อิบ รอ ฮีม สอน พ่อ
อับดุลวาเฮด สุคนธา
หนึ่งในหลักการเผยแพร่ศาสนาอิสลามนั้นจะต้องเริ่มต้นเรียกร้องแก่คนใกล้ชิดเป็นลำดับแรก ดังเช่นที่ท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้เริ่มต้นการเผยแพร่ศาสนา คำสอนแก่บุคคลในครอบครัวของท่าน เช่น ภรรยาของท่าน (ท่านหญิงค่อดียะ) เพื่อนสหาย ท่านอบูบักร์ ท่านอุสมาน และ ท่านอาลี เป็นต้น
เช่นเดียวกันในการทำงานดะอฺวะฮฺของ นะบีอิบรอฮีมนั้น ท่านได้ทำหน้าที่ดะอฺวะฮฺครั้งแรก โดยเรียกร้องบิดาของท่านให้ละทิ้งสิ่งที่เป็นชิริก สิ่งที่เป็นกุฟรฺ คืออาชีพการสร้างรูปเจว็ด และเคารพอิบาดะฮฺมัน นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านนะบีอิบรอฮีมได้ประกาศสัจธรรมกับบิดา เป็นบทเรียนว่า ก่อนที่เราจะสั่งสอนจะเผยแผ่คนอื่น ต้องเริ่มกับครอบครัว คนที่ไปออกดะอฺวะฮฺต่างประเทศ แต่ครอบครัวตนเองยังไม่เคยสั่งสอน นั่นผิดอย่างมหันต์ ดังที่อัลลอฮฺทรงสอนท่านนะบีมุฮัมมัดว่า
وَأَنْذِرْ عَشِيرَتَكَ الْأَقْرَبِينَ
"จงตักเตือนวงศาคณาญาติของเจ้าที่ใกล้ชิด"
[อัชชุอะรออฺ 26:214]
รายงานจาก ท่านอบู ฮุรอยเราะห์ ร่อดิยัลลอฮฺอันอุ ครั้งเมื่อโองการนี้ได้ถูกประทานลงมา ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้เป่าประกาศแก่บรรดาชนเผ่ากุเรช ในพวกเขามารวมตัวกัน ท่านนบีปราศรัยในถ้อยคำว่า
♥ โอ้ชนเผ่าลูกหลานของ กะบฺ อิบนุ ลุฮัยฮฺ เอ๋ย จงทำให้ตัวของพวกท่านทั้งหลาย รอดพ้นจากไฟนรกเถิด
♥ โอ้ชนเผ่าลูกหลานของ มุรเราะฮฺ อิบนุ กะบฺ เอ๋ย จงทำให้ตัวของพวกท่านทั้งหลาย รอดพ้นจากไฟนรกเถิด
♥ โอ้ชนเผ่าลูกหลานของ อับดุลซัม เอ๋ย จงทำให้ตัวของพวกท่านทั้งหลาย รอดพ้นจากไฟนรกเถิด
♥ โอ้ชนเผ่าลูกหลานของ อับดุลมะนาบ เอ๋ย จงทำให้ตัวของพวกท่านทั้งหลาย รอดพ้นจากไฟนรกเถิด
♥ โอ้ชนเผ่าลูกหลานของ ฮาชิม เอ๋ย จงทำให้ตัวของพวกท่านทั้งหลาย รอดพ้นจากไฟนรกเถิด
♥ โอ้ชนเผ่าลูกหลานของ อับดุลมุตลิบ เอ๋ย จงทำให้ตัวของพวกท่านทั้งหลาย รอดพ้นจากไฟนรกเถิด
♥ โอ้ฟาติมะฮฺ เอ๋ย จงทำให้ตัวของเธอเอง รอดพ้นจากไฟนรกเถิด
♥ เพราะว่าฉัน (ท่านนบี)นั้น ไม่สามารถช่วยเหลือพวกท่านทั้งหลายได้ เว้นแต่พวกท่านนั้นจะได้รับอานิสงส์แห่งความเมตตาสำหรับบุคคลอยู่บนสัจธรรมที่ถูกต้อง
(บันทึกโดย บุคอรีย์)
โดยแน่นอน เครือญาติ ครอบครัวและลูกหลานของเรา ต้องได้รับการตักเตือนก่อนคนอื่น เป็นไปไม่ได้ที่ลูกหลานของเราดื่มสุราเสพยา แล้วไปสอนชาวบ้านว่าอย่าดื่ม อย่าเสพ ถ้าสอนแล้วลูกหลานของเราไม่เอา จึงมีสิทธิ์ไปสอนคนอื่น ถ้าสอนแล้วเขาไม่เอาไม่ได้หมายความว่าลูกหลานเรายังชั่วอยู่ไม่ต้องสอนคนอื่น ไม่ใช่ เราทำหน้าที่แล้ว แต่ฮิดายะฮฺไม่ใช่หน้าที่เรา เป็นเรื่องของอัลลอฮฺ
ท่านนะบีอิบรอฮีม อะลัยฮิสสลาม การเชิญชวนบิดาของท่าน ซึ่งบิดาของท่านนบีอิบรอฮีมเป็นคนทำเจว็ด และเขาก็เคารพสักการะมัน
وَإِذْ قَالَ إِبْرَاهِيمُ لِأَبِيهِ آَزَرَ أَتَتَّخِذُ أَصْنَامًا آَلِهَةً إِنِّي أَرَاكَ وَقَوْمَكَ فِي ضَلَالٍ مُبِينٍ) [الأنعام:74
“และจงรำลึกขณะที่อิบรอฮีมได้กล่าวแก่บิดาของเขา คืออาซัรว่า
ท่านจะยึดถือเอาบรรดาเจว็ดเป็นที่เคารพสักการะกระนั้นหรือ?
แท้จริงฉันเห็นว่าท่านและกลุ่มชนของท่านนั้นอยู่ในความหลงผิดอันชัดแจ้ง”
และท่านนบีอิบรอฮีมได้กล่าวกับเขาว่า :
وَاذْكُرْ فِي الْكِتَابِ إِبْرَاهِيمَ إِنَّهُ كَانَ صِدِّيقًا نَبِيًّا . إِذْ قَالَ لِأَبِيهِ يَا أَبَتِ لِمَ تَعْبُدُ مَا لَا يَسْمَعُ وَلَا يُبْصِرُ وَلَا يُغْنِي عَنْكَ شَيْئًا} [مريم:41/ 42
“และจงกล่าวถึง (เรื่องของ) อิบรอฮีมที่อยู่ในคัมภีร์ แท้จริงเขาเป็นผู้ซื่อสัตย์ เป็นนะบี
พ่อจ๋า ทำไมพ่อถึงเคารพเจว็ดเหล่านี้ ทั้งที่มันไม่ได้ให้คุณและโทษกับพ่อเลย ?”
يَا أَبَتِ إِنِّي قَدْ جَاءَنِي مِنَ الْعِلْمِ مَا لَمْ يَأْتِكَ فَاتَّبِعْنِي أَهْدِكَ صِرَاطًا سَوِيًّا
“โอ้พ่อจ๋า แท้จริงความรู้ได้มีมายังฉันแล้ว ซึ่งมิได้มีมายังท่าน
ดังนั้น จงเชื่อฟังปฏิบัติตามฉันเถิด ฉันจะชี้แนะท่านสู่ทางที่ราบรื่น”
يَا أَبَتِ لَا تَعْبُدِ الشَّيْطَانَ إِنَّ الشَّيْطَانَ كَانَ لِلرَّحْمَنِ عَصِيًّا
“โอ้พ่อจ๋า ! อย่าเคารพบูชาชัยฏอนเป็นอันขาด แท้จริงชัยฏอนนั้นมันดื้อรั้นต่อพระผู้ทรงกรุณาปรานี”
يَا أَبَتِ إِنِّي أَخَافُ أَنْ يَمَسَّكَ عَذَابٌ مِنَ الرَّحْمَنِ فَتَكُونَ لِلشَّيْطَانِ وَلِيًّا
“โอ้พ่อจ๋า ! แท้จริง ฉันกลัวว่าการลงโทษจากพระผู้ทรงกรุณาปรานีจะประสบแก่ท่าน แล้วท่านก็จะเป็นสหายของชัยฎอน”
قَالَ أَرَاغِبٌ أَنْتَ عَنْ آلِهَتِي يَا إِبْرَاهِيمُ لَئِنْ لَمْ تَنْتَهِ لَأَرْجُمَنَّكَ وَاهْجُرْنِي مَلِيًّا
เขา (บิดา) กล่าวว่า “เจ้ารังเกียจพระเจ้าทั้งหลายของฉันกระนั้นหรือ !
โอ้อิบรอฮีมเอ๋ย ! หากเจ้าไม่หยุดยั้ง (จากการตำหนิ) แน่นอนฉันจะขว้างเจ้า (ด้วยก้อนหิน) และเจ้าจงไปให้พ้นจากฉันตลอดไป”
قَالَ سَلَامٌ عَلَيْكَ سَأَسْتَغْفِرُ لَكَ رَبِّي إِنَّهُ كَانَ بِي حَفِيًّا [مريم: 41-47].
“อิบรอฮีมกล่าวว่า : ฉันจะขอดุอาจากอัลลอฮฺให้แก่พ่อของฉัน ให้พระองค์ทรงอภัยให้แก่ท่าน และอภัยให้จากบาปของท่าน แต่ว่าฉันจะไม่ทิ้งท่าน และจะไม่เคารพเจว็ดกับท่านเป็นอันขาด”
แน่นอนท่านนบีอิบรอฮีม ในฐานะเป็นลูกมีความพยามอย่างมากที่จะให้บิดานั้นได้รับทางนำจากอัลลอฮฺ ในหลายครั้งที่ลูกพยายามเรียกพ่อด้วย ถ้อยคำ สุภาพ อ่อนโยน และด้วยความรักที่มีต่อพ่อ แม้ว่าพ่อนั้นจะปฏิเสธ ดื้อดึงมากแค่ไหน ท่านนบีอิบรอฮีมยังใช้ถ้อยคำที่ว่า “โอ้พ่อจ๋า” และในที่สุดบิดาของท่านนบีอิบรอฮีม wfhสิ้นชีวิตในสภาพของผู้ที่ปฏิเสธศรัทธา
อัลลอฮฺทรงกล่าวเอาไว้ว่า
إِنَّكَ لَا تَهْدِي مَنْ أَحْبَبْتَ وَلَكِنَّ اللَّهَ يَهْدِي مَنْ يَشَاءُ [القصص: 56]
“แท้จริง เจ้าไม่สามารถที่จะชี้แนะทางที่ถูกต้องแก่ผู้ที่เจ้ารักได้ แต่อัลลอฮ์ทรงชี้แนะทางที่ถูกต้องแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์”
สิ่งที่ได้รับจากเรื่องนี้
♦ อัลลอฮฺทรงชมเชยท่านนบีอิบรอฮีมว่า ท่านนั้นเป็นบุคคลที่มีความสัจจริง
♦ ขั้นตอนในการดะวะฮฺจะต้องเรียกร้องไปสู่หลักศรัทธา เตาฮีด เป็นลำดับแรก
♦ จำเป็นที่นักดาอีย์จะต้องเรียกร้อง สอนให้แก่ผู้เป็นญาติใกล้ชิดก่อน
♦ การทำงานดะวะฮฺจะต้องใช้ถ้อยคำที่ดี สุภาพ อ่อนโยน
♦ เรามีหน้าที่สอน ชี้แนะ ส่วนเรื่องทางนำนั้นอยู่ที่อัลลอฮฺเพียงผู้เดียวเท่านั้น
♦ จะต้องใช้สำนวนโต้แย้งที่ดีกว่า
♦ ขอดุอาอฺให้เขา(ผู้ที่ปฏิเสธ) นั้นได้รับทางนำเหมือนที่เราได้รับเช่นกัน
♦ จะต้องมีความพยาม ยืนหยัดในการทำงานอิสลาม ดะวะฮฺ
♦ จะต้องละทิ้งจากคำสั่งของบิดามารดา หากว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ค้านกับคำสั่งของอัลลอฮฺ
♦ จะต้องทำดีต่อบิดามารดา ด้วย การพูดวาจาที่ดี สุภาพ อ่อนโยน