ชัยชนะตามบทบัญญัติของอัลลอฮฺ
โดย... อาจารย์ สุเบร มัสอูดี
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงยำเกรงต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เถิด และจงทำให้การศรัทธาหรือการอีมานของท่านเกิดขึ้นจริงด้วยคำพูด การกระทำและการเชื่อมั่น เหตุผลก็คือ เราและท่านทั้งหลาย จะต้องดำเนินตามแนวทางที่อิสลามได้วางไว้ การตัดสินตามกิตาบุลลอฮฺ และปฏิบัติตามซุนนะฮฺของท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม และนำเอาหลักการหรือบทบัญญัติที่สมบูรณ์นั้นมาปฏิบัติอย่างจริงจัง เพราะไม่มีระบอบหรือบัญญัติใดๆ ที่จะดีซึ่งมีทั้งประสิทธิภาพและประสิทธิผลอย่างชัดเจนที่สุดเท่ากับบทบัญญัติที่มาจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา
ดังนั้น บทบัญญัติของอัลลอฮฺจึงรวมไว้ทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการเมือง การปกครอง เศรษฐกิจ สังคม สิทธิส่วนบุคคลและการลงโทษต่างๆ การนำเอาหลักการของอิสลามมาใช้ปฏิบัติจะช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ให้แก่โลกของเราได้
ในอดีตเมื่อประชาชาติอิสลาม นำเอาบัญญัติอิสลามมาใช้อย่างเคร่งครัด เอาจริงเอาจัง บรรดามุสลิมทั้งหลายก็ได้รับการช่วยเหลือจาก อัลลอฮฺ ได้เป็นผู้นำของโลก จึงทำให้อิสลามได้แพร่กระจายไปทั่วทุกมุมโลก ครั้นต่อมาเมื่อมุสลิมในยุคหลังๆ แตกแยกกัน และผินหลังให้กับหลักการของศาสนากันมาก บรรดาศัตรูของอิสลามก็ไม่หวั่นเกรงต่อมุสลิม พวกเขาจึงยกทัพมาสู้รบกับมุสลิม ดังเช่นในสงครามคูเสด เป็นต้น
หลังจากนั้นศัตรูของอิสลามก็ได้วางกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่มุ่งทำลายต่อศีลธรรม และจรรยามารยาทอันดีงามของอิสลาม ทำลายความสงบสุขของสังคม ด้วยการกระทำที่ค้านต่อบทบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าซึ่งเป็นแผนการชั่วร้ายของพวกมันที่ได้กำหนดขึ้นมา ต้องการที่จะให้มุสลิมหันเหออกจากแนวทางของอิสลามที่ถูกต้อง โดยใช้ความพยายามทุกรูปแบบและทุกวิธีการ
บรรดาศัตรูของอิสลามจะทำทุกวิถีทาง เพื่อให้มุสลิมละทิ้งศาสนาของตน หันไปนิยม ชมชอบ ยกย่องหรือเทิดทูน ระบอบหรือแผนการอันชั่วร้ายที่พวกมันกำหนดขึ้นมา เพื่อจะลบล้างบทบัญญัติของอิสลามที่มีอยู่ในอัลกุรอานและซุนนะฮฺของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
ดังที่ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ตรัสไว้ในซูเราะฮฺ อัศศ็อฟ อายะฮฺที่ 8-9 ว่า
“พวกเขาปรารถนาที่จะดับรัศมีของอัลลอฮฺ ด้วยปากของพวกเขา
แต่อัลลอฮฺเป็นผู้ที่ทำให้รัศมีของพระองค์นั้นสมบูรณ์ แม้ว่า พวกปฏิเสธศรัทธาจะเกลียดชังก็ตาม”
“พระองค์คือผู้ทรงส่งศาสนทูตของพระองค์ด้วยการชี้นำ และศาสนาแห่งสัจธรรม
เพื่อพระองค์จะทรงให้ศาสนาอิสลามอยู่เหนือศาสนาทั้งมวล ถึงแม้ว่าพวกตั้งภาคีจะเกลียดชังก็ตาม”
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย ศัตรูของอิสลามต้องการที่จะให้ประชาชาติของอิสลามเหมือนกับพวกเขาในฐานะที่เป็นผู้ที่ทรยศ เป็นผู้เนรคุณต่อพระเจ้า ด้วยการประกอบกรรมทำชั่ว สร้างความเสื่อมเสีย การผิดศีลธรรมและจรรยามารยาท และก่อความพินาศ และความเสียหายให้เกิดขึ้นในแผ่นดิน
เช่นเดียวกันขณะที่ศัตรูของอิสลามกำลังมุ่งมั่นที่จะเอาชนะพวกเรา พวกเราเองก็ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้นจริง ก็เพราะว่า
1. พวกเรานั้นไปช่วยเหลือ สนับสนุนฝ่ายศัตรู ด้วยการปฏิบัติตามแนวความคิดของพวกเขาด้วยความภูมิใจ โดยไม่รู้สำนึกในคุณค่าของความเป็นบ่าวของอัลลอฮฺเลยสักนิด
2. พวกเราทั้งหลายละทิ้ง และไม่นำคำสอนของศาสนามาปฏิบัติอย่างชัดเจน
ท่านพี่น้องทั้งหลาย ถ้าเราทิ้งหลักการหรือบทบัญญัติของศาสนาเพียงข้อเดียว เราก็ไม่มีวันได้รับ ชัยชนะเป็นอันขาด
สำหรับความเสื่อมเสียทางศีลธรรมและวัฒนธรรมในสังคมมุสลิมนั้น ย่อมแสดงให้เห็นถึงความตกต่ำของสังคมมุสลิมที่กำลังประสบกับความอ่อนแอ กลายเป็นเสมือนฟองที่ล่องลอยอยู่ เมื่อยามน้ำหลาก สุดแท้แต่ลมจะพัดพาไปทางทิศใด ซึ่งไม่มีประโยชน์อันใดเลย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็น
พี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย หากบรรดามุสลิมในปัจจุบันพินิจพิจารณา คำสอนของพระผู้เป็นเจ้าและซุนนะฮฺของท่านนบี และปฏิบัติตามหลักการอย่างแท้จริง แน่นอน อัลลอฮฺจะประทานความจำเริญ (บะรอกะฮฺ) ทั้งจากฟากฟ้าและแผ่นดินลงมาให้แก่พวกเราอย่างมากมาย และพระองค์จะทรงช่วยเหลือ สนับสนุน พวกเราทั้งหลาย ซึ่งจะทำให้จิตใจของบรรดาศัตรู มีความหวาดกลัวเกรงขามต่อมุสลิม ดังเช่นในอดีตเป็นแน่ เพราะอัลลอฮฺ ตะอาลา จะไม่ทรงเปลี่ยนแปลงสภาพของกลุ่มชนหนึ่งกลุ่มชนใด จนกว่าพวกเขาจะเปลี่ยนแปลงสภาพเดิมของพวกเขาเองเสียก่อน
อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ตรัสไว้ในซูเราะฮฺ อัรเราะอฺดฺ อายะฮฺที่ 11 ว่า
“...แท้จริง อัลลออฺจะมิทรงเปลี่ยนแปลงสภาพของกลุ่มชนใด จนกว่าพวกเขาจะเปลี่ยนแปลงสภาพของตัวพวกเขาเอง...”
อีกอายะฮฺหนึ่งในซูเราะฮฺ อัลฮัจยฺ อายะฮฺที่ 40 ว่า
“และโดยแน่นอน อัลลอฮฺทรงช่วยเหลือผู้ที่สนับสนุนศาสนาของพระองค์ แท้จริง อัลลอฮฺเป็นผู้ทรงเดชานุภาพ บรรดาผู้ที่เมื่อเราให้พวกเขามีอำนาจในแผ่นดิน พวกเขาดำรงการละหมาด จ่ายซะกาต ใช้กันให้กระทำความดี และห้ามปรามกัน มิให้กระทำความชั่ว และบั้นปลายของกิจการทั้งหลายย่อมกลับไปหาพระองค์”
3. การที่พวกเขาหวาดกลัวที่จะสู้รบ และพวกเขาขัดขืนต่อคำสั่งของอัลลอฮฺและร่อซูลของพระองค์ กล่าวคือ บรรดามุสลิมมีความหวาดกลัวที่จะสู้รบ และพวกเขาได้แย้งต่อคำสั่ง บางคนก็ฝ่าฝืนต่อผู้เป็นศาสนทูต และบางคนก็ละโมบในเรื่องของดุนยา
4. การมีใจไม่ตรงกัน แท้จริงอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงชี้แจงไว้ในซูเราะฮฺ อัลหัซรฺ อายะฮฺที่ 14
“เจ้าเข้าใจว่า พวกเขาสามัคคีกันเป็นปึกแผ่น ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วหัวใจของพวกเขาแตกแยกเป็นเสี่ยงๆ
หลังจากนั้นพระองค์ทรงอธิบายให้ทราบถึงสาเหตุดังกล่าวข้างต้นก็คือ
“ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า เขาเป็นกลุ่มชนที่ไม่ใช้สติปัญญาพินิจพิจารณา”
สรุป ก็คือ เราและท่านทั้งหลายจะต้องนำหลักการที่อิสลามได้วางไว้มาใช้ในการดำเนินชีวิตของเราอย่างจริงๆ จึงจะทำให้เราได้รับชัยชนะต่อศัตรูของอิสลาม และปลอดภัยจากการหลงผิดและการลงโทษของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ในโลกหน้า
ท่านพี่น้องมุอฺมินผู้ศรัทธาทั้งหลาย ขณะนี้เราอยู่ประมาณเกือบครึ่งหนึ่งของเดือนชะอฺบานก็หมายความว่าอีกประมาณครึ่งเดือนกว่าๆ เราก็จะเข้าสู่เดือนอันประเสริฐ เดือนแห่งการให้อภัย ฉะนั้นขอให้เรามาศึกษาอัลกุรอานซึ่งเป็นคัมภีร์ของอัลลอฮฺ ที่ถูกประทานลงมาในเดือนรอมฎอนและเพื่อเป็นธรรมนูญในการดำเนินชีวิต และเป็นแสงสว่างนำทางมนุษย์ทั้หงลายออกจากหนทางที่มืดมิดสู่แสงสว่างและสัจธรรม
อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาม ได้ตรัสไว้ในซูเราะฮฺ อิบรอฮีม อายะฮฺที่ 1 ว่า
“คัมภีร์ที่เราได้ประทานลงมาแก่เจ้า เพื่อให้มนุษย์ออกจากความมืดมนทั้งหลายสู่แสงสว่าง
ด้วยอนุมัติของพระเจ้าของเขาสู่ทางของผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ”
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย จะเห็นได้ว่าจากอายะฮฺที่กล่าวมาข้างต้น อัลกุรอานถูกประทานลงมาเพื่อนำมนุษย์ออกจากความ ไม่รู้ อวิชชา หลงทางสู่แนวทางหรือแสงสว่างอันเที่ยงตรงสู่แสงสว่างแห่งการเรียนรู้ และการศรัทธา ดังนั้น อัลกุรอานจึงประมวลไว้ซึ่งแนวทางแห่งการปรับปรุงและขัดเกลาจิตใจของมนุษย์ให้มี ความสะอาดบริสุทธิ์ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
1. อัลกุรอานนำมนุษย์สู่หลักศรัทธาที่ถูกต้อง จึงทำให้มนุษย์รู้ว่า ใครคือพระเจ้าของเขา ? ใครคือผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายในโลกนี้ ? เป้าหมายในการดำเนินชีวิตของเขาเพื่ออะไร ? ชีวิตหลังความตายจะเป็นเช่นไร ? ตลอดจนผลงานที่เขาได้กระทำไว้ ไม่ว่าจะเป็นความดีหรือความชั่ว
2. อัลกุรอานนำพาสู่การอิบาดะฮฺที่ถูกต้อง ได้แก่ การกล่าวปฏิญาณ (การกล่าวชะฮาดะฮฺ) การดำรงไว้ซึ่งการละหมาด การบริจาคซะกาต การถือศีลอด การทำฮัจญ์ การเชือด การบนบาน และอื่นๆ อีกมากมาย
3. อัลกุรอานนำสู่หลักคุณธรรมและจริยธรรมอันดีงาม ความซื่อสัตย์ การมีมารยาทอันดีงาม คำพูดที่ดี มีความยุติธรรม ไม่เนรคุณ ไม่พูดเท็จ และอื่นๆ อีกมากมาย
นอกจากนี้อัลกุรอานยังประมวลถึงหลักกฎหมาย เพื่อดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมในสังคมมนุษย์ รากฐานด้านวิชาการแขนงวิชาการไปสู่ความผาสุก และนำความเจริญก้าวหน้ามาสู่สังคมมนุษย์ ด้วยเหตุนี้บรรดาซอฮาบะฮฺจึงให้ความสนใจในการทำความเข้าใจในอัลกุรอาน ในเนื้อหาสาระ สาเหตุการลงมาในแต่ละอายะฮฺ พร้อมทั้งยึดมั่นและนำมาปฏิบัติในการดำเนินชีวิตของพวกเขาเหล่านั้น
ดังนั้น การที่มุสลิมบางคนไม่ดำเนินตาม หรือผินหลังให้กับคำสอนของอัลกุรอาน ไม่สนใจ ไม่ศึกษาความเข้าใจแล้วนำไปสู่การปฏิบัติ ไม่นำอัลกุรอาน และบทบัญญัติของอิสลามมาเป็นธรรมนูญในการดำเนินชีวิตของเขา เหลือเพื่อแค่ท่องจำ เพื่อใช้ในพิธีกรรมต่างๆ หรืออ่านเพื่อต้องการชื่อเสียงให้ผู้อื่นยกย่อง หรือนำเป็นดุอาอฺไล่ญิน หรือนำไปแขวนที่คอเท่านั้น สิ่งต่างๆ เหล่านั้น นับว่าเป็นการขาดทุนอย่างยิ่ง
พี่น้องทั้งหลาย อีกไม่กี่วันข้างหน้าเดือนรอมฎอนก็จะมาเยือนเราอีกครั้งหนึ่ง ฉะนั้น เราจะต้องวิงวอนขอให้เรา และท่านทั้งหลายประสบกับเดือนอันประเสริฐดังกล่าว พร้อมเตรียมตัวเตรียมใจในการมุ่งมั่นในเรื่องของการทำอิบาดะฮฺ และอ่านอัลกุรอานให้มากๆ และขอให้อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงให้อภัยแก่เราในสิ่งที่เราได้กระทำ และผิดพลาดไป
การที่บรรดามุสลิมในสมัยแรกของอิสลามได้ยึดมั่นและปฏิบัติตามคำสอนที่มีอยู่ในอัลกุรอานนี้เอง จึงทำให้พวกเขาเป็นประชาชาติที่ดีที่สุด ในมวลประชาชาติทั้งหลาย โดยที่พวกเขาเชิญชวนไปสู่ความดีและห้ามปรามกันในเรื่องของความชั่วและพวกเขาก็ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ
ดังนั้น อัลลอฮฺทรงให้พวกเขาได้รับความผาสุก ดังเช่นที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ทรงสัญญาไว้ในซูเราะฮฺ อันนู้ร อายะฮฺที่ 55 ว่า
“อัลลอฮฺทรงสัญญากับผู้ศรัทธาในหมู่พวกเจ้า และบรรดาผู้ที่กระทำความดีทั้งหลายว่า
แน่นอนพระองค์จะทรงให้พวกเขาเป็นตัวแทนสืบไปในแผ่นดิน
เสมือนดังที่พระองค์ทรงให้แก่บรรดาชนก่อนหน้าพวกเขา
ซึ่งพระองค์ทรงโปรดปรานเป็นที่มั่นคง และเป็นเกียรติแก่เขา
และแน่นอน อัลลอฮฺจะทรงเปลี่ยนแปลงให้พวกเขาได้รับความปลอดภัย หลังจากที่พวกเขาได้รับความหวาดกลัว โดยที่พวกเขาจะต้องเคารพภักดีต่อพระองค์ไม่นำสิ่งหนึ่งสิ่งใดมาเป็นภาคีกับพระองค์ และผู้ใดปฏิเสธศรัทธาหลังจากนั้น ชนเหล่านี้แหละพวกเขาคือผู้ที่ฝ่าฝืนต่อข้า”
ที่มา : อนุสรณ์งานประจำปี โรงเรียนมุสลิมวิทยาคาร ปี 2552