มรณานุสติ (รำลึกความตาย)
โดย ...อาจารย์ฮะซัน นาคนาวา
ความตายเป็นสัจธรรมแน่นอนที่มิอาจปฏิเสธได้ ดังที่สำนวนกุรอานกล่าวว่า
“และจงภักดีต่อพระเจ้าของท่าน จนกว่าความแน่นอน (ความตาย) จะมาหาท่าน”
(อัลฮิจรฺ 15 : 99)
“และเราเคยปฏิเสธวันแห่งการตอบแทน จนกระทั่งความตายได้มาเยือนเรา”
(อัลมุดดัซซิร 74 : 46-47)
อัลกุรอาน บอกอีกว่า
“การแข่งขันกันสะสมทรัพย์นั้นได้ทำให้พวกเจ้าเพลิดเพลิน จนกระทั่งพวกเจ้าได้ไปเยือนหลุมศพ”
(อัตตะกาซุร 102 : 1-2)
ด้วยเหตุนี้อิสลามจึงสอนให้เรามีมรณานุสติ (ระลึกความตาย) และเตรียมพร้อมเผชิญกับมัน ด้วยการสั่งสมความดี
รายงานจากอิบนุอุมัรว่า ฉันได้มาหาท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมเป็นคนที่สิบ
แล้วชาว อันศอรคนหนึ่งได้ลุกขึ้นถามว่า : โอ้นบีแห่งอัลลอฮฺ ใครเป็นคนที่ฉลาด และสุขุมที่สุด ?
ท่านตอบว่า : ผู้ที่ระลึกความตายมากที่สุด และเตรียมตัวเผชิญกับมันมากที่สุด นั่นแหละคือผู้ฉลาด พวกเขาไปพร้อมด้วยเกียรติแห่งดุนยา และศักดิ์ศรีแห่งอาคิเราะฮฺ”
(บันทึกโดย อัฏฏ็อบรอนียฺ ด้วยสายรายงานดี)
รายงานจากอิบนุมัสอู๊ดจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เรื่องการอธิบายดำรัสของอัลลอฮฺที่ว่า
“อนึ่ง ผู้ใดที่อัลลอฮฺทรงประสงค์จะชี้นำเขา พระองค์ก็จะให้หัวอกของเขาเบิกบานเพื่ออิสลาม”
(อัลอันอาม 6 : 125)
ท่านได้อธิบายว่า : เมื่อรัศมีแห่งอิสลามได้เข้าจุติในดวงใจแล้ว ดวงใจนั้นจะเบิกบานปิติยินดี
บรรดาสาวกถามว่า : ที่ว่านั้นมีอะไรเป็นที่สังเกตไหม?
ท่านตอบว่า : หันกลับสู่โลกที่จีรังและห่วงโลกมายา และเตรียมการตายก่อนเผชิญกับมัน”
(บันทึกโดย อิบนุญะรีร)
เหตุปัจจัยรำลึกและห่วงใยการเป็นอยู่หลังตาย
รายงานจากอับดุลลอฮฺ บุตรบุร็อยดะฮฺ จากบิดาของเขาเล่าว่า :
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวไว้ว่า : ฉันเคยห้ามท่านทั้งหลายเยี่ยมกุโบร (สุสาน) บัดนี้ พวกท่านจงไปเยี่ยมเถิด เพราะมันจะทำให้รำลึกอาคิเราะฮฺ”
บางรายงานใช้สำนวนว่า : จะทำให้เกิดมรณานุสติ(รำลึกถึงความตาย)”
(บันทึกโดย มุสลิมและคนอื่นๆ)
อุละมาอฺบางท่านแนะนำให้ดูคนใกล้จะตายหรือตอนฝังศพ
รายงานจากอบูฮุรอยเราะฮฺว่า ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้บอกแก่คนที่ร้องเรียนว่าหัวใจเขาแข็งกระด้าง ว่า
“หากท่านต้องการให้หัวใจอ่อน ก็จงเลี้ยงอาหารแก่คนอนาถาและลูบหัวเด็กกำพร้า”
(บันทึกโดย ฏ็อบรอนียฺและบัยฮะกี)
ชาวจีนมีวิธีระลึกถึงความตาย โดยการทำความสะอาดฮวงซุ้ยล้างป่าช้า ฝรั่งจะเก็บหัวกะโหลก โครงกระดูก ชาวพุทธก็มีนรกจำลองที่วัด และอื่นๆ
วิธีการเตรียมพร้อมเพื่อการตาย
“โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย !
อย่าให้ทรัพย์สินและลูกหลานของพวกเจ้า ทำให้พวกเจ้าเพลิดเพลินจนลืมรำลึกถึงอัลลอฮฺ
และผู้ใดกระทำเช่นนั้น ชนเหล่านี้คือพวกที่ขาดทุน
และจงบริจาคส่วนหนึ่งจากทรัพย์ที่เราได้ให้แก่พวกเจ้า ก่อนที่ความตายจะมาประสบแก่คนใดในหมู่พวกเจ้า
และเขาจะกล่าวว่า
ข้าแต่องค์อภิบาล ขอยืดเวลาให้ข้าพระองค์สักเล็กน้อย เพื่อข้าพระองค์จะได้บริจาค และอยู่ในหมู่คนดีทั้งหลาย
แต่อัลลอฮฺจะไม่ทรงยืดเวลาแก่ชีวิตใด เมื่อวาระสุดท้ายของเขามาถึงและอัลลอฮฺทรงรู้ดียิ่งในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ”
(อัลมุนาฟิกูน 63 : 9-11)
ปัจจุบัน การบริจาคดังกล่าวดูเหมือนว่าจะมีปริมาณต่ำมาก แต่ก็มีการบริจาคอีกรูปแบบหนึ่ง นั่นคือ เพื่อหาชื่อเสียงโด่งดังในดุนยาไม่ใช่อาคิเราะฮฺ มีข่าวลือว่า มีเจ้าบุญทุ่มบริจาคให้มัสยิด เพื่อหาเสียงเป็นจุฬา และบางมัสยิดแจกเงิน เพื่อหาเสียงเป็นอิหม่าม และ ฯลฯ
อิสลามใช้ให้คิดดีและหวังดีจากอัลลอฮฺโดยเฉพาะผู้ป่วย รายงานจากญาบิรว่า : ฉันได้ยินท่านร่อซูลกล่าวก่อนตายว่า :
“คนใดในพวกเจ้าอย่าตายนะ เว้นแต่เขาได้คิดดีๆ ต่ออัลลอฮฺ”
(บันทึกโดย มุสลิม)
รายงานจากอนัสว่า :
ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เข้าเยี่ยมเด็กหนุ่มใกล้ตายคนหนึ่งแล้วถามว่า : เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นอย่างไร?
เขาตอบว่า : ข้าพเจ้าหวังดีต่ออัลลอฮฺและในเวลาเดียวกันก็กลัวบาปต่างๆ ของข้าพเจ้า
ท่านร่อซูล กล่าวว่า : สองความคิดนั้นจะไม่ผนวกในใจบ่าวคนใดในสถานการณ์เช่นนี้ เว้นแต่อัลลอฮฺได้ทรงให้ที่เขาหวังแล้วและทรงให้เขารอดจากสิ่งที่เขาวิตกแล้ว
(บันทึกโดย อิบนุมาญะฮฺและติรมิซียฺ)
“ความหายนะจงประสบแด่ทุกผู้นินทา และผู้ใส่ร้าย ซึ่งเขาได้สะสมทรัพย์สมบัติเอาไว้ และหมั่นนับมันอยู่เสมอ โดยคิดว่าทรัพย์สมบัติของเขานั้น จะทำให้เขาอยู่ได้ตลอดไป”
(อัลฮุมะซะฮฺ : 1-3)
โปรดตระหนักเถิดว่า ! ไม่มีปัจจัยอันใดให้มนุษย์อยู่ค้ำฟ้าได้ ทุกชีวิตต้องดับ ผู้ฉลาดควรระลึกถึงโลกอาคิเราะฮฺ และตระเตรียมเสบียงมากๆ เถิด คนส่วนใหญ่ต่างกลัวตายทำทุกอย่างเพื่อหนีตาย ผู้ป่วยบางคนแค่สัปเหร่อ (ขุดหลุม) มาเยี่ยม ก็โกรธไม่พอใจ หาว่าเป็นลางร้าย
รายงานจากเซาบานเล่าว่า :
ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า : ประชาชาติทั้งหลายจวนจะรุมกินโต๊ะพวกเจ้าเหมือนคนรุมกินอาหารในถาด !
มีคนถามว่า : เพราะพวกเรามีจำนวนน้อยในวันนั้นกระนั้นหรือ ?
ท่านตอบว่า : มิได้ ! ในวันนั้นพวกเจ้ามีจำนวนมาก แต่มีสภาพเหมือนสวะ-ฟองน้ำที่ไหลมา (ไม่มีคุณภาพ มีแต่ปริมาณ) และอัลลอฮฺจะทรงถอดความกลัวพวกเจ้าออกจากหัวใจของศัตรูพวกเจ้า และจะทรงโยนความอ่อนแอ (ปอดแหก) ใส่ไปในหัวใจพวกเจ้า
มีคนถามท่านร่อซูลว่า : อะไรคือ ความอ่อนแอ ?
ท่านตอบว่า : มันคือ การรักดุนยา กับเกลียดชังความตาย
(บันทึกโดย อบูดาวูด เล่ม 4 หน้า 111)
ท่านผู้มีเกียรติ ผมเสียใจที่จะเรียนท่านทั้งหลายว่า : เรื่องที่ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม พูดเมื่อ 1423 ปีนั้น ได้เกิดขึ้นแล้วในยุคเรา ปัจจุบันนี้มุสลิมในโลกมีจำนวนประมาณเกือบสองพันล้าน จากพลเมืองโลกประมาณหกพันล้าน แต่มุสลิมประชาชาติยุคนี้สู้ศัตรูสิบล้านคนไม่ได้ นบีพูดแล้วต้องจริง
จากฮะดิษนี้แจ้งว่า การรักตัวกลัวตายนั้น คือ หายนะภัยร้ายแรงของประชาชาติมุฮัมมัด ดังนั้น เพื่อกอบกู้เกียรติยศและศักดิ์ศรีมุสลิมกลับคืนมา จำเป็นที่มุสลิมโลกนี้ต้องรักอาคิเราะฮฺและกล้าตาย
อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ตรัสว่า
“พวกท่านจงสู้พวกเขา อัลลอฮฺจะทรงลงโทษพวกเขาด้วยน้ำมือของพวกท่าน”
(อัตเตาบะฮฺ 9 : 14)
ที่มา : สารดาริสสลาม เล่มที่ 9 เดือนตุลาคม 2548