สิ่งที่ทำให้รอดพ้นจากฟิตนะฮ์เรื่องสตรี
  จำนวนคนเข้าชม  2913

 

สิ่งที่ทำให้รอดพ้นจากฟิตนะฮ์เรื่องสตรี

 

อับดุลวาเฮด สุคนธา เรียบเรียง

 

·♥ มีความบริสุทธิ์ใจ 

 

          เราทุกคนจะต้องมีความบริสุทธิ์ในการงานทุกๆอย่างทั้งโลกนี้และโลกหน้า ความบริสุทธิ์คือหนทางรอดพ้นจากความชั่วร้ายและฟิตนะฮ์เรื่องสตรี ตัวอย่างเรื่องราวของท่านนบียูซูฟ อะลัยอิสลาม

อัลลอฮฺ ตรัสว่า

كَذَلِكَ لِنَصْرِفَ عَنْهُ السُّوءَ وَالْفَحْشَاءَ إِنَّهُ مِنْ عِبَادِنَا الْمُخْلَصِينَ} [يوسف: 24]

     “และแท้จริง นางได้ตั้งใจมั่นในตัวเขาและเขาก็ตั้งใจในตัวนาง หากเขาไม่เห็นหลักฐานแห่งพระเจ้าของเขา เช่นนั้นแหละเพื่อเราจะให้ความชั่วและการลามห่างไกลจากเขา แท้จริงเขาคือคนหนึ่งในปวงบ่าวของเราที่สุจริต

 

·♥ รักษาละหมาดห้าเวลา 

 

อัลลอฮ์ ตรัสว่า

وَأَقِمِ الصَّلَاةَ إِنَّ الصَّلَاةَ تَنْهَى عَنِ الْفَحْشَاءِ وَالْمُنْكَرِ وَلَذِكْرُ اللَّهِ أَكْبَرُ وَاللَّهُ يَعْلَمُ مَا تَصْنَعُونَ} [العنكبوت: 45

     “และจงดำรงการละหมาด (เพราะ) แท้จริงการละหมาด นั้นจะยับยั้งการทำลามกและความชั่วและการรำลึกถึงอัลลอฮ์นั้น ยิ่งใหญ่มาก และอัลลอฮ์ทรงรอบรู้สิ่งที่พวกเจ้ากระทำ

 

     การรักษาละหมาดห้าเวลาจะช่วยยับยั้งจากการกระทำสิ่งที่ไม่ดี น่ารังเกียจ การละหมาดนั้นจะต้องรักษาละหมาดญามาอะที่มัสยิดซึ่งเป็นสิทธิของผู้ชายทุกคนไปละหมาดที่มัสยิด

 

     ท่านจึงส่งเสริมบรรดามุสลิมให้เห็นความสำคัญของการละหมาดที่มัสยิด มีรายงานจากท่านอุสมาน เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ ได้กล่าวว่า ฉันได้ยินท่านรอซูลุลลอฮ ศ็อลลัลลอฮูอะลัยอิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า

" من صلى العشاء في جماعة فكأنما قام نصف الليل ، ومن صلى الصبح في جماعة فكأنما صلى الليل كله "

"ใครได้ละหมาดอีชาอ์รวมกัน(ญามาฮะ) เสมือนว่าเขาละหมาดครึ่งคืน

และใครได้ละหมาดซุบห์รวมกัน เสมือนว่าเขาละหมาดทั้งคืน

(บันทึกโดยมุสลิม )

 

·♥ อ่านบทอัซการฺยามเช้าและยามเย็นสม่ำเสมอ 

 

          การอ่านดุอาทั้งยามเช้าและยามเย็นพระองค์จะทรงปกป้องรอดพ้นจากซัยตอนมารร้ายทั้งมนุษย์และญินมาในสภาพต่างๆ โดยเฉพาะมาในโฉมงามของสตรีแต่งกายรัดรูป โชว์สัดส่วน

 

ดุอาอฺสำหรับเวลาเย็นโดยเฉพาะ

أَعُوْذُ بِكَلِمَاتِ اللهِ التَّامَّاتِ مِنْ شَرِّ مَا خَلَقَ .

ข้าพระองค์ขอความคุ้มครองด้วยพจนารถอันสมบูรณ์ของพระองค์ให้พ้นจากความชั่วร้ายในสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างขึ้น

(อ่าน 3 ครั้ง)

(บันทึกโดยมุสลิม)

     ท่านร่อซูลุลลอฮฺ กล่าวว่าผู้ใดอ่านสองอายะฮฺสุดท้ายของซูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ (อายะฮฺที่ 285-286) ในเวลากลางคืนก็เป็นการพอเพียงแก่เขา

 (บันทึกโดยอัลบุคอรียฺ)

رَبِّ أَسْأَلُكَ خَيْرَ مَا فِيْ هَذَه الَّليْلَةِ وَخَيْرَ مَا بَعْدَهَا

     “โอ้พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ขอต่อพระองค์ท่านสิ่งซึ่งเป็นคุณงามความดีที่มีอยู่ในค่ำคืนนี้ และคุณงามความดีที่จะมีมาภายหลังค่ำคืนนี้

وَأَعُوْذُ بِكَ مِنْ شَرِّ هَذِهِ الَّليْلَةِ وَشَرِّ مَا بَعْدَهَا ،

     “และข้าพระองค์ขอความคุ้มครองด้วยพระองค์ให้พ้นจากความชั่วร้ายที่มีอยู่ในค่ำคืนนี้ และความชั่วร้ายที่จะมีมาภายหลังค่ำคืนนี้

 

·♥ ลดสายตาลงต่ำ 

 

          อัลลอฮฺไม่ทรงประสงค์ให้เรากระทำบาปอันน่าเกลียดนี้ พระองค์จึงทรงบัญชาแก่เราให้ลดสายตาลงต่ำ

قُلْ لِلْمُؤْمِنِينَ يَغُضُّوا مِنْ أَبْصَارِهِمْ وَيَحْفَظُوا فُرُوجَهُمْ ذَلِكَ أَزْكَى لَهُمْ إِنَّ اللَّهَ خَبِيرٌ بِمَا يَصْنَعُونَ} [النور: 30

     "จงกล่าว (เถิดมุฮัมมัด) แก่บรรดาชายผู้ศรัทธา ให้พวกเขาลดสายตาของพวกเขาลงต่ำ และให้พวกเขารักษาทวารของพวกเขา นั่นเป็นการบริสุทธิ์ยิ่งแก่พวกเขา

     แท้จริงอัลลอฮ์ทรงรอบรู้สิ่งที่พวกเขากระทำ และจงกล่าว (เถิดมุฮัมมัด) แก่บรรดาหญิงผู้ศรัทธาให้พวกเธอลดสายตาของพวกเธอลงต่ำ และให้พวกเธอรักษาทวารของพวกเธอ

 

หลักฐานจากหะดีษที่สั่งใช้ให้ลดสายตาลงต่ำ :

"إيَّاكُمْ وَالجُلُوسَ في الطُّرُقَاتِ ! " فقالوا: يَا رَسُول الله، مَا لنا مِنْ مجالِسِنا بُدٌّ، نتحدث فِيهَا . فَقَالَ رسولُ الله ? :" فَإذَا أبَيْتُمْ إلاَّ المَجْلِسَ، فَأَعْطُوا الطَّريقَ حَقَّهُ ". قالوا : وما حَقُّ الطَّريقِ يَا رسولَ الله ؟ قَالَ :"غَضُّ البَصَرِ، وَكَفُّ الأَذَى، وَرَدُّ السَّلامِ، وَالأمْرُ بِالمَعْرُوفِ، والنَّهيُ عن المُنْكَرِ"

ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า "พวกท่านจงห่างไกลจากการนั่งอยู่ริมถนนเถิด 

แล้วเศาะหาบะฮฺก็ถามท่านนบีว่าแล้วถ้าหากเราจำเป็นต้องอยู่เพื่อพูดคุยกันล่ะ ? “

ท่านนบีจึงตอบว่าหากพวกท่านจำต้องนั่ง ดังนั้นพวกท่านจงให้สิทธิของทางเดิน

เศาะหาบะฮฺถามว่าแล้วสิทธิของทางเดินคืออะไร ?”

       ท่านตอบว่าคือการลดสายตาลงต่ำ ระงับสิ่งที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อน การตอบสลาม และการสั่งใช้ในสิ่งที่ดี และห้ามปรามสิ่งที่ชั่ว"

(บันทึกโดยมุสลิม)

ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า:

" ثَلَاثَةٌ لَا تَرَى أَعْيُنُهُمْ النَّارَ : عَيْنٌ حَرَسَتْ فِي سَبِيلِ اللَّهِ، وَعَيْنٌ بَكَتْ مِنْ خَشْيَةِ اللَّهِ، وَعَيْنٌ كَفَّتْ عَنْ مَحَارِمِ اللَّهِ "

"สามดวงตาที่จะไม่เห็นไฟนรกเลย ดวงตาที่เฝ้าระวัง (ศัตรูจากการถูกรุกราน) เพื่อหนทางของอัลลอฮฺ

ดวงตาที่ร้องให้เพราะเกรงกลัวอัลลอฮฺ และดวงตาที่ระงับจากการมองสิ่งที่ต้องห้ามของอัลลอฮฺ"

(บันทึกโดย อัฏเฏาะบะรอนีย์ ใน"อัลมุอฺญัมอัลกะบีรฺ")

 

ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า:

"لا تتبع النظرة النظرة ، فإن لك الأولى، وليست لك الآخرة"

     "ท่านจงอย่าติดตามการมองครั้งแรกด้วยการมองครั้งต่อไป แท้จริงการมองครั้งแรกเท่านั้นสำหรับท่าน และการมองครั้งต่อไปไม่ใช่สำหรับท่าน"

(บันทึกโดยอะหฺมัด)

 

          การมองเปรียบดังลูกศรที่อาบยาพิษของซัยตอนมารร้าย หากใครสามารถละทิ้งอันเนื่องมาจากการเกรงกลัวอัลลอฮฺ พระองค์ทรงให้เขานั้นพบกับความหอมหวานของอิหม่ามในจิตใจของเขา

         หากต้องการลิ้มรสของความหอมหวานการศรัทธา จงลดสายตาของพวกท่าน สิ่งที่สามารถทำได้คือการพยายามอย่างมาก ละทิ้งที่จะไม่มอง และขอความคุ้มครองจากพระองค์

 

·♥ อดทน อดกลั้น พยายาม 

 

          พวกท่านนั้นจะต้องอดทนอดกลั้นพยายามที่จะละทิ้งอย่างแน่วแน่ในเวลาที่ออกจากบ้าน เพราะการออกไปทำงานนอกบ้านจะต้องพบเจอกับสิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยสตรี นุ่งสั้น สายเดี่ยว รัดรูป ต่างๆนานา

وَالَّذِينَ جَاهَدُوا فِينَا لَنَهْدِيَنَّهُمْ سُبُلَنَا وَإِنَّ اللَّهَ لَمَعَ الْمُحْسِنِينَ} [العنكبوت: 69

     “และบรรดาผู้ต่อสู้ดิ้นรนในทางของเราแน่นอนเราจะชี้แนะแนวทางที่ถูกต้องแก่พวกเขาสู่ทางของเรา และแท้จริงอัลลอฮ์ทรงอยู่ร่วมกับผู้กระทำความดีทั้งหลาย

     จงอดทนและตั้งใจอย่างมั่นคงและอย่าได้เร่งรีบต่อสิ่งที่อดทนถึงผลตอบแทน แน่นอนพระองค์ทรงตระเตรียมเอาไว้อย่างแน่นอน จะต้องมอบหมายต่ออัลลอฮฺ

 

وَمَنْ يَتَوَكَّلْ عَلَى اللَّهِ فَهُوَ حَسْبُهُ ..} [الطلاق: 3]

และผู้ใดมอบหมายแด่อัลลอฮฺ พระองค์ก็จะทรงเป็นผู้พอเพียงแก่เขา

 

·♥ ดุอาอฺขออภัยโทษและซอลาวาตนบี 

 

   ขณะออกจากบ้านพยายามหมั่นขออภัยโทษและซอลาวาตนบีให้มากๆ

{وَيَا قَوْمِ اسْتَغْفِرُوا رَبَّكُمْ ثُمَّ تُوبُوا إِلَيْهِ يُرْسِلِ السَّمَاءَ عَلَيْكُمْ مِدْرَارًا وَيَزِدْكُمْ قُوَّةً إِلَى ]

     “และโอ้กลุ่มชนของฉันเอ๋ย ! จงขออภัยโทษต่อพระเจ้าของพวกท่าน แล้วจงกลับเนื้อกลับตัวต่อพระองค์ พระองค์จะส่งเมฆ(น้ำฝน) มาเหนือพวกท่าน ให้หลั่งน้ำฝนลงมาอย่างหนัก และจะทรงเพิ่มพลังเป็นทวีคุณให้แก่พวกท่าน และพวกท่าน และพวกท่านอย่าผินหลังโดยเป็นผู้กระทำผิด

 

ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า:

يكفيك الله ما أهمك من أمر دنياك وآخرتك

อัลลอฮฺคือผู้เพียงพอสำหรับท่าน เวลากลุ่มอกกลุ่มใจทั้งเรื่องดุนยาและอาคิเราะห์

 

·♥ การถือศีลอดทำให้อารมณ์ใคร่ลดลง 

 

ท่านนะบีมุฮัมมัด จึงได้มอบคำสอนให้แก่เด็กหนุ่ม โดยกล่าวว่า

يَا مَعْشَرَ الشَّبَابِ، مَنِ اسْتَطَاعَ مِنْكُمْ الْبَاءَةَ فَلْيَتَزَوَّجْ؛ فَإِنَّهُ أَغَضُّ لِلْبَصَرِ وَأَحْصَنُ لِلْفَرْجِ، وَمَنْ لَمْ يَسْتَطِعْ فَعَلَيْهِ بِالصَّوْمِ؛ فَإِنَّهُ لَهُ وِجَاءٌ

     “โอ้บรรดาชายหนุ่มทั้งหลาย ผู้ใดในหมู่พวกเจ้านี้มีความสามารถ(ในการครองคู่) ก็จงแต่งงานเถิด เพราะแท้จริงนั้น(การแต่งงาน)เป็นการลดสายตาให้ต่ำลง อีกทั้งให้พวกเจ้าสามารถสงวนอวัยวะเพศได้ และผู้ใดที่ไม่มีความสามารถก็จงถือศีลอดเสียเถิด เพราะการถือศีลอดเป็นการยับยั้งอารมณ์ใคร่ได้

(บันทึกโดย อัลบุคอรีย์, มุสลิม)

          ในหะดีษข้างต้นเป็นเชิญชวนเฉพาะในหมู่เยาวชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้มีความสามารถในการแต่งงาน ให้รีบทำการแต่งงาน

 

     อิบนุ หะญัร อัล-อัสเกาะลานีย์กล่าวว่าโดยปกติแล้วความต้องการทางอารมณ์สูงนั้นจะนำไปสู่การแต่งงาน ซึ่งจะมีอยู่ในตัวของบรรดาคนหนุ่ม ซึ่งจะแตกต่างไปจากผู้ที่สูงอายุ"

 

·♥ ขอความคุ้มครองในช่วงเวลาที่ถูกตอบรับ 

 

اللَّهُمَّ إِنِّي أَسْأَلُكَ الْهُدَى، وَالتُّقَى، وَالْعَفَافَ، وَالْغِنَى

     “โอ้อัลลอฮ์ ฉันวิงวอนขอต่อพระองค์ให้ประทานทางนำอันถูกต้อง และ ความยำเกรงต่อพระองค์ และ ความเรียบง่าย และ ความพอเพียงให้แก่ฉัน

 

اللَّهُمَّ إِنِّي أَعُوذُ بِكَ مِنْ شَرِّ مَا عَمِلْتُ، وَمِنْ شَرِّ مَا لَمْ أَعْمَلْ

     “โอ้อัลลอฮ์ แท้จริง ฉันขอความคุ้มครองจากพระองค์ให้พ้นจาก ความชั่วร้ายในสิ่งที่ฉันได้กระทำ และ ในสิ่งที่ฉันยังไม่ได้กระทำ

 

اللَّهُمَّ إِنِّي أَعُوذُ بِكَ مِنْ زَوَالِ نِعْمَتِكَ، وَتَحَوُّلِ عَافِيَتِكَ، وَفُجَاءَةِ نِقْمَتِكَ، وَجَمِيعِ سَخَطِكَ

     “โอ้อัลลอฮ์ แท้จริง ฉันขอความคุ้มครองจากพระองค์ให้พ้นจากการสูญเสีย ความโปรดปรานของพระองค์ และ การสูญเสียความสุขที่ได้รับจากพระองค์ และ การลงโทษอันฉับพลันของพระองค์ และความโกรธกริ้วทั้งหมดของพระองค์

 

اللَّهُمَّ اهْدِنِي وَسَدِّدْنِي، اللَّهُمَّ إِنِّي أَسْأَلُكَ الْهُدَى وَالسَّدَادَ

โอ้อัลลอฮ์ ได้โปรดนำทางอันถูกต้องให้แก่ฉัน โอ้อัลลอฮ์ แท้จริง ฉันวิงวอนขอทางนำอันถูกต้องจากพระองค์

 

اللهمَّ إنِّي أعُوذُ بِكَ مِنْ جَهْدِ الْبَلَاءِ، وَدَرَكِ الشَّقَاءِ، وَسُوءِ الْقَضَاءِ، وَشَمَاتَةِ الْأَعْدَاءِ

     "โอ้อัลลอฮ์ แท้จริงฉันขอความคุ้มครองจากพระองค์ให้พ้นจากการการทดสอบ และภัยพิบัติอันหนักหน่วง และ ความทุกข์ยากอันแสนสาหัส และ ชะตาชีวิตอันเลวร้าย และ การแตกพ่ายต่อบรรดาศัตรู

 

اللَّهُمَّ أَصْلِحْ لِي دِينِي الَّذِي هُوَ عِصْمَةُ أَمْرِي، وَأَصْلِحْ لِي دُنْيَايَ الَّتِي فِيهَا مَعَاشِي، وَأَصْلِحْ لِي آخِرَتِي الَّتِي فِيهَا مَعَادِي، وَاجْعَلِ الْحَيَاةَ زِيَادَةً لِي فِي كُلِّ خَيْرٍ، وَاجْعَلِ الْمَوْتَ رَاحَةً لِي مِنْ كُلِّ شَرٍّ

       “โอ้อัลลอฮ์ ได้โปรดขัดเกลาฉันให้ตั้งมั่นอยู่ในศาสนาของฉัน อันเป็นสิ่งที่ปกป้องคุ้มครองกิจการงานทั้งหมดของฉันให้ปลอดภัย

และ ได้โปรดขัดเกลาชีวิตในโลกนี้ของฉันอันเป็นโลกที่ฉันพักพิงอยู่ให้ดีงาม

และได้โปรดขัดเกลาชีวิตในโลกหน้าของฉันอันเป็นบั้นปลายที่แท้จริงของฉันให้ดีงาม

และได้โปรดดลบันดาลให้การมีชีวิตของฉัน เป็นการเพิ่มพูนความดีงามทั้งมวล

และได้โปรดดลบันดาลให้ความตายของฉัน เป็นการหยุดพัก ออกจากความชั่วร้ายทั้งมวล

 

·♥ ลุกขึ้นละหมาดในยามค่ำคืน กิยามุลลัยลฺ 

 

อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงมีดำรัสว่า

﴿تَتَجَافَىٰ جُنُوبُهُمْ عَنِ الْمَضَاجِعِ يَدْعُونَ رَبَّهُمْ خَوْفًا وَطَمَعًا وَمِمَّا رَزَقْنَاهُمْ يُنفِقُونَ فَلَا تَعْلَمُ نَفْسٌ مَّا أُخْفِيَ لَهُم مِّن قُرَّةِ أَعْيُنٍ جَزَاءً بِمَا كَانُوا يَعْمَلُونَ﴾

     “สีข้างของพวกเขาเคลื่อนห่างจากที่นอน พลางวิงวอนต่อพระเจ้าของพวกเขาด้วยความกลัวและความหวัง และพวกเขาบริจาคสิ่งที่เราได้ให้เป็นเครื่องยังชีพแก่พวกเขา ดังนั้น จึงไม่มีชีวิตใดรู้สิ่งที่ถูกซ่อนไว้สำหรับพวกเขาให้เป็นที่รื่นรมย์แก่สายตา เป็นการตอบแทนในสิ่งที่พวกเขาได้กระทำไว้

 (สูเราะฮฺ อัส-สัจญฺดะฮฺ : 16-17)

 

ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวว่า

عَلَيْكُمْ بِقِيَامِ اللَّيْلِ فَإِنَّهُ دَأْبُ الصَّالِحِينَ قَبْلَكُمْ، وَهُوَ قُرْبَةٌ إِلَى رَبِّكُمْ وَمَكْفَرَةٌ لِلسَّيِّئَاتِ وَمَنْهَاةٌ لِلإِثْمِ

     “จำเป็นสำหรับพวกท่านทั้งหลายในการตื่นขึ้นมากิยามุลลัยลฺ เพราะมันคือธรรมเนียมปฏิบัติของคนดีทั้งหลายก่อนหน้าพวกท่าน มันคือสิ่งที่ทำให้เข้าใกล้พระเจ้าของพวกท่าน และทำให้ความผิดบาปทั้งหลายถูกลบล้างไป และสามารถยับยั้งจากการกระทำที่ชั่วร้าย” 

(บันทึกโดย อัต-ติรมิซีย์)

 

     แท้จริง อัลลอฮฺทรงสั่งใช้ให้ศาสนทูต ของพระองค์ให้กิยามุลลัยลฺ และกระตุ้นเขาให้ปฏิบัติมัน ดังที่อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ตรัสว่า

﴿يَا أَيُّهَا الْمُزَّمِّلُ قُمِ اللَّيْلَ إِلَّا قَلِيلًا نِّصْفَهُ أَوِ انقُصْ مِنْهُ قَلِيلًا أَوْ زِدْ عَلَيْهِ وَرَتِّلِ الْقُرْآنَ تَرْتِيلًا﴾

     “โอ้ ผู้คลุมกายอยู่เอ๋ย ! จงยืนขึ้น (ละหมาด) เวลากลางคืน เว้นแต่เพียงเล็กน้อย (ไม่ใช่ตลอดคืน) ครึ่งหนึ่งของเวลากลางคืน หรือน้อยกว่านั้นเพียงเล็กน้อย หรือมากกว่านั้น และจงอ่านอัลกุรอานช้าๆ เป็นจังหวะ (ชัดถ้อยชัดคำ)” 

(สูเราะฮฺ อัล-มุซซัมมิล : 1-4) 

 

จากท่านอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ ได้เล่าว่า ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวว่า

«يَنْزِلُ رَبُّنَا تَـبَارَكَ وَتَعَالَى كُلَّ لَيْلَةٍ إلَى سَمَاءِ الدُّنْيَا حِيْنَ يَبْقَى ثُلُثُ اللَّيْلِ الآخِرُ يَـقُولُ: مَنْ يَدْعُونِي فَأَسْتَـجِيبَ لَـهُ؟ مَنْ يَسْأَلُنِي فَأُعْطِيَـهُ؟، مَنْ يَسْتَغْفِرُنِي فَأَغْفِرَ لَـهُ؟»

     “แท้จริง อัลลอฮฺจะลงมาสู่ฟ้าแห่งโลกดุนยาในทุกๆ คืนในช่วงหนึ่งในสามสุดท้ายของคืน

     แล้วพระองค์จะกล่าวว่า มีผู้ใดวิงวอนขออะไรจากข้าไหม แล้วข้าตอบรับคำขอนั้น

     มีผู้ใดขออะไรจากข้าไหม แล้วข้าจะให้เขาในสิ่งที่เขาขอ

     มีผู้ใดที่ขออภัยโทษต่อข้าไหม แล้วข้าจะอภัยให้แก่เขา” 

(บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์ : มุสลิม)

 

·♥ บริจาคทาน 

 

          มันเป็นการชำระขัดเกลาจิตวิญญาณจากความตระหนี่ถี่เหนียวและคับแคบ ในโองการจากอัล-กุรอาน อัลลอฮฺ ตรัสว่า

خُذْ مِنْ أَمْوَالِهِمْ صَدَقَةً تُطَهِّرُهُمْ وَتُزَكِّيهِمْ بِهَا

     "(มุฮัมมัด) เจ้าจงเอาส่วนหนึ่งจากทรัพย์สมบัติของพวกเขาเป็นทาน เพื่อทำให้พวกเขาบริสุทธิ์ และล้างมลทินของพวกเขาด้วยส่วนตัวที่เป็นทานนั้น

(อัล-กุรอาน 9/103)

 

อัลลอฮฺได้ตรัสว่า

﴿لَا خَيْرَ فِي كَثِيرٍ مِنْ نَجْوَاهُمْ إِلَّا مَنْ أَمَرَ بِصَدَقَةٍ أَوْ مَعْرُوفٍ أَوْ إِصْلَاحٍ بَيْنَ النَّاسِ وَمَنْ يَفْعَلْ ذَلِكَ ابْتِغَاءَ مَرْضَاتِ اللَّهِ فَسَوْفَ نُؤْتِيهِ أَجْرًا عَظِيمًا

     “ไม่มีความดีใด ในส่วนมากของการซุบซิบคุยกันของพวกเขา เว้นแต่ผู้ที่กำชับใช้ให้บริจาค หรือให้ทำความดี หรือให้ประนีประนอมระหว่างผู้คน และผู้ใดกระทำเช่นนั้น มุ่งหวังความปราโมทย์ของอัลลอฮฺ ดังนั้น ในไม่ช้า เราจะประทานแก่เขาซึ่งรางวัลอันใหญ่หลวง

 (ซูเราะฮฺ อัน-นิสาอฺ:114)

 

·♥ ขออภัยโทษ 

 

           การขออภัยโทษเป็นสิ่งสำคัญของมุสลิมทุกคนๆจะต้องสำรวจตัวอย่างบ่อครั้ง ในขณะออกจากบ้านไปเราได้ทำอะไรที่ผิดหลักการของศาสนาบ้างๆ ท่านนบีสอนว่าคนสำนึกผิดที่กลับตัวเขาเป็นดั่งคนที่บริสุทธิ์ ไม่มีบาปใดทั้งสิ้นดังนั้นอัลลอฮฺจึงได้กำชับให้มนุษย์มุ่งมั่นในการเตาบัตต่อพระองค์เมื่อรู้ว่าตัวเองทำผิด และพระองค์สัญญาว่าจะทรงอภัยโทษให้กับผู้ที่เตาบัต(ขออภัยโทษ) และจะทรงเตรียมผลตอบแทนที่ดีในสวนสวรรค์แก่เขา 

 

พระองค์ได้ตรัสไว้ว่า

يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا تُوبُوا إِلَى اللهِ تَوْبَةً نَّصُوحاً عَسَى رَبُّكُمْ أَن يُكَفِّرَ عَنكُمْ سَيِّئَاتِكُمْ وَيُدْخِلَكُمْ جَنَّاتٍ تَجْرِي مِن تَحْتِهَا الأَنْهَارُ

     “โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงเตาบัตต่ออัลลอฮฺด้วยการเตาบัตที่จริงจังเผื่อว่าอัลลอฮฺจะทรงลบล้างความผิดของพวกเจ้า และนำพวกเจ้าเข้าสู่สวรรค์ซึ่งมีสายน้ำไหลผ่านอยู่เบื้องล่างของมัน

(อัลกุรอาน สูเราะฮฺ อัต-ตะหฺรีม: 8)

          การขอลุแก่โทษต่ออัลลอฮฺคือหนทางจะได้รับชัยชนะและทำให้ตัวเรานั้นรอดพ้นจากอารมณ์ใฝ่ต่ำ

 

·♥ คบเพื่อนที่ดี 

 

          การใช้ชีวิตในสังคมเราจะต้องพบเจอกับเพื่อนฝูงมากมายทั้งดีและไม่ดี สิ่งแรกที่เราต้องตระหนักถึงการมีเพื่อนที่ไม่ดี เพราะว่าคนที่ไม่ดีมักจะชักจูงกันทำในสิ่งที่ไม่ดีเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องกามอารมณ์ใฝ่ต่ำ การมีเพื่อนที่ดีคอยชักจูงเราออกห่างจากการกระทำที่ไม่ดีและผิดหลักการศาสนา ฉะนั้นจงเลือกคบเพื่อนที่ดี เพราะช่วยให้ท่านรักษาความดี เช่น ช่วยกันรักษาละหมาด ห้ามปรามในเรื่องที่เป็นบาป ช่วยประคับประคองยืนหยัดอยู่บนหลักการของศาสนาได้

 

{إِنَّ الَّذِينَ قَالُوا رَبُّنَا اللَّهُ ثُمَّ اسْتَقَامُوا فَلَا خَوْفٌ عَلَيْهِمْ وَلَا هُمْ يَحْزَنُونَ}[الأحقاف: 13]

     “แท้จริงบรรดาผู้ที่กล่าวว่า อัลลอฮฺคือ พระเจ้าของพวกเรา แล้วพวกเขาก็ยืนหยัด (ปฏิบัติ) ตามคำกล่าวนั้น จะไม่มีความหวาดกลัวใด แก่พวกเขา และพวกเขาก็จะไม่เศร้าสลดใจ

 

ท่านนบี เคยเปรียบเทียบการคบคนดีและไม่ดีไว้ว่า

อุปมาเพื่อนที่ดีและเพื่อนที่ไม่ดี เปรียบได้ดั่งคนถือชะมดเชียง และคนที่ถือเตาไฟ

โดยคนถือชะมดเชียงนั้น จะทำให้ท่านปลอดภัย ซื้อชะมดเชียงจากเขาก็ได้ และกลิ่นมันก็หอม

ส่วนผู้ถือเตาไฟ มีแต่จะทำให้เสื้อผ้าท่านถูกไฟไหม้ และกลิ่นเหม็นน่ารังเกียจ” 

( บันทึกโดยบุคอรีย์และมุสลิม)

 

          การคบเพื่อนจำเป็นต้องดูให้รอบคอบ เพราะคนที่เป็นเพื่อนนั้น จะถ่ายทอดทุกสิ่งของเขาสู่เราโดยไม่รู้ตัว หากคบคนดีเป็นเพื่อน เราจะได้รับการถ่ายทอดสิ่งที่ดี แต่ถ้าคบคนไม่ดีเป็นเพื่อน ก็จะได้รับการถ่ายทอดสิ่งไม่ดีไปด้วย ดังนั้น การเลือกคบคนดีจึงเป็นหน้าที่ของคนที่ชอบเป็นคนดี

     ท่านนบี กล่าวว่าท่านต้องเลือกคบแต่เพื่อนที่ดีมีศรัทธาเท่านั้น อาหารของท่านต้องให้คนดีได้รับประทานเท่านั้น” 

(บันทึกโดยอบูดาวูด และติรมิซี)

 

·♥ จงรำลึกถึงวันที่อัลลอฮฺทรงให้ร่มเงาแก่ท่านซึ่งไม่มีร่มเงาใดๆเลย 

 

          ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ยังได้บอกอีกว่าผู้ที่สามารถอดทนต่อฟิตนะฮฺนี้ได้ เขาจะได้เป็นหนึ่งในเจ็ดกลุ่มที่พระองค์อัลลอฮฺจะทรงให้พวกเขาอยู่ภายใต้ร่มเงาของพระองค์ในวันกิยามะฮฺ 

          ดังหะดีษที่รายงานโดยท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า

«سَبْعَةٌ يُظِلُّهُمُ اللهُ فِيْ ظِلِّهِ يَوْمَ لَا ظِلَّ إِلَّا ظِلُّهُ، وذكر منهم: رَجُلٌ طَلَبَتْهُ امْرَأَةٌ ذَاتُ مَنْصِبٍ وَجَمَالٍ، فَقَالَ : إِنِّي أَخَافُ اللهَ»

     “มีคนเจ็ดกลุ่มที่พระองค์อัลลอฮฺจะทรงให้พวกเขาได้อยู่ภายใต้ร่มเงาของพระองค์ ในวันที่ไม่มีร่มเงาใดๆนอกจากร่มเงาของพระองค์... (และหนึ่งในเจ็ดกลุ่มที่ท่านกล่าวถึงก็คือ) ชายซึ่งได้รับการเชิญชวนจากหญิงสาวที่เพียบพร้อมด้วยฐานะและความงามให้กระทำสิ่งที่ผิด

แต่เขากลับตอบนางว่า: ฉันเกรงกลัวพระเจ้าของฉัน

 (บันทึกโดยอัล-บุคอรียฺ และมุสลิม)

 

·♥ จงยึดแบบอย่างของท่านนบียูซูฟ อะลัยฮิสลาม 

 

          แบบอย่างที่ดีงามของบรรดานบีช่วยทำให้เราละทิ้งและระมัดระวังในเรื่องของฟิตนะฮฺที่เกิดจากสตรี และตัวอย่างสำคัญของผู้ที่มีความอดทนต่อฟิตนะฮฺจากสตรีนี้ ก็คือท่านนบียูสุฟ ผู้เป็นบุตรนบียะอฺกูบ ซึ่งเป็นบุตรของนบีอิสหาก บุตรนบีอิบรอฮีม อะลัยฮิมุสสลาม 

 

โดยอัลลอฮฺตรัสเล่าเรื่องราวของท่านว่า

﴿ وَرَٰوَدَتۡهُ ٱلَّتِي هُوَ فِي بَيۡتِهَا عَن نَّفۡسِهِۦ وَغَلَّقَتِ ٱلۡأَبۡوَٰبَ وَقَالَتۡ هَيۡتَ لَكَۚ قَالَ مَعَاذَ ٱللَّهِۖ إِنَّهُۥ رَبِّيٓ أَحۡسَنَ مَثۡوَايَۖ إِنَّهُۥ لَا يُفۡلِحُ ٱلظَّٰلِمُونَ

     “และสตรีซึ่งเขาอาศัยอยู่ในบ้านของนางก็ได้ยั่วยวนเขา โดยนางได้ปิดประตูอย่างแน่นหนาและกล่าวว่า มานี่สิฉันพร้อมแล้ว!

     เขากล่าวว่า ฉันขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮฺ แท้จริงเขาเป็นนายของฉัน ให้ที่พักพิงที่ดียิ่งแก่ฉัน แท้จริงบรรดาผู้อธรรมจะไม่บรรลุความสำเร็จ” 

(ยูสุฟ: 23)

 

แต่ทว่าท่านนบียูสุฟเลือกที่จะถูกจองจำในคุกเพื่อให้พ้นจากฟิตนะฮฺนี้ อัลลอฮฺตรัสว่า

﴿ قَالَ رَبِّ ٱلسِّجۡنُ أَحَبُّ إِلَيَّ مِمَّا يَدۡعُونَنِيٓ إِلَيۡهِۖ وَإِلَّا تَصۡرِفۡ عَنِّي كَيۡدَهُنَّ أَصۡبُ إِلَيۡهِنَّ وَأَكُن مِّنَ ٱلۡجَٰهِلِينَ

     “เขากล่าวว่า: ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ คุกนั้นเป็นที่รักแก่ข้าพระองค์ยิ่งกว่าสิ่งที่พวกนางเรียกร้องข้าพระองค์ไปสู่มัน และหากพระองค์มิทรงให้อุบายของพวกนางพ้นไปจากข้าพระองค์แล้ว ข้าพระองค์อาจจะโน้มเอียงไปหาพวกนาง และข้าพระองค์จะเป็นคนหนึ่งในหมู่ผู้โง่เขลาอย่างแน่แท้” 

(ยูสุฟ: 33)

 

อิบนุลก็อยยิม กล่าวว่า

     "อัลลอฮฺตะอาลาได้ตรัสถึงท่านนบียูสุฟ ว่าท่านคือผู้ที่มีความบริสุทธิ์และมีเกียรติที่สุด ทั้งนี้ ก็เพราะว่าท่ามกลางปัจจัยต่างๆที่อาจชักนำไปสู่หนทางใฝ่ต่ำ ไม่ว่าการที่ท่านยังหนุ่มยังแน่น ซึ่งผู้ที่อยู่ในวัยนี้ก็ย่อมมีความต้องการในเรื่องนี้สูง อีกทั้งท่านยังคงโสดไม่มีภาระผูกพันใดๆ และยังเป็นผู้ที่อยู่ห่างไกลจากครอบครัวและบ้านเมืองของท่าน จึงไม่ต้องเกรงว่าจะมีญาติพี่น้องหรือผู้ใดล่วงรู้ นอกจากนี้ท่านยังอยู่ในสภาพของทาส ซึ่งแน่นอนว่าผู้ที่เป็นทาสย่อมไม่ต้องคิดอะไรมากเท่ากับผู้ที่เป็นไทเป็นอิสระชน อีกทั้งหญิงสาวที่เสนอตัวให้แก่ท่านก็พรั่งพร้อมด้วยฐานะและความงาม ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ประกอบกันล้วนเป็นใจให้กระทำสิ่งต้องห้ามได้ไม่ยาก

     โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อฝ่ายหญิงเองเป็นผู้เสนอตัวให้กับท่าน จึงไม่จำเป็นต้องใช้ความพยายามใดๆ และไม่ต้องกลัวว่านางจะปฏิเสธ และนอกจากนางจะเป็นฝ่ายเสนอตัวแล้วนางยังมีความต้องการที่แรงกล้าอย่างแท้จริง มิใช่เพียงเสนอตัวเพื่อที่จะทดสอบว่าท่านนบียูสุฟนั้นเป็นคนดีจริงหรือไม่ และอีกทั้งนางก็อยู่ในฐานะนายของท่าน และยังกระทำในบ้านของนางเอง โดยที่นางย่อมรู้ดีถึงสถานที่และช่วงเวลาที่เหมาะสม และรอดพ้นจากสายตาของผู้อื่น นอกจากนั้นนางยังลงกลอนประตูอย่างแน่นหนาเพื่อที่จะให้ท่านนบีมั่นใจว่าจะไม่มีผู้ใดสามารถเข้ามาได้โดยพลการ ทั้งหมดนี้ท่านนบียูสุฟก็ยังปฏิเสธนางและไม่หลงใหลไปกับเล่ห์กลมารยาของนาง โดยท่านเลือกที่จะเกรงกลัวต่ออัลลอฮฺและสามีของนาง ฟิตนะฮฺที่ท่านนบีต้องประสบพบเจอนี้ถ้าเป็นบุคคลอื่นจากท่านก็มิอาจทราบได้ว่าเขาจะสามารถรอดพ้นจากเหตุการณ์ดังกล่าวได้หรือไม่?"

 (จากหนังสือบะดาอิอฺ อัตตัฟสีรฺ)

 

ท่านกอฎียฺอิยาฎ กล่าวว่า

     "ที่ต้องเฉพาะเจาะจงหญิงสาวที่เพียบพร้อมไปด้วยฐานะและความงาม ก็เพราะสิ่งดังกล่าวเป็นคุณสมบัติที่ชายหนุ่มทุกคนถวิลหาและยากที่จะได้มา ดังนั้น เมื่อนางมีพร้อมทุกอย่างและยังเป็นฝ่ายเสนอตัว แน่นอนว่าเป็นการยากที่ใครจะปฏิเสธ ฉะนั้น ผู้ที่สามารถอดทนอดกลั้นต่อสิ่งดังกล่าวได้เพราะเกรงกลัวต่ออัลลอฮฺ จึงเป็นการแสดงให้เห็นถึงการฏออัตเชื่อฟังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด พระองค์จึงจัดให้คนประเภทนี้ได้อยู่ภายใต้ร่มเงาของพระองค์ ซึ่งสตรีที่มีฐานะคือ สตรีที่พร้อมไปด้วยเงินทองและเชื้อสายวงศ์ตระกูลที่มีเกียรติ

(เศาะฮีหฺมุสลิม บิชัรหฺ อันนะวะวีย์ 3/122)

 

อัลลอฮฺตรัสถึงบุคคลประเภทนี้ว่า:

﴿ وَأَمَّا مَنۡ خَافَ مَقَامَ رَبِّهِۦ وَنَهَى ٱلنَّفۡسَ عَنِ ٱلۡهَوَىٰ فَإِنَّ ٱلۡجَنَّةَ هِيَ ٱلۡمَأۡوَىٰ

      “และส่วนผู้ที่หวาดหวั่นต่อการยืนเบื้องหน้าพระเจ้าของเขา และได้หน่วงเหนี่ยวจิตใจจากกิเลสต่ำ ดังนั้นสวนสวรรค์ก็จะเป็นที่พำนักของเขา

 (อัล-นาซิอาต: 40-41)