ทรัพย์สินส่วนรวมคือทรัพย์สินของประชาชน
  จำนวนคนเข้าชม  3009


ทรัพย์สินส่วนรวมคือทรัพย์สินของประชาชน

 

โดย หนุ่มสิบเก้า

 

♥ ดำรัสของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา นั้น ถูกต้องที่สุด

♥ ทางนำที่ดีที่สุด คือ ทางนำที่ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม นำมาเผยแพร่

 

          ผู้นำที่ดีมีอีมาน ต้องเป็นนักพัฒนา ให้ความดีต่างๆ เจริญงอกงามตามวิถีทางของอิสลาม โดยยึดหลักการของการพัฒนา 4 ประการต่อไปนี้

1. อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ผู้ทรงสร้างสิ่งต่างๆ ในโลกใบนี้

2. โลกที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงสร้างมานี้เพื่อให้มนุษย์ใช้ประโยชน์

3. มนุษย์ คือ ตัวแทนที่ต้องรับผิดชอบในการพัฒนาโลก

4. การดำเนินชีวิตในโลกใบนี้ ต้องมีอิสลามเป็นหลักยึดเหนี่ยว

 

          ส่วนปัจจัยที่จะต้องยึดถือเป็นแนวทางการพัฒนาความดีต่างๆ นั้นคือ

 

     1. การจะพัฒนาให้ความดีต่างๆ ของอิสลาม มีความมั่นคงยั่งยืน ต้องอาศัยการเรียนรู้ และ การปฏิบัติอย่างแท้จริงเป็นหลัก

 

     2. ศาสนาของอัลลอฮฺ มิได้ขัดขวางการพัฒนาสู่ความเจริญรุ่งเรืองด้านต่างๆ แต่ประการใด ตรงกันข้าม ศาสนาของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา จะเป็นพี่เลี้ยงให้มนุษย์อย่าได้ทำอะไรล้ำเส้น นอกกรอบ นอกรีด เป็นกฎหมาย เป็นกติกาที่ต้องยึดถือ ถ้าทำผิดกติกาก็พังอย่างเดียว

ดังนั้น จงเกรงกลัวและเคารพอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง

 

     3. ประเทศที่เขาพัฒนาแล้ว หรือกำลังพัฒนา เขาให้ความสำคัญด้านการศึกษาต่อประชากรเป็นหลักสำคัญ

 

          สำหรับผลแห่งการปฏิบัติตามหลักการของอิสลามจะเป็นประการใด ท่านจะได้ทราบในตอนท้ายของเรื่องที่ข้าพเจ้านำมาเสนอนี้ ซึ่งเรื่องที่ข้าพเจ้าจะนำเสนอให้ท่านได้พิจารณา และเป็นความรู้เพื่อนำไปใช้ให้ถูกต้องตามที่ศาสนาได้กำหนดไว้ ก็คือทรัพย์สินของส่วนรวม ก็คือทรัพย์สินของประชาชน

 

          ผู้นำมุสลิมที่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ที่แท้จริง ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งผู้นำงานใดก็แล้วแต่ จะเป็นอิมาม คอเต็บ ครูบาอาจารย์ จนถึงผู้นำบ้านเมืองก็สุดแล้วแต่ ต้องมีความรับผิดชอบทรัพย์สินของส่วนรวมหรือทรัพย์สินของรัฐ ซึ่งก็คือทรัพย์สินของประชาชนนั่นเอง ต้องอนุมัติเบิกจ่ายเงินของส่วนรวมในโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ไม่ใช้ไปในหนทางไม่ถูกไม่ควร ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ท่านจะอนุมัติเบิกจ่ายเงินของแผ่นดินด้วยตนเอง และนำไปใช้ในโครงการที่เกิดประโยชน์กับประชาชน และส่วนรวมเท่านั้น

 

          ครั้งหนึ่ง ได้มีข้าราชการที่ได้รับความไว้วางใจให้ไปเก็บซะกาตจากประชาชนตามหัวเมืองต่างๆ รวบรวมมอบให้ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ซึ่งอยู่ที่นครมะดีนะฮฺ แต่ข้าราชการผู้นี้ได้ยักยอกเงินซะกาตบางส่วนไว้ โดยอ้างเป็นของกำนัลที่มีบางคนให้มา ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม สังเกตเห็นว่า ข้าราชการผู้นี้มีพิรุธ ส่อไปในทางทุจริต ท่านจึงลุกขึ้นพูด ให้ผู้ที่อยู่ในมัสยิดในขณะนั้นได้ทราบทันทีว่า

 

           “ข้าพเจ้าได้ใช้ให้ชายผู้นี้ไปปฏิบัติหน้าที่ตามที่ข้าพเจ้าได้รับมอบหมายจากพระองค์อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา แต่พอเขากลับมากับบอกว่า นี่คือทรัพย์สินส่วนของท่านทั้งหลาย และนี่คือทรัพย์สินส่วนของฉันที่มีคนเขามอบให้เป็นของกำนัล

     ก็ถ้าเช่นนั้น ลองให้เขานั่งอยู่กับบ้าน หรือไปนั่งที่บ้านแม่เขาก็ได้ ลองดูซิว่า จะมีใครนำของอะไรมาให้เขาหรือไม่ ข้าพเจ้าขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ว่าใครจะมาเอาทรัพย์สินนี้ไปไม่ได้เป็นอันขาดแม้สักชิ้นเดียว ถ้าไม่เช่นนั้น ในวันกิยามะฮฺ เขาต้องรับผิดชอบ และถูกไต่สวน

 

          ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ตัดสินถูกต้องแล้ว เพราะข้าราชการนั้นมีเงินเดือนประจำอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปรับของที่ใครให้เป็นของกำนัลอีกแล้ว เพราะผู้ให้ย่อมต้องหวัง และมีเป้าหมายเพื่อความสะดวกอะไรสักอย่าง หรือเพื่อเป็นการปิดปาก ไม่ให้พูดในสิ่งที่พวกเขาได้ประโยชน์หรืออีกหลายสิ่งหลายอย่าง ที่พวกเขาหวังจะได้ประโยชน์โดยสะดวก ไม่มีใครขัดขวาง 

 

          ในปัจจุบัน เราก็คงได้ยิน ได้ทราบจากข่าวคราวประเภทนี้มากมาย จะปราบปรามก็ยาก เพราะเจ้าหน้าที่ทำกันเสียเอง หากจะมองที่มันเกิดขึ้นใกล้ตัวเรา ในแวดวงสังคมมุสลิมเรานี่แหละ ก็มีการทำแบบนี้เกิดขึ้นมากมาย เช่น 

 

          ทางสถาบันการศึกษามอบหมายให้เจ้าหน้าที่คนหนึ่งไปเดินเรื่องพานักเรียนไปเรียนต่อต่างประเทศ ไว้วางใจ โดยคิดว่าไม่น่ามีปัญหา เพราะเป็นถึงครูบาอาจารย์ แต่พอเอาเข้าจริงกลับมีปัญหา ได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครองนักเรียนว่า ทางสถาบันเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเกินความเป็นจริงตามที่ทราบมา ไม่ว่าจะเป็นค่าตั๋วโดยสารเครื่องบินหรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ โดยที่การกระทำดังกล่าว ทางสถาบันไม่ได้เป็นผู้เรียกร้องแต่ประการใด ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถาบัน อย่างนี้ก็มีเกิดขึ้นแล้ว 

 

           มัสยิดบางแห่ง อิมามซึ่งกำเงินของมัสยิดอยู่ดันเอาเงินมัสยิดไปหมุนขาดทุน ไม่มีเงินใช้มัสยิด ก็ขอให้คณะกรรมการยกหนี้ให้ อย่างนี้ก็มี ซึ่งการกระทำที่ยกมาไม่ถูกต้อง เพราะเงินที่ได้มาจากประชาชน เขาให้มาก็เพื่อให้ใช้ในกิจการของสถาบันนั้นๆ ในเรื่องที่เป็นกุศล ในเรื่องการศึกษา การเผยแผ่ศาสนา แล้วเราจะเอามาใช้ส่วนตัวเรา หรือทุจริตทรัพย์สินส่วนรวม จะด้วยวิธีใดก็แล้วแต่ ย่อมไม่ถูกต้องทั้งสิ้น ถ้าไม่ปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้อง โปร่งใส ก็จะเป็นเหมือนชายข้าราชการที่ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ตำหนิ และจะได้รับโทษในวันกิยามะฮฺ ในโลกนี้ ก็ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล บ้านเกิด เมืองนอน รวมทั้งหน้าที่การงานอีกด้วย

 

          อีกประการหนึ่งซึ่งสำคัญยิ่ง ที่ได้จากคำสอนของท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ที่กล่าวมา ก็คือ ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม พยายามป้องกันทุกวิถีทาง มิให้ทรัพย์สินของส่วนรวมต้องถูกลิดรอนไปในทางที่ไม่ถูกไม่ควร ทุกบาททุกสตางค์เก็บมาจากประชาชนต้องเก็บรักษาไว้ และเมื่อมีความจำเป็นต้องใช้ก็ต้องแน่ใจว่านำไปใช้อย่างถูกต้องเป็นประโยชน์อย่างแท้จริง

 

          และอีกตัวอย่างหนึ่งที่จะขอนำมาเป็นอุทาหรณ์ในเรื่องนี้ คือ ตัวอย่างที่ได้จากท่านค่อลีฟะฮฺอุมัร อิบนุ ค็อฏฏอบ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ และท่านค่อลีฟะฮฺอาลี ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ท่านทั้งสองสำนึกในหน้าที่ผู้นำอย่างเต็มเปี่ยม พยายามรักษาทรัพย์สินที่ได้มาจากประชาชนอย่างดีที่สุด เมื่อจำเป็นต้องใช้ก็นึกถึงประชาชนเป็นอันดับแรก ดูตัวอย่าง 

 

     ค่อลีฟะฮฺอาลี ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ท่านได้กล่าวให้ประชาชนทราบในเรื่องทรัพย์สินส่วนรวมว่าอย่างไร ท่านกล่าวว่า

     “ท่านทั้งหลายจงรู้ด้วยว่า ข้าพเจ้าเป็นผู้ถือกุญแจทรัพย์สินของท่านทั้งหลาย แต่ข้าพเจ้าไม่ถืออำนาจ นำเงินมาใช้แม้จะเป็นสักเหรียญเดียวก็ไม่เอา หากว่าท่านทั้งหลายไม่ได้ประโยชน์จากเงินเหรียญนั้นด้วย

 

     ครั้งหนึ่งในสมัยการปกครองของค่อลีฟะฮฺอุมัร ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ท่านค่อลีฟะฮฺอาลี ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้เห็นค่อลีฟะฮฺอุมัร ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ รีบเดินจ้วงเอา จ้วงเอา ท่ามกลางแสงแดดอันร้อนจ้ายามเที่ยง ราวกับว่ามีเรื่องสำคัญนัก เป็นที่ผิดสังเกต 

     จึงเอ่ยถามไปว่ามีเรื่องอันใดสำคัญหรือ ดูท่านรีบเดินเหมือนจะไปหาอะไรที่สำคัญสักอย่าง” 

     ค่อลีฟะฮฺอุมัร ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ตอบว่าก็อูฐตัวหนึ่งซึ่งเป็นทรัพย์สินของส่วนรวมหายไป กำลังเดินออกตามหาอยู่นี่แหละ” 

     ค่อลีฟะฮฺอาลี ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวด้วยความเห็นใจว่าข้าพเจ้าเห็นแล้วเหนื่อยแทนท่านจริง

 

          จริงอย่างที่ท่านค่อลีฟะฮฺอาลี ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ พูด ใครก็ตามที่เป็นผู้นำ ก็ต้องเหนื่อยเช่นนี้เหมือนกันหมด ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าค่อลีฟะฮฺอุมัร ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ เหนื่อยทั้งกาย เหนื่อยทั้งใจ เพื่อพิทักษ์รักษาทรัพย์สินของส่วนรวมมิให้สูญ หรือหดหายไป จะเหนื่อยยากตากแดดตากลม อดตาหลับขับตานอนก็ต้องยอมทน หากผู้นำท่านนั้นมีจิตสำนึก มีศาสนา 

 

          ประการสำคัญที่สุด ผู้นำจะต้องเริ่มที่ตัวเองก่อน มิให้ตัวเองต้องมัวหมอง เพราะนำทรัพย์สินส่วนรวมไปใช้ส่วนตัว ต้องไม่ให้ใครมาตำหนิได้ว่า ใช้อำนาจที่มีอยู่เกาะกินหรือทำให้ทรัพย์สินส่วนร่วมเสียหาย ต่อมาก็ครอบครัว ลูกเมีย พี่น้องไม่ให้มาก้าวก่าย หรือมีส่วนนำทรัพย์สินส่วนรวมไปใช้เช่นกัน

 

          จากที่กล่าวมาพออนุมานได้ว่า การเป็นผู้นำตัวจริงไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่ความหรูหรามีเกียรติอย่างที่คิดกันเสียแล้ว จะหวังกอบโกยผลประโยชน์เพื่อตนเอง และพวกพ้องง่าย อย่างที่คิดคงไม่ได้เสียแล้ว และถ้าง่ายจริงๆ อย่างที่ต้องการ ก็จะไปตรงกับคนคนหนึ่งที่ค่อลีฟะฮฺอุมัร ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ พูดเตือนไว้ว่า

 

ทรัพย์สินนี้ท่านได้มาจากไหน ? รู้ไหมว่าท่านกำลังสะสมไฟนรก และสร้างความอับอาย

 

          ค่อลีฟะฮฺอุมัร ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ พูดไว้นี้หมายความว่าอย่างไร ? หมายความว่าใครก็ตามที่เป็นผู้นำก็ดี ข้าราชการก็ดี ถ้าร่ำรวยผิดปกติ ให้แน่ใจได้เลยที่งอกเงยขึ้นมาได้ เนื่องจากการทุจริตไม่ชอบธรรม และทรัพย์สินส่วนนี้แหละจะกินจะใช้ไปอย่างไร ถือว่า ฮะรอมทั้งสิ้น เป็นบาปที่ทำล่วงหน้าไว้ สร้างความอับอายให้แก่ตัวของเขา รอการทวงถาม รอการชดใช้ และรอการลงโทษจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา

 

     “และพวกเจ้าอย่ากินทรัพย์สินของผู้อื่นโดยมิชอบ และจงอย่าจ่ายสินบนให้แก่ผู้พิพากษา เพื่อที่พวกเจ้าจะกินส่วนหนึ่งจากทรัพย์สินของผู้อื่น ด้วยการทำในสิ่งที่เป็นบาป ทั้งๆ ที่พวกเจ้ารู้อยู่แก่ใจ

(อัลบะกอเราะฮฺ 2 : 188)

 

บทสรุป 

          การนำเอาทรัพย์สินส่วนรวมไปใช้ การทุจริตต่อหน้าที่ที่ได้รับการไว้วางใจจากผู้อื่น การกินทรัพย์สินผู้อื่นโดยไม่ชอบธรรม ฯลฯ ล้วนเป็นบาปทั้งสิ้น ผิดไปจากหลักการที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮู วะตะอาลา ทรงกำหนดไว้  ถือว่าเป็นการล้ำเส้น นอกกรอบ นอกกติกา ถ้าทำผิดกติกาก็พังอย่างเดียวแล้ว จะมีอะไรหลงเหลือให้ท่านได้ชื่นชมในโลกใบนี้ ทุกอย่างที่ท่านสะสมไว้พังพินาศหมด เพราะฉะนั้น สิ่งเดียวที่จะช่วยได้ ก็คือ จะต้องยึดหลักการที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงกำหนดไว้ให้มั่น 

 

          และตามที่ข้าพเจ้าสัญญาไว้แต่ตอนต้นว่า ผลของการปฏิบัติตามหลักการของอิสลาม จะเป็นอย่างไร? คำตอบก็คือ

          จะประสบกับความสำเร็จทุกด้าน สถาบัน หรือองค์กรต่างๆ ก็จะมีแต่ความก้าวหน้า เพราะว่าได้ผู้นำดี ได้คณะผู้บริหารดี ประชาชนมีการศึกษา มีงานทำ อยู่ดีกินดี และที่สุดของที่สุดก็คือ มีความสุขทั้งในโลกนี้และโลกหน้า

 

 

ที่มา : อนุสรณ์งานประจำปี โรงเรียนมุสลิมวิทยาคาร 18 ธันวาคม 2553