การเพิ่มการลดของริสกี
  จำนวนคนเข้าชม  11221


การเพิ่มการลดของริสกี

 

โดย อาจารย์ซอรูด นิมา

 

          ผู้ปฏิเสธศรัทธาและผู้ที่ศรัทธาไม่เข้มแข็งเชื่อว่า การตั้งหิ้งบูชาตุ๊กตานางกวักไว้ในร้านค้า การแขวนปลัดขิกหรือตะกรุดต่างๆ ไว้ที่เอว และการเจิมหน้าร้าน ฯลฯ สิ่งเหล่านี้สามารถดึงดูดลูกค้า ทำให้ได้รับโชคลาภผลกำไรมากมาย หรือได้รับริสกีเพิ่มขึ้น หลักความเชื่อดังกล่าวเป็นความเชื่อทางไสยศาสตร์ที่ยอมรับ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ อภินิหาร ผีสาง นางไม้ เทวดา เจ้าป่าเจ้าเขา ผีบ้านผีเรือน หมอดู คนทรงเจ้า ตลอดจนเทวรูปต่างๆ ว่ามีอำนาจ ก่อให้เกิดผลสำเร็จได้

 

         แท้จริง ศาสนาอิสลาม ปฏิเสธความเชื่อทางไสยศาสตร์อย่างสิ้นเชิง เพราะริสกีจะเพิ่มหรือลด ไม่ได้อยู่ที่ปัจจัยทางไสยศาสตร์ แต่อยู่ที่พระประสงค์ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เพียงองค์เดียวเท่านั้น ที่จะทรงเพิ่ม ทรงลดริสกีแก่บุคคลใดก็ได้ อันเป็นความเชื่อและศรัทธาที่ถูกต้องของอิสลาม

 

ดังที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงกล่าวว่า

ผู้ใดหรือที่ให้ริสกีแก่พวกเจ้าได้ หากพระองค์ทรงระงับริสกีของพวกเจ้า

(อัลมุลกฺ 67 : 21)

 

         แน่นอน พระองค์ทรงบอกให้เราทราบว่า หากพระองค์ไม่ประสงค์ที่จะประทานริสกีย์ให้แก่บุคคลใดแล้ว บุคคลนั้นก็ไม่มีวันที่จะได้รับริสกีของพระองค์เป็นอันขาด และอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงกล่าวอีกอายะฮฺหนึ่งในซูเราะฮฺ อันนิซาอฺว่า

และจงให้ริสกีและเครื่องนุ่งห่มจากทรัพย์ของพวกเขา

(อันนิซาอฺ 4 : 5)

 

        หมายความว่า พระองค์ทรงให้เกียรติแก่มนุษย์ โดยให้จัดการในฐานะเป็นผู้ให้ริสกีแก่มนุษย์ด้วยกัน เช่น พ่อ แม่ จ่ายเงินให้กับลูก สามีจ่ายเงินให้แก่ภรรยา พ่อแม่และสามีเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดริสกีกับลูกและภรรยา หรือคนรวยบริจาคทานให้แก่คนยากจน คนรวยเป็นปัจจัยให้เกิดริสกีแก่คนยากจน ฯลฯ

 

        และมีหลายกรณีด้วยกัน ที่พระองค์ทรงเพิ่มริสกีให้แก่มนุษย์ หากมนุษย์ประพฤติปฏิบัติตามที่พระองค์ทรงบัญญัติไว้ในอัลกุรอานและซุนนะฮฺของท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม แต่ไม่ได้หมายความว่า การประพฤติปฏิบัติตามที่พระองค์ทรงบัญญัติไว้ ในอัลกุรอานและซุนนะฮฺจะเป็นสิ่งที่มาคอยควบคุมพระประสงค์ของพระองค์ในการประทานริสกีได้ แต่ทว่าแนวทางที่พระองค์ทรงวางให้แก่มนุษย์ว่าประพฤติปฏิบัติอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มริสกีให้นั้น เป็นแนวทางที่มนุษย์จะต้องปฏิบัติตามอยู่แล้ว ส่วนจะได้รับ ริสกีเพิ่มหรือไม่ สุดแล้วแต่พระประสงค์ของพระองค์เท่านั้น

 

          อย่างกรณี...ความยำเกรงต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา (อัตตักวา) คือ การปฏิบัติตามสิ่งที่พระองค์ทรงใช้ และสิ่งที่พระองค์ทรงห้าม หมายความว่า การป้องกันตัวให้พ้นจากความโกรธกริ้วและการลงโทษของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และการยำเกรงต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เป็นเหตุได้รับริสกีจากพระองค์

 

ดังที่ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงกล่าวว่า

     “และผู้ใดยำเกรงอัลลอฮฺ พระองค์จะทรงหาทางออกแก่เขา และพระองค์จะประทานริสกีแก่เขา โดยที่เขาเองไม่คาดคิดมาก่อน

(อัฏฏอล๊าก 65 : 2-3)

 

ท่านฮาฟิซ อิบนุ กะซีร กล่าวไว้ในตัฟซีรของท่านว่า 

     “ผู้ที่ยำเกรงต่ออัลลอฮฺในสิ่งที่พระองค์ทรงใช้ และ ละทิ้งสิ่งที่พระองค์ทรงห้าม พระองค์จะทรงทำให้กิจการงานของเขามีทางออก และพระองค์จะประทานริสกีให้แก่เขาโดยไม่คาดคิด คือ จากทิศทางที่เขาไม่หวังว่าจะได้รับ

 

          ♦ และกรณีเน้นการให้เวลาต่ออิบาดะฮฺ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา คือ การใส่ใจต่อการอิบาดะฮฺพระองค์ และการใส่ใจในการทำอิบาดะฮฺจะทำให้ได้รับริสกีจากพระองค์ และอย่าไปเข้าใจว่า เป้าหมายของการทำอิบาดะฮฺ คือ การนั่งนอนแต่ในมัสยิด เพื่อรอการละหมาดห้าเวลา พอว่างจากการละหมาดก็นั่งอ่านอัลกุรอาน เสร็จจากการอ่านอัลกุรอาน ก็นั่งซิกรุ้ลลอฮฺตลอดวันตลอดคืน โดยไม่สนใจใยดีต่อการทำมาหากินเลี้ยงตัวเองและครอบครัว 

        เป้าหมายที่แท้จริงของอิบาดะฮฺ คือ หัวใจ และร่างกายจะต้องมุ่งไปสู่การทำอิบาดะฮฺอย่างมีสมาธิและนอบน้อมต่ออัลลอฮฺเพียงองค์เดียว พอเสร็จสิ้นจากการอิบาดะฮฺ ก็ต้องออกแสวงหาเครื่องปัจจัยยังชีพเพื่อเลี้ยงตัวเองและครอบครัว อย่าหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบด้วยการอ้างว่าไปดะอฺวะฮฺ โดยทิ้งหน้าที่สำคัญในการดูแลครอบครัวและบุตร

 

   ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม สอนว่า

ผู้อภิบาลของท่านทั้งหลายทรงกล่าวว่า 

   โอ้ มนุษย์เอ๋ย จงเอาใจใส่ต่อการสักการะฉัน ฉันจะทำให้หัวใจของเจ้าเต็มไปด้วยความพอเพียงและมือของเจ้าเต็มไปด้วยริสกี 

   โอ้ มนุษย์เอ๋ย เจ้าอย่าห่างไกลฉัน ฉันจะทำให้หัวใจของเจ้าเต็มไปด้วยความขัดสน และมือของเจ้าเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง

(บันทึกโดย อิมาม อัลฮากิม)

 

          ดังนั้น สมควรอย่างยิ่งที่เราเป็นบ่าวของพระองค์ ที่พระองค์ทรงบังเกิดเรามา เพื่อเป้าหมายให้เราอิบาดะฮฺต่อพระองค์ ถ้าเราไม่ใส่ใจที่จะทำอิบาดะฮฺต่อพระองค์ เท่ากับเราทำลายเป้าหมายของพระองค์ ถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว จะเหลืออะไรในชีวิตของเรา

 

         ♦ และกรณีการมอบหมายต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา คือ การที่หัวใจมั่นต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เพียงองค์เดียว

อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงกล่าวว่า

     “ผู้ที่มอบหมายต่ออัลลอฮฺ (ทุกๆ กิจการงาน) พระองค์ให้ความพอเพียงแก่เขา แท้จริง อัลลอฮฺทรงเป็นผู้ที่ทำให้บรรลุ (สู่ความปรารถนาของพระองค์) แท้จริง อัลลอฮฺทรงกำหนดทุกๆ สิ่งไว้แล้ว

(อัฏฏอล๊าก 65 : 3)

         การมอบหมายต่อพระองค์ จะทำให้ได้รับริสกีจากพระองค์ ท่านอุมัร อิบนุล ค็อฏฏ็อบ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ รายงานว่า ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม สอนว่า

     “หากท่านทั้งหลายมอบหมายต่ออัลลอฮฺอย่างจริงจัง แน่นอนพระองค์จะประทานริสกีแก่พวกท่าน ดังเช่นประทานริสกีแก่นกที่ออกไปตอนเช้าในสภาพที่หิวโหย และกลับมาในตอนเย็นในสภาพที่อิ่มแปล้

(บันทึกโดย อิมาม อะฮฺมัด)

 

         บางคนกล่าวว่าหากเรามอบหมายต่ออัลลอฮฺแล้ว ไม่ต้องทำมาหากินอะไรหรอก นั่งอยู่กับบ้านเฉยๆ เดี๋ยวริสกีก็มาเองนี่เป็นคำกล่าวที่บ่งบอกถึงความไม่รู้แก่นแท้ การมอบหมายต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา แท้จริง ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เปรียบเทียบชีวิตนกให้เราทราบว่านกออกหาอาหารในตอนเช้า และกลับมาในตอนเย็น แล้วมันก็ไม่ได้พึ่งอย่างเดียวอย่างใด แต่มันพึ่งและมอบหมายต่ออัลลอฮฺองค์เดียว

 

          แท้จริง ริสกีอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ มันจะไม่หายไปไหน แต่มันจะอยู่กับผู้ที่ขวนขวายและแสวงหาเหมือนอย่างนก ซึ่งนบีชี้ให้เห็นว่า การมอบหมายต่ออัลลอฮฺ ไม่ได้หมายความว่าทิ้งการขวนขวาย และการแสวงหา ดังนั้น มุสลิมทุกๆ คน จะต้องพยายามอุตสาหะบากบั่น มานะอดทนต่อการแสวงหาปัจจัยยังชีพ โดยที่เขาจะต้องมอบหมายต่ออัลลอฮฺ ตะอาลา แต่เพียงพระองค์เดียวเพราะพระองค์ คือ ผู้ประทานริสกี

 

         ♦ และกรณีการเชื่อมสัมพันธ์เครือญาติ ญาติของท่าน ที่ท่านรับมรดกของเขาได้หรือไม่ก็ตาม ญาติของท่านที่แต่งงานได้หรือไม่ก็ตาม ผู้ที่เชื่อมสัมพันธ์พี่น้องของเขา เป็นสาเหตุทำให้ริสกีของเขากว้างขวาง

 

ท่านอบูฮุรอยเราะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ รายงานว่า ฉันเคยได้ยินท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

ผู้ใดชอบที่จะให้เกิดความกว้างขวางในริสกี และอายุยืนยาว จงเชื่อมสัมพันธ์เครือญาติ

(บันทึกโดย อิมาม อัลบุคอรีย์)

 

          บางคนเข้าใจว่า ถ้าหากพี่น้องของเขาเป็นผู้ฝ่าฝืน อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จะไม่คบหาสมาคมด้วย นี่เป็นการเข้าใจผิด เพราะศาสนาอิสลามไม่ได้ห้ามทำดีต่อญาติที่ฝ่าฝืนคำสั่งใช้ของพระองค์และร่อซูลของพระองค์ แม้ว่าเขาจะยึดถือลัทธิศาสนาอื่นก็ตาม

 

          ♦ และกรณีการใช้จ่ายในวิถีทางของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา คือ การใช้จ่ายในแนวทางของพระองค์ เพื่อการช่วยเหลือศาสนา คนจน และคนยากไร้ และการใช้จ่ายในวิถีทางของพระองค์จะทำให้รับริสกี

อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงกล่าวว่า

     “และสิ่งใดที่พวกเจ้าใช้จ่าย (ในวิถีทางของพระองค์) พระองค์จะทดแทน และพระองค์คือผู้ที่ให้ปัจจัยยังชีพที่ยอดเยี่ยมที่สุด

(สะบะอฺ 34 : 39)

 

     รายงานจาก อบู ฮุรอยเราะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม บอกแก่เขาว่า อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงกล่าวว่า

โอ้ มนุษย์เอ๋ย จงบริจาคแล้วเราจะให้สิ่งทดแทนแก่เจ้า

 

          หลักฐานจากอัลกุรอานและอัลฮะดิษ ชี้ให้เห็นว่า บุคคลใดบริจาคในวิถีทางของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะ ตะอาลา พระองค์จะทดแทนให้เขาในโลกนี้และโลกหน้า

 

          ♦ และกรณีการบริจาคให้แก่ผู้ที่ศึกษาหาความรู้ เป็นสาเหตุที่ทำให้ได้รับริสกี รายงานจากท่านอนัส อิบนิ มาลิก ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า

 

     “มีพี่น้องสองคนอยู่ร่วมกันในสมัยของท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม คนหนึ่งมาศึกษาหาความรู้กับท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ส่วนคนพี่ประกอบสัมมาอาชีพ เขาได้มาร้องเรียนต่อท่านนบี ถึงน้องชายที่ไม่ช่วยทำมาหากิน 

     ท่านนบีกล่าวว่า : แน่นอนว่า ท่านจะได้รับริสกีก็เนื่องจากเขาไปศึกษานั่นเอง

(บันทึกโดย อิมาม อัตติรมิซีย์)

 

          ฮะดิษนี้ได้อธิบายว่า ผู้ที่มาร้องเรียนต่อท่านนบีว่า น้องชายมัวแต่ศึกษาหาความรู้ และปล่อยให้เขาทำมาหากินอยู่เพียงคนเดียว โดยเขาคิดว่า ริสกีที่เขาได้รับนั้นมาจากการประกอบสัมมาอาชีพของเขา เขาไม่รู้ว่า แท้ที่จริง อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เป็นผู้ประทานริสกีให้เขา ด้วยสาเหตุที่เขาเป็นผู้อุปการะจับจ่ายให้แก่น้องชายผู้ที่ศึกษาหาความรู้นั้นเอง

 

          ♦ และกรณีการทำความดีกับผู้ที่ด้อยโอกาส สิ่งที่จะทำให้มุสลิมรับริสกี คือ การทำดีต่อผู้ที่อ่อนแอ ผู้ที่ไร้ความสามารถ ผู้ที่ยากจน และผู้ที่ด้อยโอกาสในสถานภาพต่างๆ กัน เนื่องจากท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม สอนว่า

     “พวกท่านจะได้รับความช่วยเหลือ และได้รับริสกี เพราะการให้ความช่วยเหลือคนยากจนในหมู่ของพวกท่านเท่านั้น

(บันทึกโดย อิมาม อัลบุคอรีย์)

     ดังนั้น ผู้ที่มีความปรารถนาจะได้รับความช่วยเหลือ และได้รับริสกีของพระองค์ จงให้เกียรติและทำดีกับคนยากจนเถิด

 

          ♦ และกรณีการขออภัยโทษและการสำนึกผิด เป็นสาเหตุที่จะได้รับริสกี ท่านอับดุลลอฮฺ อิบนุ อับบ๊าซ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม สอนว่า

     “ผู้ที่ขออภัยโทษมากๆ อัลลอฮฺจะทรงทำให้เขาหลุดพ้นจากความวิตกกังวล จะทรงทำให้เขามีหนทางออกจากความคับแค้นทั้งปวง และจะประทานริสกีให้แก่เขา โดยที่เขาไม่คาดหวังมาก่อน

(บันทึกโดย ท่านอบูดาวูด)

          ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวถึงผลต่างๆที่จะได้รับจากการขออภัยโทษมากๆ ต่ออัลลอฮฺ ตะอาลา ส่วนหนึ่งจากผลที่ว่า คือ ริสกีจากพระองค์ ดังนั้น ผู้ที่ปรารถนาในริสกี จงเร่งรีบไปสู่การขออภัยโทษด้วยการกล่าวควบคู่ไปกับการยุติการกระทำความชั่ว และอย่าเป็นผู้ที่ขออภัยโทษด้วยลิ้นเพียงอย่างเดียว โดยปราศจากการยับยั้งชั่งใจ เพราะการทำอย่างนั้น เป็นการกระทำของผู้ที่โกหกหลอกลวง 

 

          ♦ และกรณีสุดท้าย การพอใจ ยินดีต่อการกำหนดของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และการสำนึกในพระคุณของพระองค์ พระองค์จะทรงเพิ่มริสกีและความดีงามทั้งหลาย

ดังที่อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงกล่าวว่า

หากพวกเจ้าขอบคุณ ข้าก็จะเพิ่มพูนให้แก่พวกเจ้าอีก

(อิบรอฮีม 14 : 7)

 

          การขอบคุณต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา หมายถึง การสำนึกในพระคุณของพระองค์ที่ทรงมอบความโปรดปรานและความดีงามทั้งหลายและการพอใจยินดีต่อการกำหนดของพระองค์ หมายถึง การพอใจยินดีต่อเหตุการณ์ต่าง ทั้งด้านดีและด้านร้ายที่มาประสบกับชีวิต หากเป็นด้านดีก็ต้องสำนึกในพระคุณของพระองค์ และหากเป็นด้านร้ายก็ต้องอดทน เพราะนั่นคือการทดสอบ มิใช่เป็นการลงโทษหรือโกรธกริ้วของอัลลอฮฺ ตะอาลา ดังกล่าว ย่อมเป็นการดีต่อตัวเขาเอง

 

ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม สอนว่า

      “เรื่องราวของผู้ศรัทธานั้น มันช่างน่าอัศจรรย์เสียนี่กระไร เนื่องจากว่ากิจการของเขาทั้งหมด ล้วนแต่เป็นความดีทั้งนั้น กล่าวคือ หากว่าเขาได้รับความสุขสบาย เขาก็ขอบคุณต่ออัลลอฮฺย่อมเป็นความดีแก่เขา แม้เขาต้องประสบกับเคราะห์กรรม เขาก็อดทน ก็ย่อมเป็นความดีให้แก่เขา

 

          ดังนั้น การสำนึกในพระคุณ และการพอใจยินดีต่อการกำหนดของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา จะทำให้ไดรับริสกีและความดีทั้งหลาย ส่วนผู้เนรคุณ และผู้ไม่พอใจต่อการกำหนดของอัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา พระองค์จะทรงทำให้ริกสีของเขา ต้องมลายไปเหมือนอย่างเช่นตระกูลสะบะอฺ ที่พระองค์ประทานริสกีเรือกสวนไร่นาอันอุดมสมบูรณ์ให้แก่พวกเขา แต่พวกเขาไม่สำนึกในพระคุณของพระองค์

ดังที่อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงกล่าวกล่าวว่า

 

     “แท้จริง ก่อนนี้ชนชาวเยเมนตระกูลสะบะอฺ มีเครื่องหมายอันหนึ่งสำหรับพวกเขา ที่ชี้ให้เห็นถึงเดชานุภาพของอัลลอฮฺ นั่นคือสวนต้นไม้สองชนิด ทั้งซ้ายขวาในหุบเขาที่พวกเขาอาศัยอยู่

     มีผู้สั่งเขาว่าสูเจ้าจงกิน (จงดื่ม) จากริสกีที่พระเจ้าประทานให้เถิด จงสำนึกในพระคุณของพระองค์ มันเป็นสิ่งที่ดีเยี่ยม (ปลอดจากสัตว์และแมลงร้ายทั้งหลาย) และอัลลอฮฺยังทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงอภัยเสมอ

     แต่พวกเขาเนรคุณพระเจ้า เราจึงทำให้เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมจากฝนตกหนัก แลเราได้ทำให้สวนไม้ทั้งสองที่กล่าวมา เป็นสองสวนที่มีแต่ไม้รสขม ต้นสน และต้นพุทราเล็กน้อย

     การเปลี่ยนเช่นว่านั้น เป็นการตอบแทนการเนรคุณของพวกเขา เราไม่ตอบแทนพวกเขาเนื่องจากสิ่งอื่น นอกจากการเนรคุณเท่านั้น

(สะบะอฺ 34 : 15 – 17)

 

          อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงมีพระประสงค์ที่จะเตือนพวกเราว่า อย่าได้เป็นผู้ที่ไม่สำนึกในพระคุณของพระองค์ เพราะการกระทำดังกล่าวจะทำให้ริสกีของเราต้องสูญไป และพระองค์ทรงมีพระประสงค์ให้เราพิจารณาถึงเจ้าของสวนที่ใจบุญ ที่ได้ทำการบริจาคทานผลไม้ให้แก่คนยากจน แต่ต่อมาในสมัยที่ลูกเป็นเจ้าของสวน กลับไม่มีการบริจาคทานให้แก่คนยากจน ทั้งที่คนยากจนมีสิทธิที่จะได้รับการบริจาค

ดังที่อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงกล่าวว่า

 

     “ดังนั้น การลงโทษจากพระเจ้าของเจ้าได้มาทำลายสวนนั้น ขณะที่พวกเขากำลังนอนหลับอยู่ ครั้นในตอนเช้า มันก็กลายเป็นราบเรียบเหมือนถูกตัด

(อัลกอลัม 68 : 19 – 20)

 

          อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงทำให้เกิดไฟไหม้สวนของพวกเขาทั้งหมด อันทำให้ริสกีของพวกเขาต้องสูญไป เนื่องจากเขามีริสกีอันมากมาย แต่ไม่ทำการบริจาคให้แก่คนยากจนขัดสน และทรงมีพระประสงค์ให้เราพิจารณาถึงการทดสอบพวกที่ร่ำรวยและสุขสบายในโลกนี้ แต่พวกเขากลับไม่ให้ความช่วยเหลือแก่คนยากจนขัดสนและเด็กกำพร้า

 

ดังที่อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงกล่าวว่า

มนุษย์บางคนเมื่อพระเจ้าของพวกเขาทดสอบ โดยประทานความสุขสบายให้ พวกเขาก็จะพูดว่า พระเจ้าของฉันได้ให้เกียรติแก่ฉันอย่างดีทีเดียว

     แต่ถ้าพระองค์ทดสอบพวกเขา โดยทรงทำให้ริสกีของเขาน้อยลง เขาก็จะพูดว่า พระเจ้าของฉันทรงเกลียดฉันแล้ว มันไม่ใช่ว่ารักละก็ให้สบาย เกลียดละก็ให้จน แต่อยู่ที่เจ้าทำตามคำสอนหรือไม่

     ยิ่งกว่านั้น พวกเจ้ายังไม่ดูแลเด็กกำพร้า พวกเจ้าไม่ให้ความร่วมมือต่อการให้อาหารแก่คนอนาถา

(อัลฟัจญ์รฺ 89 : 15 – 20)

 

          อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงกำหนดความมั่งมี ความสุขสบาย ความยากจน ความขัดสนให้แก่มนุษย์ ไม่เป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นว่า พระองค์ทรงให้เกียรติหรือพระองค์ทรงกริ้ว แต่การที่ได้รับริสกีอันมากมาย เป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นถึงการทดสอบจากพระองค์ ว่ามนุษย์จะสำนึกในพระคุณของพระองค์ด้วยการบริจาคทาน สนับสนุน ให้ความช่วยเหลือแก่คนยากน คนอนาถา และเด็กกำพร้าหรือไม่ 

          ส่วนการที่ได้รับริสกีอันน้อยนิด เป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นถึงการทดสอบจากพระองค์ ว่าจะอดทนในการดำเนินชีวิตโดยไม่ข้องเกี่ยวข้องสิ่งที่ต้องห้ามตามศาสนาบัญญัติหรือไม่ 

          ดังนั้น ผู้ที่ได้รับเกียรติจากพระองค์ก็คือผู้ที่ปฏิบัติตามในสิ่งที่พระองค์ทรงใช้ ละเว้นในสิ่งที่พระองค์ทรงห้าม อันเป็นผลที่ทำให้เราได้รับสวรรค์ที่มั่นคงสถาพรสืบไป

 

 

ที่มา : อนุสรณ์งานประจำปี โรงเรียนมุสลิมวิทยาคาร 16 มกราคม 2559