แบบอย่างที่ดี แบบอย่างที่ไม่ดี
โดย อาจารย์อิมรอน ขวดบา
เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป มนุษย์เราจำนวนไม่น้อย ชอบเลียนแบบผู้อื่น โดยเฉพาะผู้ที่เห็นคนอื่นดีกว่าเขา เด็กก็จะเลียนแบบผู้ใหญ่ ผู้ที่อ่อนแอก็จะเลียนแบบผู้ที่แข็งแรงกว่า นักเรียนก็จะเอาแบบอย่างครูอาจารย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคม มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ถ้าหากเขาเลียนแบบอย่างคนดีๆ ก็เป็นผลดีแก่เขา แต่ถ้าหากเขาเลียนแบบคนที่ไม่ดี ผลเสียก็จะเกิดขึ้นแก่เขา ซึ่งจะทำให้กลายเป็นคนไม่ดีไปด้วย
ศาสนาอิสลาม จึงได้กำหนดให้มุสลิมเจริญรอยตามแบบอย่างจากคนที่ดีๆ และห้ามมิให้เอาอย่าง คนที่ไม่ดี คนที่ออกนอกลู่นอกทางของศาสนา บุคคลที่ดีที่สุดของมวลมนุษยชาติ คือ ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ซึ่งอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ใช้ให้มุสลิมทุกคน เจริญรอยตามแบบอย่างของท่าน พระองค์ได้ตรัสไว้ในอัลกุรอานว่า
“แท้จริง แบบอย่างที่ดีงามสำหรับท่านทั้งหลาย มีครบอยู่ในตัวของท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม สำหรับผู้ที่เขาหวังจะไปพบกับอัลลอฮฺ และวันอาคิเราะฮฺและรำลึกถึงอัลลอฮฺอย่างสม่ำเสมอ”
(อัลอะฮฺซาบ 33 : 21)
อิสลามได้บัญญัติให้มุสลิมปฏิบัติตามท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ในทุกๆ ด้าน ในด้านหลักการศรัทธา การทำอิบาดะฮฺ การสังคม และด้านจริยธรรม ฯลฯ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ตรัสว่า
“สิ่งใดที่ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม นำมาสู่เจ้าทั้งหลาย จงยึดถึอและปฏิบัติตาม
สิ่งใดที่ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ห้ามพวกท่านไว้ จงละเว้นเสีย”
โองการนี้เป็นหลักฐานอย่างชัดเจนว่า มุสลิมนั้นจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติตามท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ตามคำสั่งใช้ คำสั่งห้ามของท่าน ปฏิบัติตามแบบอย่างของท่าน รวมถึงสิ่งที่ท่านยอมรับโดยพฤตินัย
มุสลิมนั้นเมื่อได้ปฏิบัติตามแบบอย่างที่ดี ที่มาจากท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และบรรดาสาวกของท่านแล้ว เขาจะต้องนำเอาแบบอย่างต่างๆ เหล่านั้นไปถ่ายทอดให้กับผู้อื่น จะเป็นการสอนหรือการปฏิบัติตน เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้อื่น อันจะทำให้เขาได้รับผลบุญจากการกระทำของเขาเอง และได้รับผลบุญจากการกระทำของผู้ที่ปฏิบัติตามเขาอีกด้วย
ท่านอบูฮุรอยเราะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ รายงานว่า ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
“ผู้ใดที่เชิญชวนไปสู่แนวทางที่ถูกต้อง เขาจะได้รับผลบุญเหมือนกับผู้ที่ปฏิบัติตามเขา โดยที่ผลบุญของผู้ที่ปฏิบัติตามเขานั้นไม่บกพร่องแต่ประการใด
ส่วนใครที่เชิญชวนไปสู่การหลงผิด เขาจะได้รับโทษเหมือนดังผู้ที่ปฏิบัติตามเขา โดยโทษของผู้ปฏิบัติตามเขาจะไม่ลดน้อยลงแต่อย่างใด”
ผู้ที่เป็นแบบอย่างที่ดีที่สุด คือ ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม บรรดาสาวกของท่านและบรรดาสลัฟที่ซอและฮฺ นอกจากนั้นยังมีพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ผู้นำต่างๆ ญาติพี่น้อง สามีภรรยา และเพื่อนฝูง บุคคลเหล่านี่ล้วนแล้วมีส่วนสำคัญในการเป็นแบบอย่างที่ดี แก่ผู้ที่อยู่ใต้การปกครอง และผู้ที่คบค้าสมาคมด้วย ภาพการกระทำความดีที่เขาเหล่านั้นแสดงออกให้เห็นอยู่เป็นประจำ จะทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นได้สัมผัส เห็นดีเห็นงาม คล้อยตามและกระทำความดีด้วย
เช่น เมื่อเขาเห็นคนบริจาคทาน เห็นคนช่วยเหลือผู้อื่นที่เดือดร้อน เห็นคนเรียกร้องเชิญชวนให้กระทำความดี เขาก็จะเอาอย่าง เมื่อเขาเห็นพ่อแม่ ของเขาละหมาดเป็นประจำ ลูกๆ ของเขาส่วนใหญ่ก็จะละหมาดไม่ขาดเช่นเดียวกัน ดังนั้น การกระทำของหัวหน้าครอบครัว ครูบาอาจารย์และผู้นำนั้น จึงเป็นส่วนหนึ่งที่จะจูงใจผู้ที่อยู่ใต้การปกครองให้กระทำความดี เพราะว่า สังคมสมัยนี้ชอบเลียนแบบ ชอบเอาอย่างผู้อื่น
ในทางกลับกัน ถ้าพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ สามี ผู้นำ และเพื่อนฝูงเป็นผู้ที่ออกนอกลู่นอกทาง ไม่ปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนของศาสนา กระทำในสิ่งที่ศาสนาห้าม ไม่ละหมาด ไม่ถือศีลอด ไม่บริจาคซะกาต มีความสามารถที่จะประกอบพิธีฮัจญ์ได้แล้วก็ไม่ไปทำฮัจญ์ แต่กลับฝ่าฝืนคำสั่งของอัลลอฮฺ ชอบเล่น การพนัน ลักขโมย ติดยาเสพติด สูบบุหรี่ เสพของมึนเมา กินดอกเบี้ย รับสินบน ขายของที่ฮะรอม ทุจริต คดโกง พูดจาโกหกมดเท็จ หยาบคาย สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นอยู่ตลอด ถามว่าพฤติกรรมอย่างนี้ ถ้าเกิดขึ้นกับพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ และผู้นำแล้ว ผู้ที่เป็นลูก ลูกศิษย์ เป็นผู้ที่อยู่ใต้การปกครองเขาจะทำตัวอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่กระทำผิดให้ผู้อื่นได้เห็นอย่างเปิดเผย โดยไม่แคร์ต่อสายตาของใคร การกระทำเช่นนี้ อัลลออฮฺไม่อภัยโทษให้
ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวไว้ว่า
“ประชาชาติของฉันทั้งหมดจะได้รับการอภัยโทษ ยกเว้นคนที่กระทำความผิดอย่างเปิดเผย ส่วนหนึ่งของการทำความผิดอย่างเปิดเผย
ก็คือเมื่อเขาได้กระทำความผิดอย่างหนึ่งอย่างใดในตอนกลางคืน ซึ่งพระองค์อัลลอฮฺได้ปกปิดการกระทำของเขาไว้ แต่เมื่อเขาตื่นขึ้นมา เขากับนำไปเปิดเผยว่า เมื่อคืนนี้ฉันได้ทำอย่างนั้น ทำอย่างนี้มา เอาสิ่งที่อัลลอฮฺปกปิดไว้มาเปิดเผย”
การกระทำเช่นนี้ ถือว่าเป็นอันตรายต่อตัวเอง และผู้อื่นอย่างยิ่ง ใครที่มีพฤติกรรมดังกล่าว จะต้องตรวจสอบดูตัวเองว่าควรหรือไม่ และรีบแก้ไข ทุกคนย่อมมีความผิดพลาดและบกพร่องได้ ในเมื่อเขายังมิสามารถที่จะละทิ้งการกระทำที่ไม่ถูกต้องนั้นได้ ก็ไม่ควรที่จะแสดงออกให้ผู้อื่นได้เห็น และเอาไปเป็นแบบอย่าง ซึ่งจะส่งผลร้ายแก่ตัวเขาและผู้ที่พบเห็นอีกด้วย
โทษของการกระทำเช่นนี้ ตามนัยของฮะดิษแล้วร้ายแรงมากถึงขั้นที่อัลลอฮฺไม่อภัยโทษให้ เวลาที่เขาจะไปพูดไปตักเตือนใคร ผู้อื่นเขาจะไม่รับฟัง เพราะว่าตัวเขาเองยังฝ่าฝืนอยู่
อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้กล่าวไว้ว่า
“การที่พวกเจ้าพูดในสิ่งที่พวกเจ้าไม่ปฏิบัตินั้น เป็นที่น่าเกลียดยิ่งที่อัลลอฮฺ”
ที่กล่าวมานี้ เป็นแบบอย่างของพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ และผู้นำ พฤติกรรมต่างๆ ของพวกเขาเหล่านั้น มีผลต่อผู้ที่พบเห็นอย่างแน่นอน สำหรับผู้ที่เลียนแบบ และเอาอย่างที่ไม่ดีจากพวกเขาเหล่านั้น จะเป็นลูก ลูกศิษย์ เยาวชน หรือผู้ใดก็ตาม เขาย่อมจะต้องมีความผิด ได้รับการลงโทษด้วย เขาจะอ้างว่าทำตามคนนั้น คนนี้ไม่ได้ เพราะว่าอิสลามได้กำหนดบทบัญญัติมาให้ทุกคนปฏิบัติตามคำสั่งของอัลลอฮฺ และร่อซูล ห้ามมิให้กระทำตามผู้ที่ฝ่าฝืน เพราะอัลลอฮฺได้ให้สติปัญญาแก่เขา สามารถที่จะแยกแยะได้ว่าสิ่งไหนควร สิ่งไหนไม่ควร จะเอาอย่าง หรือเลียนแบบอย่างตาบอดนั้นไม่ได้
อัลลออฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสไว้ว่า
“มุฮัมมัด เจ้าจะไม่พบเลยว่า กลุ่มคนที่ศรัทธาในอัลลอฮฺ และวันสุดท้ายแล้ว พวกเขาจะหันมีไมตรีกับคนที่เป็นศัตรูกับอัลลอฮฺ และร่อซูลของพระองค์ แม้ว่าคนที่เป็นศัตรูกับอัลลอฮฺ และร่อซูลนั้น จะเป็นพ่อของพวกเขาหรือลูกของพวกเขา หรือพี่น้องของพวกเขา หรือญาติของพวกเขา”
อีกโองการหนึ่ง อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ตรัสไว้ว่า
“หากพ่อแม่บังคับให้เจ้าตั้งภาคีกับเรา โดยเจ้าไม่รู้เรื่องใดๆ เลยนั้น เจ้าอย่าเชื่อฟังท่าน แต่ให้เจ้าใช้ชีวิตกับท่านในโลกนี้โดยชอบธรรม เจ้าจงปฏิบัติตามแนวทางของผู้ที่เชื่อฟังเรา แล้วในวันกิยามะฮฺเจ้าจะต้องกลับคืนมายังเรา แล้วเราจะแจ้งให้เจ้าทราบในสิ่งที่สูเจ้าทำไว้”
ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวไว้ว่า
“ไม่มีการปฏิบัติตามมนุษย์คนใดในสิ่งที่เป็นการฝ่าฝืนต่ออัลลอฮฺ”
จากอายะฮฺอัลกุรอานและฮะดิษที่นำมานี้ ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าจะเชื่อฟัง ปฏิบัติตามผู้ที่กระทำผิด ที่ฝ่าฝืนต่อคำสั่งของอัลลอฮฺ และร่อซูลไม่ได้ โดยอ้างว่าเห็นพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย เขาทำกัน
อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า
“เมื่อมีการบอกกับพวกมุชริกว่า พวกเจ้าจงปฏิบัติตามบัญญัติที่อัลลอฮฺ ประทานลงมาเถิด
พวกเขาจะตอบว่า พวกเราจะปฏิบัติตามเฉพาะที่เราพบเห็นบรรพบุรุษของเราทำมา
(อัลลออฺสำทับว่า)จะทำตามทั้งๆ ที่พวกบรรพบุรุษของพวกเขาไม่เข้าใจอะไรเลย และไม่ได้รับทางสว่างเลยกระนั้นหรือ?”
ทั้งหมดที่นำมานี้ ก็เพื่อที่จะชี้ให้เห็นถึงคุณค่าของผู้ที่เป็นแบบอย่างที่ดี และอันตรายของผู้ที่เป็นแบบอย่างที่ไม่ดี และผลลัพธ์ที่พวกเขาจะได้รับในโลกอาคิเราะฮฺ จึงหวังว่าคงจะเป็นข้อเตือนใจสำหรับผู้ที่กระทำผิดอย่างเปิดเผย เพื่อที่จะได้ไม่เสียใจในโอกาสที่ไม่มีเวลาจะกลับตัว และจะได้ไม่โทษคนหนึ่งคนใด เพื่อที่จะได้ไม่ร้องครวญคราง เพราะโดนลงโทษในวันกิยามะฮฺว่า
“และวันที่ผู้อธรรมจะกัดมือของเขา และจะอุทานออกมาว่า “อนิจจา” ถ้าฉันยึดถือแนวทางร่วมกับร่อซูลก็ดีไปแล้ว “ตายแน่แล้ว ฉัน” ที่ไปคบคนนั้นเป็นเพื่อน เขาได้ทำให้ฉันหลงผิด หลังจากมีการตักเตือนมายังฉันและชัยฏอนมารร้ายนั้น เป็นผู้เหยียดหยามมนุษย์เสมอ”
สรุปได้ว่า
♦ ผู้ที่ยึดมั่นตามกิตาบุลลอฮฺ และซุนนะฮฺของท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ผู้อื่น เขาจะได้ภาคผลสองเท่า ภาคผลจากการกระทำความดีของเขาเอง และภาคผลที่ผู้อื่น เอาแบบอย่างที่ดีจากเขา
♦ สำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนต่อคำสั่งของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีแก่ผู้อื่น เขาจะได้รับโทษสองเท่า โทษที่ตัวเขาเองฝ่าฝืนและโทษที่เขาเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่ผู้อื่น
♦ ส่วนผู้ที่ทำตามผู้อื่นอย่างที่ไม่ลืมหูลืมตา ว่าเขาทำถูกหรือว่าทำผิด เขาก็จะได้รับโทษตามการกระทำของเขา
ขอฝากฮะดิษบทหนึ่งที่พระองค์อัลลอฮฺเตือนผ่านท่านนบี ว่า
“อัลลอฮฺ ตรัสว่า : โอ้บ่าวของฉันเอ๋ย แท้จริงการงานของพวกท่านเท่านั้นที่ข้าจะรวบรวมไว้ ผู้ใดที่พบว่าการงานต่างๆ ของเขาดี ได้รับผลบุญตอบแทนก็จงกล่าว่า “อัลฮัมดุลิลลาฮฺ”
ส่วนใครที่พบว่าการงานต่างๆ ของเขาไม่ดี ไม่ถูกต้อง ไม่ได้ผลบุญตอบแทน ก็ให้โทษตัวเขาเอง อย่าได้ไปโทษคนอื่นเลย”
ที่มา : อนุสรณ์งานประจำปี โรงเรียนมุสลิมวิทยาคาร 18 ธันวาคม 2553