดงออกไปนั้น ให้พึงระวัง ให้ดูสภาพแวดล้อม ให้ดูอารมณ์ ให้ดูระดับของคนที่เราจะพูดด้วย

 

   ♦ เป็นเด็ก ถ้าจะพูดกับผู้ใหญ่ จะเสนอแนะให้ผู้ใหญ่ ก็ให้มีสัมมาคารวะ พูดด้วยความนอบน้อมถ่อมตน พูดด้วยความเคารพและให้เกียรติ 

   ♦ เป็นผู้ใหญ่ ถ้าจะให้คำแนะนำ สั่งสอน ตักเตือนเด็กๆ หรือบุคคลรอบข้าง อยากให้เขาได้ดิบได้ดี อยู่ในศีลในธรรม แล้วก็บริสุทธิ์ใจ 

 

          ก็ให้ดูสภาพแวดล้อม ดูเวลา ดูความเหมาะสม ให้พูดด้วยความรัก ความเอื้ออาทร ให้พูดด้วยความสนิทชิดเชื้อ ไม่ใช่นึกอยากจะพูดอะไร ก็พูดออกไปเลย แทนที่จะเป็นคำแนะนำตักเตือนสั่งสอน กลับกลายเป็นคำตำหนิติเตียน และประจานกันเสียมากกว่า ถ้าเช่นนั้นแล้ว อย่าพูด อย่าให้คำแนะนำสั่งสอนจะดีกว่า ให้อยู่เฉยๆ ทำตัวของเราให้ดี เพราะในพฤติกรรมในความดีของเรานั้น ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งในสังคม

          ทำตัวของเราให้ดี ทำตัวของเราให้สะอาด ทำตัวของเราให้เป็นคนที่สังคมยอมรับ ยกย่องและให้เกียรติเสียก่อน แล้วค่อยให้การอบรม ให้คำแนะนำสั่งสอน และตักเตือนผู้อื่น ถ้ามิเช่นนั้นแล้ว สิ่งที่เราตักเตือนเขา สั่งสอนเขา แนะนำเขา ก็จะสะท้อนกลับมาหาตัวเราเอง คนเราจะพูดว่า เที่ยวแต่สั่งสอนคนอื่น แต่ไม่ดูตัวเอง

 

ในฮะดีษบทหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า

( يَرَى الْقَذَارَةَ فِيْ عَيْنِ أَخِيْهِ وَلاَ يَرَى الْجَذَعَ فِيْ عَيْنِ نَفْسِهِ )

" เห็นผงเข้าตาคนอื่น แต่ไม่เห็นขยะเข้าตาตนเอง"

     นั่นก็หมายความว่า เห็นความบกพร่อง ความผิดพลาดของผู้อื่น แต่ไม่เห็นความบกพร่อง ความผิดพลาดของตนเอง

 

          ในสังคนมนุษย์เรา โดยเฉพาะสมัยนี้ยุคนี้ ยุคโลกาภิวัตน์ ยุคมีลิเนี่ยม หรือยุคอะไรก็แล้วแต่จะเรียกกัน ไม่มีใครชอบที่จะให้คนอื่นเข้ามาทักท้วง หรือสั่งสอนแนะนำ ทุกคนต่างก็ถือดี มีทิฐิ มีความรู้ความสามารถพอๆกัน การให้คำแนะนำสั่งสอนตักเตือนกัน จึงเป็นดาบสองคม ดีก็ดีไป แต่ถ้าไม่ดี ไม่สบอารมณ์ คนเขาไม่ยอมรับ ก็กลายเป็นคำตำหนิติเตียนไป ถ้าพูดกันต่อหน้าคน ก็กลายเป็นการประจานกัน แล้วในที่สุดก็จะผิดใจกัน ไม่ชอบหน้า ไม่ชอบขี้ปากกัน แล้วก็หันหลังให้กัน

 

          นั่นแหละครับ คือ คำพูด หรือลมปาก ที่เราต้องระมัดระวัง การที่เราจะให้คำแนะนำสั่งสอนใคร จึงเป็นเรื่องที่ลำบากและน่าอึดอัดใจ แต่จะอย่างไรก็ตาม ในหลักการและอุดมการณ์ของอิสลามนั้น ถือเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องสำคัญที่เราจะต้องให้การแนะนำสั่งสอน ให้การตักเตือนซึ่งกันและกัน และถือเป็นหน้าที่ เป็นความรับผิดชอบร่วมกัน

 

          สังคมจะดี บุคคลในสังคมจะมีความสุข ความสงบ มีความอบอุ่น ก็ด้วยวินัย ด้วยกฎระเบียบ ด้วยกฎหมาย เป็นตัวควบคุม เป็นหลักประกัน ในอิสลามนั้นเรียกว่าศาสนา เพราะในศาสนาของเรานั้น มีอะกีดะห์ มีหลักยึด มีซะรีอะห์ มีหลักปฏิบัติ เป็นกฎระเบียบ เป็นกฎหมาย และทางชี้นำ เป็นตัวควบคุมความประพฤติ เป็นหลักประกันที่ขึ้นอยู่กับผู้ปฏิบัติเอง ว่าจะให้ความศรัทธา จะให้ความร่วมมือ จะให้การยอมรับในหลักการศาสนามากน้อยเพียงใด

 

         ในสังคมของเรา ในส่วนใดที่มันจะออกนอกลู่นอกทาง ในส่วนใดเรื่องใดที่จะทำให้สังคมและกลุ่มชนของเราเดือดร้อนและเสื่อมเสีย เราต้องช่วยกันดูแล ช่วยกันตักเตือน ช่วยกันปราม ช่วยกันชี้นำ นั่นแหละคือสังคมของเรา 

 

ท่านร่อซู้ล กล่าวชี้นำให้เราทราบว่า 

( اَلدِّيْنُ النَّصِيْحَةُ )

 "ศาสนาคือการแนะนำตักเตือนกัน"

( قُلْنَا لِمَنْ يَا رَسُوْلَ اللهِ )

 "เหล่าซอฮาบะห์ถามว่า ให้กับใคร โอ้ท่านร่อซูลุ้ลเลาะห์"

( قَالَ للهِ وَلِكِتَابِهِ وَلِرَسُوْلِهِ وَلأَئِمَّةِ الْمُسْلِمِيْنَ وَعَامَّتِهِمْ )

        "ท่านตอบว่า ให้กับอัลเลาะห์ ให้กับคัมภีร์ของพระองค์ ให้กับผู้นำของบรรดามุสลิม และให้กับบุคคลทั่วไป"

 

         หนึ่ง / ( النصيحة لله ) การให้การแนะนำตักเตือนกันให้กับอัลเลาะห์ เพื่ออัลเลาะห์นั้น ก็หมายถึงให้การแนะนำตักเตือนกันให้มีอีหม่าน มีศรัทธาต่ออัลเลาะห์ ให้รับรู้ในเอกภาพในอำนาจความเป็นเจ้าของอัลเลาะห์ ให้ดำรงและรักษาไว้ ซึ่งศาสนาของพระองค์ อย่าให้ผู้ใดมาดูหมิ่นดูแคลนศาสนาของพระองค์ ให้พยายามหลีกเลี่ยงหรือปฏิเสธ ในอันที่จะนำตัวเราไปสู่การเป็นซิริก ไปสู่การตั้งภาคี ตั้งอำนาจร่วมกับพระองค์ หรือพยายามขุดคุ้ยค้นหาลักษณะตัวตนของอัลเลาะห์ว่า พระพักต์และองค์ของพระองค์เป็นอย่างไร ?

 

          อัลเลาะห์มิได้ทรงให้เราเกิดขึ้นมา เพื่อค้นหาตัวตนของพระองค์ แต่ให้เราเกิดมาเพื่อให้เรารับรู้ในอำนาจความเป็นเจ้า เป็นพระเจ้าของพระองค์ โดยให้สังเกต พิจารณา ไตร่ตรอง ในสรรพสิ่งต่างๆที่พระองค์ทรงสร้างไว้ให้ แล้วให้เอาสิ่งเหล่านั้น เป็นสื่อชี้นำไปสู่การมีพระเจ้า เชื่อว่าพระเจ้านั้นมี และพระเจ้าก็คืออัลเลาะห์

 

         เราจะมองหาอัลเลาะห์ เราก็ต้องมองโลก มองสรรพสิ่งต่างๆที่อยู่รอบๆตัวเรา เราจะมองหาตัวตนของพระองค์ไม่ได้ นั่นก็เพราะว่า

 

 {لَيْسَ كَمِثْلِهِ شَيْءٌ وَهُوَ السَّمِيْعُ الْعَلِيْمُ}

"อัลเลาะห์นั้นไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์ พระองค์ทรงได้ยินและรอบรู้

 

ในซูเราะห์อัลอันอาม อายะห์ที่ 103 บอกให้เราทราบว่า

 

{ لاَ تُدْرِكُهُ الأَبْصَارُ وَهُوَ يُدْرِكُ الأَبْصَارُ وَهُوَ اللَّطِيْفُ الْخَبِيْرُ }

 

"สายตาทั้งหลายนั้นจะไม่สามารถสัมผัสกับองค์อัลเลาะห์ได้ จะไม่สามารถมองเห็นองค์ของพระองค์ได้

แต่พระองค์นั้นจะสัมผัส จะมองเห็นสายตาเหล่านั้น และพระองค์ทรงกรุณา ทรงปรีชา ทรงเห็นและรอบรู้โดยละเอียด"

 

         และที่เรากล่าวนามว่า อัลเลาะห์ คล้ายกับว่าพระองค์เป็นบุคคลนั้น ก็เพื่อมิให้เกิดเป็นภาพ แต่เป็นนามชื่อของพระเจ้า ที่เราสามารถที่จะนำมาเป็นที่ยึดเหนี่ยว มาระลึกถึง มาอ้างอิง มาเป็นศูนย์รวมแห่งจิตใจ

 

          ดังนั้นขอให้เราท่านทั้งหลาย ช่วยเหลือกัน แนะนำกัน ตักเตือนกัน เอื้อเฟื้อกัน และเราท่านจะอยู่ในโลกดุนยานี้อย่างมีความสุข อินซาอัลลอฮ์

 

 

คุตบะฮ์ มิฟตาฮุ้ลอูลูมิดดีนียะห์ บ้านดอน