จะไหว้ผู้สร้างหรือผู้ถูกสร้าง
โดย ... อาจารย์ฮะซัน นาคนาวา
มนุษย์ทุกคนย่อมเป็นทาสแต่จะเป็นทาสของผู้สร้างหรือผู้ถูกสร้างเท่านั้น แม้กลุ่มวัตถุนิยมที่ไม่เชื่อพระเจ้าแต่ที่จริงก็ทาสวัตถุนั่นเอง โดยเหตุผลแล้วผู้ถูกสร้างต้องไหว้ผู้สร้าง เพราะเป็นผู้มีพระคุณอันใหญ่หลวง ไม่ใช่กลับตาลปัตร (ผู้สร้างดันทุรังไปไหว้ผู้ถูกสร้าง) เพราะไหว้เจ้าผิดๆ บั้นปลายชีวิตจึงวอดวาย
อิสลามสอนว่า ทุกผู้ทุกนามไม่สามารถหลุดพ้นสภาพแห่งการเป็นทาสของพระผู้ทรงสร้างไปได้ นี้คือสัจธรรม
อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสว่า
“ไม่มีผู้ใดในฟากฟ้าและแผ่นดิน เว้นแต่เป็นผู้มายังพระผู้ทรงกรุณายิ่งในสภาพทาสผู้หนึ่ง” (หมายถึงในปรโลก)
(มัรยัม 19 : 93)
หามีเจ้าใดๆ ไม่ ที่มีส่วนร่วมในการครองความเป็นเจ้าแห่งการสร้างร่วมกับอัลลอฮฺ ตะอาลา
อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสว่า
“ดังนั้น อัลลอฮฺพระผู้สร้างที่ยอดเยี่ยมที่สุดนั้นทรงจำเริญยิ่ง”
(อัลมุอฺมินูน 23 : 14)
อิสลาม นับเป็นพระคุณอันยิ่งใหญ่แก่โลกมนุษย์ เพราะอิสลามมาอัพเกรดยกระดับ และปลดปล่อยมนุษย์จากการเป็นทาสวัตถุสู่การเป็นทาสของผู้สร้างวัตถุ
“และส่วนหนึ่งจากบรรดาสัญญาณของพระองค์ คือ การมีกลางคืน กลางวัน ดวงอาทิตย์และ ดวงจันทร์ พวกเจ้าอย่ากราบไหว้ดวงอาทิตย์และอย่าไหว้ดวงจันทร์ แต่จงกราบไหว้อัลลอฮฺผู้ทรงสร้างพวกมัน หากว่าพวกเจ้าเคารพบูชาพระองค์เท่านั้น”
(ฟุศศิลัต 41 : 37)
วัตถุใหญ่ที่สัมผัสได้ด้วยตา เช่น ฟ้า ดิน ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ต่างก็เป็นสรรพสิ่งที่อัลลอฮฺทรงสร้างพวกมันมาทั้งสิ้น พวกมันไม่มีสิทธิ์มาเป็นเจ้าให้ใครกราบไหว้ !
เวลาเราเห็นใครสร้างอะไรสวยๆ งามๆ เรามักจะพูดอวดกันว่า “เห็นฝีมือไหม?” แต่เรามองข้าม การสร้างที่ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทานของอัลลอฮฺ อัลลอฮฺทรงสร้างดวงอาทิตย์ดวงเดียวเป็นไฟฟ้าให้โลกสว่างมานานนับล้านปี ไม่เคยส่งเจ้าหน้าที่เอาบิลมาเก็บค่าไฟ เราเคยคิดกันสักนิดไหมว่า พระเจ้าทรงสร้างดวงอาทิตย์มาจากวัสดุอะไร เชื้อเพลิงจากพลังนิวเคลียร์อะไร ทำไมไม่รู้จักหมด และไม่เห็นมีมหาอำนาจที่ไหนเป็นพลังขับเคลื่อนโลก ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และอื่นๆ ให้หมุนรอบตัวมันและโคจรอย่างมีระบบมาตรฐานมั่นคง แล้วใยทำไมไม่เห็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์บ้าง กลับไปเห็นพลังอำนาจจอมปลอม
“พวกเขายึดผู้อื่นจากอัลลอฮฺเป็นเจ้าหลายเจ้า ทั้งๆ ที่เจ้าเหล่านั้นมิได้สร้างอะไรได้เลย อีกทั้งตัวเองก็ถูกสร้างไม่สามารถให้โทษให้คุณอะไรได้ และไม่มีอำนาจให้ตายให้เป็นหรือฟื้นคืนชีพได้”
(อัลฟุรกอน 25 : 3)
แต่ถึงกระนั้น อนิจจา ทั้งอดีต ปัจจุบันยังมีผู้บูชาสิ่งเหล่านั้นมากมายที่เรียกว่า ลูกพระอาทิตย์ ลูกพระจันทร์ ลูกช้าง ลูกกรอก เป็นต้น
คัมภีร์อัลกุรอาน อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ตรัสในซูเราะฮฺอัลหะดิด, อัลหัซรฺ และอัศศ็อฟ โดยเริ่มอายะฮฺแรกด้วยกับคำว่า
“สรรพสิ่งในฟากฟ้าและในแผ่นดินต่างสดุดีสรรเสริญแด่พระองค์ พระองค์ผู้ทรงเกรียงไกร ทรงปรีชาญาณ “
(อัลหะดีด 57 : 1)
“สรรพสิ่งในฟากฟ้าและในแผ่นดินต่างสดุดีสรรเสริญแด่พระองค์
พระองค์ผู้ทรงเกรียงไกร ทรงปรีชาญาณ” (คือ สยบในความยิ่งใหญ่ของพระองค์)
(อัลหัซรฺ 59 : 1 และ อัศศ็อฟ 61 : 1)
“ฟ้าทั้งเจ็ด แผ่นดินกับผู้ที่อยู่ในนั้นต่างแซ่ซ้องสดุดีแด่พระองค์ ไม่มีสิ่งใดๆ เว้นแต่สิ่งนั้นจะต้องสดุดีด้วยการสรรเสริญพระบารมีของพระองค์ทั้งสิ้น แต่พวกเจ้าไม่เข้าใจคำสดุดีของพวกเขา หรือ แท้จริงพระองค์นั้นทรงหนักแน่นทรงอภัยเสมอ”
(อัลอิสรออฺ 17 : 44)
แม้ดวงอาทิตย์เอง ยังเคารพกราบไหว้อัลลอฮฺเมื่อโคจรถึงปลายทางของมัน อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสว่า
“และดวงอาทิตย์นั้นจะโคจรถึงที่มั่นปลายทางของมัน นั้นเป็นการกำหนดของพระผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงรอบรู้”
(ยาซีน 36 : 38)
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้อธิบายอายะฮฺนี้ไว้ บุคอรีย์บันทึกรายงานจากอบูชัรรินว่า
“ข้าพเจ้าอยู่ที่มัสยิดกับท่านนบี ตอนพระอาทิตย์ตก ท่านถามว่า เจ้าทราบไหมว่าอาทิตย์ตกกลับไปไหน ?
ข้าพเจ้าตอบว่า อัลลอฮฺและร่อซูลทรงรู้ดี
ท่านบอกว่า มันโคจรไปจน ไปก้มกราบอยู่ใต้อะรัช (ราชบัลลังลังก์ของพระองค์) นั่นคือ คำตรัสที่กล่าวมา
“อะห์หมัดเล่าว่า มันโคจรมาสุญูดก้มกราบต่อหน้าพระผู้อภิบาลของมันแล้วขออนุญาตลากลับ ก็ได้รับอนุญาตลากลับที่เดิมทางทิศตะวันขึ้น แล้วท่านก็อ่านอายะฮฺนี้”
และในรายงานอื่นๆ ระบุว่า จวบจนวันหนึ่งมันได้แสดงความเคารพก้มกราบ ขออนุญาตกลับแต่ไม่ได้รับอนุญาต มันกล่าวว่าระยะทางไกลมากหากไม่ได้รับอนุญาตไปไม่ถึงแน่ แล้วมันถูกกักไว้ตามที่ อัลลอฮฺทรงประสงค์ ต่อมาก็มีรับสั่งว่าเธอจงไปขึ้นทางทิศตะวันตกเถิด นับแต่วันนั้นจนถึงวันกิยามะฮฺ การศรัทธาของคนที่ไม่เคยศรัทธามาก่อนก็จะไม่ก่อประโยชน์ใดๆ การทำดีใดๆ ก็ไร้ค่า !
ที่มา : สารดาริสสลาม เล่มที่ 9 เดือนตุลาคม 2548