ลักษณะเด่นของบรรดาผู้ศรัทธา
  จำนวนคนเข้าชม  7617


ลักษณะเด่นของบรรดาผู้ศรัทธา

 

โดย ... อาจารย์ อับดุลลอฮฺ แดงโกเมน

 

          ความจริงแล้วทุกคนที่จะก้าวสู่ตำแหน่งหน้าที่ ไม่ว่าระดับใดก็จะต้องผ่านการพิจารณาถึงคุณสมบัติว่าเป็นผู้เหมาะสมหรือไม่ ผู้ที่จะเป็นอิมามก็ต้องเหมาะสมกับตำแหน่ง จะเป็นผู้นำประเทศ หรือจะสมัคร .. หรือ .. อบต. ฯลฯ ก็ล้วนแต่จะต้องผ่านการทดสอบคัดเลือกเกี่ยวกับคุณสมบัติก่อน 

 

          ถ้าเป็นเรื่อเกี่ยวกับศาสนา ผู้ที่จะเป็นผู้นับถือศาสนาอย่างแท้จริงก็จะต้องมีความเชื่อและปฏิบัติตามหลักข้อบัญญัติของศาสนา ใครจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ ผู้เป็นบ่าวของอัลลอฮฺที่แท้จริงก็ต้องมีคุณสมบัติของผู้ศรัทธา และต้องเป็นตามที่อัลลอฮฺกำหนดให้ เราจะพบว่าในอิสลามนั้นมีการแบ่งผู้คนออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือ 1. มุอฺมิน 2. กาฟิร 3. มุนาฟิก

 

          ในเรื่องที่จะเรียนต่อไปนี้จะขอนำเอาลักษณะของมุอฺมิน ตามที่ปรากฏในอัลกุรอานมาเสนอให้ พี่น้องผู้อ่านตามสมควร (คือไม่สามารถนำมาเสนออย่างละเอียดได้)

 

         อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ประทานคัมภีร์อัลกุรอานลงมา ให้แก่ชาวโลกเป็นเวลา 1442 ปีกว่าแล้ว สิ่งที่มนุษย์ควรจะต้องภาคภูมิใจและยินดีก็คือ อัลลอฮฺได้ให้มนุษย์ผู้มีนามว่ามุฮัมมัด บุตร อับดุลลอฮฺ ชาวอาหรับ เป็นผู้ที่ได้รับคัมภีร์ผ่านทูตสวรรค์คือ ญิบรีล นำมาประทานให้ ถ้ำฮิรออฺ 

 

     ห้า อายะฮฺแรกจากซูเราะฮฺ อัล-อะลัก จะขอกล่าวถึงความยิ่งใหญ่ของความรู้ที่มนุษย์ได้รับจากอัลลอฮฺ เป็นอันดับแรกก่อน ดังกล่าวนั้นคือ

 

จงอ่าน (อัลกุรอาน) ด้วยพระนามของพระผู้อภิบาลของเจ้าผู้ซึ่งได้สร้าง (บังเกิดทุกสิ่งทุกอย่าง) O

ทรงสร้างมนุษย์มาจากก้อนเลือด O จงอ่านเถิดและพระเจ้าของเจ้านั้นเป็นผู้ทรงไว้ซึ่งความกรุณาอย่างที่สุด O

เป็นผู้ทรงสอน (มนุษย์ให้รู้)ด้วยปากกา (การเขียน การจดบันทึก) O ทรงสอนมนุษย์ให้รู้ในสิ่งที่เขาไม่รู้มาก่อน

 

ในเนื้อความของอายะฮฺเหล่านี้มีสิ่งที่เราได้รับสาระมากมายสรุปได้ว่า

 

     ♣ อัลลอฮฺทรงใช้ให้กล่าวนามของพระองค์ก่อนการอ่านอัลกุรอาน คือ ท่านนบีเป็นผู้ได้รับคำสั่งคนแรกทั้งๆ ที่ท่านอ่านไม่ออก เขียนไม่เป็น

 

     ♣ หลักคำสอนต่อมาก็คือ มนุษย์ต้องเรียนรู้ และยอมรับก็คือ พระเจ้าผู้ทรงเป็นผู้สร้างสรรพสิ่งทั้งมวลเพียงผู้เดียว แสดงถึงความยิ่งใหญ่ ผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณ ผู้ทรงเกรียงไกรปราศจากภาคีใดๆ และเป็นผู้ทรงมีอำนาจ สร้างให้เกิด ให้ตาย ให้ดับสูญ

 

     ♣ ความรู้ที่เร้นลับซึ่งอัลลอฮฺทรงเมตตา คือ มนุษย์นั้นถูกสร้างมาจากก้อนเลือด (คือหลังจากเป็นอสุจิและเป็นขั้นตอนที่พระองค์สร้างลูกหลานอาดัม ส่วนอาดัมนั้นถูกสร้างมาจากดิน 

 

     ♣ นอกจากนั้น อัลลอฮฺยังได้สอนให้แก่ท่านนบีมุฮัมมัด ได้รู้เรื่องเร้นลับที่ไม่มีใครรู้นอกจากอัลลอฮฺทรงบอก เช่น การฟื้นคืนชีพ การสอบสวน นรก-สวรรค์ วิญญาณ โลกของญิน มลาอิกะฮฺ ฯลฯ

 

     ♣ นอกจากนี้อัลลอฮฺได้ทรงบอกถึงเรื่องราวบนท้องฟ้าและในฟากฟ้า ซึ่งเป็นหลักใหญ่ของดาราศาสตร์ 

 

          แต่สิ่งที่เป็นประโยชน์สำหรับมนุษย์ ก็คือ บัญญัติของอิสลาม ซึ่งใครนำไปปฏิบัติก็จะได้รับความสุขทั้งโลกนี้และโลกหน้า (อาคิเราะฮฺ)

          กล่าวได้ว่าเมื่อท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้รับคัมภีร์อัลกุรอานมาเป็นทางนำให้แก่มวลมนุษย์และในอัลกุรอานนั้น มีแต่สัจธรรม และทางนำไปสู่ชัยชนะ จึงขอนำท่านเรียนรู้เกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้บรรดาผู้ศรัทธาในต้นซูเราะฮฺ อัลบะกอเราะฮฺ เพื่อเราจะได้ตรวจสอบตัวเราเอง เพื่อเป็นผู้ศรัทธาที่ผ่านการตรวจสอบเข้าเป็นกลุ่มชนผู้ศรัทธาที่แท้จริง

 

          อายะฮฺดังกล่าวนี้ ได้เริ่มด้วยพยัญชนะ 3 ตัว คือ อะลีฟ ลาม มีม ซึ่งคำดำรัสของอัลลอฮฺ ที่เราจะต้องเชื่อและไม่มีใครรู้เนื้อหาความหมายที่แท้จริงได้ นอกจากพระองค์ อย่างไรก็ตาม ใครที่ว่า อะลีฟ ลาม มีม ก็จะได้ความดีจากการอ่านดังที่ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

 

          “ใครอ่านพยัญชนะหนึ่งจากคัมภีร์ของอัลลอฮฺ ตะอาลา เขาจะได้รับความดี และความดีนั้นจะได้เป็น 10 เท่า ฉันจะไม่บอกว่า อะลีฟ ลาม มีม เป็นพยัญชนะหนึ่ง แต่ อลีฟ เป็นพยัญชนะหนึ่ง ลามเป็นพยัญชนะหนึ่ง และมีมเป็นพยัญชนะหนึ่ง” 

 

นอกจากนี้ อัลลอฮฺได้ยืนยันว่า 

 

     "คัมภีร์อัลกุรอานนี้ ไม่มีข้อแคลงใจใดๆ ในนั้นคือ ทางนำ สำหรับบรรดาผู้ยำเกรง (ผู้ศรัทธา) บรรดาผู้ที่เชื่อมั่นศรัทธาต่อสิ่งเร้นลับ และดำรงการละหมาด และพวกเขาจะบริจาคจ่ายไปในหนทางของอัลลอฮฺ จากสิ่งที่เราได้ประทานปัจจัยให้พวกเขา

     และบรรดาผู้เชื่อมั่นศรัทธาต่อสิ่งที่ประทานลงมาก่อนเจ้า (เตารอต) อินญีล และคัมภีร์จากอัลลอฮฺก่อน อัลกุรอาน และต่อวันปรโลกนั้น พวกเขาก็เชื่อมั่น และบรรดาเหล่านั้นแหละ ได้อยู่บนทางนำจากพระ ผู้อภิบาลของพวกเขาแล้ว และเหล่านี้แหละ คือ บรรดาที่ประสบชัยชนะ

 

     ทั้ง 5 อายะฮฺ นั้น ได้ประมวลคุณลักษณะของบรรดาผู้ศรัทธาเอาไว้อย่างครบสมบูรณ์ คือ

 

     1. ผู้ศรัทธา จะต้องเชื่อว่าอัลกุรอานทุกตัวอักษรเป็นดำรัสของอัลลอฮฺ แม้ว่าจะเป็นพยัญชนะเดี่ยว เช่น ตอนเริ่มซูเราะฮฺนี้หรือในซูเราะฮฺอื่นๆ ในคัมภีร์อัลกุรอาน และขณะเดียวกัน มุอฺมินนั้นจะต้องสนองตอบคำสั่งของอัลลอฮฺที่ใช้ให้อ่านอันกุรอาน ทั้งในขณะละหมาดและอ่านนอกจากการละหมาด รวมทั้งเรียนรู้เนื้อหา ให้เข้าใจแล้วนำมาปฏิบัติตาม ดังที่ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

 

คนดีที่สุดในหมู่พวกท่าน คือ ผู้เรียนรู้ ศึกษาอัลกุรอาน และเขาได้สอนอัลกุรอานแก่คนอื่นต่อไป

 

          การเรียนรู้อัลกุรอาน หมายถึง ศึกษาการอ่าน เนื้อหาและหลักการจากอัลกุรอานให้เข้าใจแล้วนำไปปฏิบัติ แล้วก็ถ่ายทอดความรู้ไปสู่ผู้อื่น จากจุดตรงนี้ได้ทำให้เกิดขบวนการในสังคมกลายเป็นสถาบัน

          การสอนอัลกุรอาน และบรรดาผู้ที่ร่วมสนับสนุนบริจาคช่วยเหลือการเรียนการสอนก็เข้าข่ายเป็นกลุ่มคนดี ตามที่ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวไว้

 

     2. คัมภีร์อัลกุรอานทั้งหมด นั้บตั้งแต่ 5 อายะฮฺแรก ที่นบี ได้รับที่ถ้ำฮิรออฺนั้นสมบูรณ์ มุอฺมินก็ต้องมีความเชื่อมั่น 100 เปอร์เซ็นว่าเป็นคัมภีร์จากอัลลอฮฺเท่านั้น ไม่มีการปลอมปน เพราะการประทานวะฮีย์นั้น เป็นเรื่องเฉพาะระหว่างท่านร่อซูลกับญิบรีล ชัยฏอนไม่สามารถดักฟังหรือแทรกแซงได้ และจะไม่มีผู้ใดสามารถทำลายล้างอัลกุรอานได้เพราะอัลลอฮฺรับประกันว่า

 

แท้จริง เรานั้น (อัลลอฮฺ) ได้ประทาน อัลกุรอาน และแท้จริง เราคือผู้พิทักษ์ อัลกุรอานอย่างแน่นอน

(อัลฮิจญร์ 15 : 9)

          จึงไม่มีข้อสงสัยใดๆ ว่า อัลกุรอานมีข้อผิดพลาด ไม่ว่าสำนวนหรือเนื้อหา และหลักการของ อัลอิสลามหรือสิ่งที่ไม่ปรากฏอยู่ในอัลกุรอานก็ไม่ได้หมายความว่า อัลลอฮฺลืมหรือไม่รู้ แต่บางทีพระองค์ได้กล่าวไว้เป็นส่วนกว้างๆ มนุษย์นั้นเองไม่รู้ ดังนั้น มุอฺมินผู้ยำเกรงต่ออัลลอฮฺ จะได้รับทางนำจากการศรัทธาต่ออัลกุรอาน

 

     3. ผู้ศรัทธาที่แท้จริง ต้องศรัทธาต่อสิ่งเร้นลับที่เป็นหลักการศรัทธา อันได้แก่

     1- การศรัทธาต่ออัลลอฮฺที่เกี่ยวกับองค์อัลลอฮฺ คุณลักษณะและพระนามของพระองค์ ตามที่อัลลอฮฺและร่อซูลได้กล่าวถึงโดยไม่ตัดทอนเพิ่มเติม หรือปฏิเสธลักษณะที่พระองค์ระบุไว้หรือไปติดตามคุณลักษณะของพระองค์ตามอารมณ์

     2- การศรัทธาต่อบรรดามลาอิกะฮฺ

     3- การศรัทธาต่อคัมภีร์ที่อัลลอฮฺประทานมาทั้งหมด ส่วนคัมภีร์ที่มนุษย์เขียนไว้ไม่เกี่ยวกับหลักศรัทธา จะถูกนำมาเกี่ยวพันกับคัมภีร์ของอัลลอฮฺไม่ได้ถือว่าเป็นกุฟรฺ

     4- การศรัทธาต่อบรรดาร่อซูล และที่สำคัญร่อซูลท่านสุดท้ายคือมุฮัมมัด ใครอ้างตนเป็นนบี หลังจากท่านหรือใครเชื่อว่ามีนบีหลังจากท่านร่อซูลมุฮัมมัด ศ้อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ก็ถือเป็นกาฟิรฺ

     5- การศรัทธาต่อวันอาคิเราะฮฺ รวมถึงการฟื้นคืนชีพ การสอบสวน นรก สวรรค์ เรื่องอื่นๆ เกี่ยวกับเรื่องเร้นลับ เช่น สะพาน ตาชั่ง การเห็นอัลลอฮฺในวันอาคิเราะฮฺ ฯลฯ

     6- การศรัทธาต่อกำหนดกฎสภาวการณ์ของอัลลอฮฺทั้งดีและไม่ดี

 

          ♥ หลักการต่อมามุอฺมินต้องดำรงรักษาการละหมาด คำว่า พวกเขาจะดำรงรักษาการละหมาด ตรงนี้ไม่ใช่เพียงแต่ปฏิบัติละหมาด แต่มันมีความหมายว่า พวกเขาจะดำรงอยู่เป็นประจำ ทำการละหมาดตามเวลา รักษาขอบเขตข้อกำหนดของการละหมาดเงื่อนไขต่างๆ รุก่นต่างๆ วิธีการทำละหมาด เช่น อาบน้ำละหมาดอย่างสมบูรณ์ ทำละหมาดอย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นอิมาม เป็นมุอฺมิน หรือละหมาดโดยลำพังผู้เดียว การละหมาดในที่นี้คือ ละหมาดฟัรฎูทั้ง 5 เวลา

 

          เพราะการละหมาดนั้นเป็นอิบาดะฮฺที่สำคัญที่สุดในอิสลาม นอกจากนี้ผู้ศรัทธาที่อยู่ในข่ายต้องจ่ายซะกาตหรือในความสะดวกจะบริจาคในหนทางของอัลลอฮฺ ก็จัดอยู่ในหมู่ผู้ศรัทธาที่ยำเกรงที่จะได้รับทางนำ พวกเขาเชื่อว่าริสกีย์หรือทรัพย์สินที่มีอยู่นั้นเป็นสิ่งที่อัลลอฮฺประทานให้ทั้งสิ้น พวกเขาหวังผลตอบแทนจากพระองค์ในวันอาคิเราะฮฺ และไม่เสียดายการเสียสละแต่อย่างใด 

 

          ♥ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการเดินทางไปทำฮัจญ์ด้วย เพราะจะต้องจ่ายทรัพย์จำนวนมาก เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายการทำอิบาดะฮฺอันนี้ เพราะจะต้องเสียสละทั้งร่างกายและทรัพย์สิน เงินทอง 

 

          เราจะเห็นได้ว่าผู้ที่มีลักษณะดังกล่าวมาแล้วนี้ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ยืนยันว่า พวกเขาอยู่ในทางนำ และแสงสว่าง และจะเป็นผู้ได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน ชัยชนะที่ว่านี้คือ ได้พบกับความสุขในสวรรค์และการรอดพ้นจากการถูกทรมานในไฟนรก

 

 

 

ที่มา : อนุสรณ์งานโรงเรียนมุสลิมวิทยาคาร ประจำปี 2552