การเนรคุณต่อความโปรดปรานของอัลลอฮฺ
โดย อาจารย์อับดุรเราะฮฺมาน กรีมี
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย กระผมขอเตือนพวกท่านทั้งหลาย และตัวกระผมเองให้มีความยำเกรงต่ออัลลอฮฺ ด้วยการเชื่อฟัง และปฏิบัติตามคำสั่งใช้ของพระองค์และออกห่างจากสิ่งที่พระองค์ได้ใช้และเตือนเราทั้งหลายให้ระวัง
ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นภัยพิบัติ และสิ่งเลวร้ายมากมาย เช่น แผ่นดินไหว ภาวะโลกร้อน ลมพายะต่างๆ ตลอดจนการเข่นฆ่ากันครั้งแล้วครั้งเล่า และการใส่ร้ายป้ายสี สิ่งดังกล่าวมานี้ผ่านไปครั้งแล้วครั้งเล่า โดยที่เราทั้งหลายไม่เคยใช้สติปัญญาของเราใคร่ครวญและไต่ตรองถึงผลที่มันกลับมาสู่สังคมว่าเป็นเช่นใด
มนุษย์นั้นประเสริฐกว่าทุกๆ สิ่งในโลกนี้ เราได้รับความผาสุก ความสะดวกสบาย ความเมตตา และความโปรดปรานจากพระองค์อัลลอฮฺ เรามิได้ถูกปล่อยปะละเลยให้อยู่แต่เพียงลำพัง
♥ เรามีศาสนาอิสลามเป็นหลัก มีผู้นำที่คอยแนะนำตักเตือนในการดำเนินชีวิตให้ถูกต้องตามครรลองครองธรรมหรือเหมาะสมกับทุกยุคทุกสมัยและทุกสถานที่
♥ เรามีอัลกุรอานเป็นธรรมนูญในการดำเนินชีวิตที่สำคัญที่สุด ดังนั้น ไม่มีผู้ใดที่เหมาะสม ที่ควรแก่การเคารพอิบาดะฮฺและเชื่อฟังนอกจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ซึ่งเป็นพระผู้ เป็นเจ้าองค์เดียวเท่านั้น
♥ อีกทั้งไม่มีแบบฉบับ จริยธรรม หรือมารยาทอันดีงามของผู้ใดที่สมควรปฏิบัติตาม นอกจากแบบฉบับหรือการปฏิบัติอันดีงามของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ผู้เป็นนบี และร่อซูลของพระองค์เท่านั้น
ดังนั้น การศรัทธาเชื่อมั่นในอัลลอฮฺ และการยำเกรงต่อพระองค์จะเป็นแรงผลักดันให้เราทั้งหลายสู่ความสำเร็จในการดำเนินชีวิตในโลกนี้และโลกหน้า การงานใดที่เป็นอุปสรรคที่จะทำให้หมดหวังหรือท้อแท้ เราจะต้องมีความมั่นใจว่าอัลลอฮฺจะทรงช่วยเหลือและประทานความสำเร็จให้ ดังที่พระองค์ได้สัญญาไว้ ในซูเราะฮฺ อัฎ-ฏอล๊าก อายะฮฺที่ 2-3
“ผู้ใดยำเกรงต่อพระองค์ พระองค์จะทรงให้ทางออกแก่เขา
และพระองค์จะทรงประทานริสกีแก่เขา โดยที่เขามิได้คาดคิดมาก่อน
และผู้ใดมอบหมายต่อพระองค์ พระองค์ก็จะทรงเป็นผู้พอเพียงแก่เขา
แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงบรรลุในกิจการของพระองค์อย่างแน่นอน
สำหรับทุกๆ สิ่งนั้นอัลลอฮฺทรงกำหนดสภาวะไว้แล้ว”
และอีกอายะฮฺหนึ่งในซูเราะฮฺ อาละอิมรอน อายะฮฺที่ 101
“ผู้ใดที่ยึดมั่นในอัลลอฮฺ แน่นอนเขาจะได้รับการชี้แนะไปสู่หนทางอันเที่ยงตรง”
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงขอบคุณในความเมตตา และความโปรดปรานที่พระองค์ประทานให้ทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็น และจงอย่าเนรคุณต่อพระองค์ เพราะการเนรคุณต่ออัลลอฮฺนั้นจะเป็นสาเหตุให้ความโปรดปรานของพระองค์หมดไป และส่วนหนึ่งจากการเนรคุณต่อพระองค์ก็คือ การหลงลืมผู้ที่ประทานริสกีหรือปัจจัยให้แก่เรา ผินหลังให้กับคำสั่งใช้ของพระองค์ หมกหมุ่นอยู่กับเรื่องที่ไร้สาระและความใคร่ใฝ่ต่ำ จมปลักอยู่ในการฝ่าฝืนต่อพระองค์
อันที่จริงแล้วอัลลอฮฺ ทรงบังเกิดมนุษย์มาเพื่อให้มนุษย์เคารพภักดีต่อพระองค์ ประทานปัจจัยให้แก่พวกเขามิได้ขาดสาย เพื่อว่าพวกเขาจะขอบคุณต่อพระองค์ และปฏิบัติสิ่งที่ดีงามทั้งหลาย ดังที่อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้กล่าวว่า
“โอ้ บรรดาร่อซูล จงบริโภคสิ่งดีๆ และจงประกอบการงานที่ดีๆ”
การภักดีต่ออัลลอฮฺ และการปฏิบัติในสิ่งที่พระองค์ทรงพอพระทัยนั้นเป็นส่วนหนึ่งแห่ง การขอบคุณพระองค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ดังที่อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ตรัสไว้ในซูเราะฮฺ ซะบะฮฺ 3 : 13
“โอ้ วงศ์วานของดาวู๊ด จงกระทำเถิด ทั้งนี้เพื่อเป็นการขอบคุณ
และส่วนน้อยของบ่าวของข้าเท่านั้นที่เป็นผู้ขอบคุณ”
อัลลอฮฺ ตะอาลา ประทานริสกี ปัจจัยยังชีพให้แก่มนุษย์ รวมถึงความโปรดปรานต่างๆ แต่ก็เป็นที่น่าเศร้าใจที่มนุษย์ส่วนมากไม่ใช้เนี๊ยะอฺมะฮฺ และความโปรดปรานที่อัลลอฮฺทรงให้แก่เขาไม่ถูกทาง หมกมุ่นอยู่กับความสุรุ่ยสุร่าย ความฟุ่มเฟือย และหยิ่งจองหอง หวงแหนในทรัพย์สินเงินทอง จนเป็นสาเหตุนำไปสู่การปฏิบัติในสิ่งที่ต้องห้าม และสิ่งที่คนยากจนขัดสนควรจะได้รับก็ไม่ได้รับ
เราลองมาศึกษาเรื่องราวของชาวสวน 3 คน ในซูเราะฮฺ อัล กอลัม
“แท้จริง เราได้ทดสอบพวกเขา ดังเช่นที่เราได้ทดสอบบรรดาเจ้าของสวนเมื่อพวกเขาสาบานว่า จะเก็บเกี่ยวผลของมันในยามรุ่งและพวกเขามิได้กล่าว “อินชาอัลลอฮฺ”
ดังนั้น การลงโทษจากพระเจ้าของพวกเจ้าก็ได้มาทำลายสวนนั้น ขณะที่พวกเขากำลังหลับนอนอยู่ ครั้งในตอนเช้ามันก็กลายเป็นถูกตัดอย่างราบเรียบ
ดังนั้น พวกเขา จึงตะโกนให้ตื่นแต่เช้าตรู่ จงเข้าไปในสวนของพวกท่านในตอนเช้าตรู่เถิด หากพวกท่านต้องการจะเก็บผลไม้แล้วพวกเขาก็พากันออกไป แล้วพวกเขาก็พูดกระซิบกันอย่างเบาๆ ว่า วันนี้อย่าได้ให้คนยากจนขัดสนสักคนหนึ่ง เข้าไปหาพวกท่านยังสวนนั้น
และพวกเขาก็ได้ออกไปแต่เช้า ตั้งใจว่าจะเก็บผลไม้ให้หมดก่อนที่คนยากจนจะเข้าไปในสวน ครั้งเมื่อพวกเขาเห็นสวนอยู่ในสภาพที่ถูกทำลาย พวกเขาก็กล่าวขึ้นว่า แท้จริงพวกเราหลงทางเสียแล้ว บางคนในหมู่พวกเขากล่าวว่า เปล่าหรอก พวกเราถูกหวงห้ามสิทธิ์เสียแล้ว
คนมีสติปัญญาคนหนึ่งในหมู่พวกเขากล่าวว่า ฉันมิได้บอกพวกท่านหรือว่า ทำไมพวกท่านจึงไม่กล่าวสรรเสริญต่ออัลลอฮฺ พวกเขากล่าวว่า มหาบริสุทธิ์แห่งพระเจ้าของเรา แท้จริง เรานั้นเป็นผู้อธรรม
แล้วบางคนในหมู่พวกเขาก็หันไปต่อว่าซึ่งกันและกัน พวกเขากล่าวว่าความหายนะประสบแก่เราแล้ว เพราะเราเป็นผู้ละเมิดฝ่าฝืน บางทีพระเจ้าของเราจะทรงเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ดีให้แก่เรา
แท้จริง เราหวังในความให้อภัยต่อพระเจ้าของเรา เช่นนั้นแหละคือการลงโทษในวันปรโลกนั้นยิ่งใหญ่นัก หากพวกเขาล่วงรู้”
เรื่องราวของชาวสวนที่อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ยกมาเป็นอุทาหรณ์หรือข้อเตือนสติแก่ผู้ที่เนรคุณต่อความโปรดปรานและเนี๊ยะอฺมะฮฺที่พระองค์ประทานมาให้นั้น ได้มีนักตัฟซีรได้อธิบายว่า
ชายคนหนึ่งได้พำนักอยู่ในประเทศเยเมน ในเมืองศ็อนอาอฺ มีสวนอยู่แปลงหนึ่งที่เต็มไปด้วยอินทผลัม พืชพันธุ์และผลไม้นานาชนิด เมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยว เขาก็จะเรียกคนยากจนขัดสนให้มารับส่วนแบ่งอย่างครบถ้วน ครั้นเมื่อเจ้าของสวนได้ตายไป ลูกชาย 3 คนได้รับมรดกจากบิดาของเขาและมีลูกหลานมากมาย แล้วเขาก็ปรึกษากันว่า “จงหวงห้ามส่วนแบ่งจากคนยากจน” ซึ่งไม่มีผู้ใดรู้ถึงแผนการของชายทั้งสามนอกจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ซึ่งอัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ตรัสไว้ในซูเราะฮฺ อัลมุญาดะละฮ อายะฮฺที่ 7 ว่า
“การกระซิบกระซาบกันในสามคนจะไม่เกิดขึ้นเว้นแต่พระองค์จะทรงเป็นที่สี่ของพวกเขา และมันจะไม่เกิดขึ้นในห้าคน เว้นแต่ พระองค์ทรงเป็นที่หกของพวกเขา
และมันจะไม่เกิดขึ้นน้อยกว่านั้น และไม่เกิดขึ้นมากกว่านั้น เว้นแต่พระองค์จะทรงอยู่ร่วมกับพวกเขาไม่ว่าพวกเขาจะอยู่หนใด
แล้วพระองค์ก็จะทรงแจ้งพวกเขาให้ทราบในวันกิยามะฮฺ ถึงสิ่งที่พวกเขาได้ปฏิบัติไว้ (ในดุนยานี้) แท้จริง อัลลอฮฺเป็นผู้รอบรู้ ทุกสิ่งทุกอย่าง”
จากอายะฮฺในซูเราะฮฺ อัล กอลัม ที่ได้นำมากล่าวนี้จะเห็นได้ว่าชายทั้งสามคนที่ไม่ซื่อตรงต่อตนเองและต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ผลสุดท้ายของมันก็คือความพินาศ อันเป็นการตอบแทนในโลกนี้อย่างสาสม สิ่งที่จะเป็นข้อเตือนสติแก่เราต่อไปก็คือ คนหนึ่งคนใดที่อัลลอฮฺประทานความโปรดปราน เนี๊ยะอฺมะฮฺให้แก่เขาด้วยทรัพย์สิน เงินทองก็ดี ลูกหลานก็ดี ตำแหน่งหน้าที่การงานหรือวิชาความรู้ที่อัลลอฮฺทรงให้ก็ดีสิ่งต่างๆ เหล่านี้ คือ การทดสอบที่พระองค์ทรงทดสอบถึงการอีมานของพวกเขาที่มีต่อพระองค์
หาเช่นนั้นไม่แล้ว หากเขาหลงทาง อวดอ้างหรือหวงแหน จับจ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย หรือวิชาความรู้ที่นำผู้อื่นหลงทางคิดว่าสิ่งที่เขามีอยู่หรือครอบครองอยู่นั้นเป็นสิ่งที่ตนเองหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเขา เก็บทะนุถอนไว้ให้ลูกหลานต่อไปในภายภาคหน้า ความคิดหรือการกระทำเช่นนี้ จะทำให้เขาได้รับจุดจบหรือผลตอบแทนเหมือนชาย 3 คน ที่ได้กล่าวมาแล้ว
มีรายงานจากอับดุลลอฮฺ อิบนิ อับบ๊าส ได้กล่าวว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
“ความโปรดปรานที่มนุษย์ยังคงทรยศ คือ ความสุขสมบูรณ์ และความว่างเปล่า”
ความโปรดปรานหรือเนี๊ยะอฺมะฮฺนี้ หมายถึง สภาพความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์อันแสดงถึงความเมตตาของพระองค์อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ที่ได้ทรงให้แก่มวลมนุษย์ทั้งหลาย กล่าวคือ เมื่อท่านเป็นคนยากจน พระองค์ก็จะประทานริสกีให้ เมื่อท่านเป็นผู้ที่ไม่มีความรู้ พระองค์ก็ได้ให้ความรู้แก่ท่านเพื่อยกฐานะและตำแหน่งของท่านให้สูงขึ้น เพื่อเป็นทางนำในการดำเนินชีวิต เมื่อท่านประสบปัญหาหรืออุปสรรคใดๆ พระองค์ก็จะทรงช่วยเหลือท่าน แต่มนุษย์ส่วนมาก มักละเลยหน้าที่ของผู้มีพระคุณที่ทรงให้ทุกสิ่งทุกอย่างแก่เขา ไม่ตอบรับความโปรดปรานที่พระองค์ทรงให้แก่เขา พวกเขากลับผินหลังให้กับบทบัญญัติของพระองค์ อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้กล่าวถึงผู้ที่เนรคุณไว้ว่า
“ดังนั้น ด้วยความโปรดปราน (เนี๊ยะอฺมะฮฺ) ของอัลลอฮฺ พวกเขาดื้อดึงกระนั้นหรือ?”
และอีกอายะฮฺหนึ่ง อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ตรัสว่า
“และเมื่อเรา ได้ประทานความโปรดปรานแก่มนุษย์ เขาก็ผินหลังให้และเลี่ยงออกห่าง”
อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้กล่าวชมเชย นบีอิบรอฮีม อะลัยฮิสลาม ในอายะฮฺ ที่ว่า
“แท้จริง อิบรอฮีม เป็นประชาชาติที่เคารพภักดีต่ออัลลอฮฺ เป็นผู้ที่เที่ยงธรรม และไม่ปรากฏว่าเขาเป็นผู้หนึ่งในหมู่ผู้ตั้งภาคี เป็นผู้ที่ขอบคุณต่อความโปรดปรานของพระองค์”
ในอายะฮฺที่กล่าวมา อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้กล่าวชมเชยต่อ นบีอิบรอฮีม อะลัยฮิสลาม ว่าเป็นบ่าวที่ขอบคุณและจงรักภักดีต่อพระองค์
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้กล่าวประณามผู้ที่เปลี่ยนแปลงความโปรดปรานของพระองค์ไว้ว่า
“และผู้ใดเปลี่ยนแปลงความโปรดปรานของพระองค์ หลังจากที่มันได้มายังเขาแล้ว แท้จริงอัลลอฮฺ เป็นผู้ที่เข้มแข็งในการลงโทษ”
จากความหมายของอายะฮฺที่อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้กล่าวไว้ ก็พอสรุปได้ว่า“และส่วนน้อยจากผู้เป็นบ่าวของฉันที่จะขอบคุณ”
ความจริงแล้วมนุษย์ส่วนมากเนรคุณต่อเนี๊ยะอฺมะฮฺของพระองค์ที่ได้ทรงประทานแก่เขามีร่างกายที่สมบูรณ์แทนที่จะใช้มันให้เป็นประโยชน์ไปในหนทางที่ดี นึกถึงความโปรดปรานของอัลลอฮฺ แต่ตรงกันข้ามเมื่อเราเกิดเจ็บป่วยหรือชราภาพ ยิ่งจะนึกถึงความเมตตาของพระองค์ ชีวิตของมนุษย์ส่วนมากจะหลงระเริงอยู่กับสิ่งที่เพลิดเพลิน ไม่ว่าจะเป็นเสียงเพลง เสียงดนตรี ละคร และการละเล่นอื่นๆ ที่ขัดต่อบทบัญญัติของอัล-อิสลาม ตกอยู่ในอำนาจของจิตใจ ปล่อยให้ความหวังและความอยากเข้ามาแทนที่ จะกินจะดื่มโดยไม่เลือกว่า สิ่งไหนเป็นสิ่งฮะรอม สิ่งไหนฮะล้าล
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย ความสมบูรณ์พูลสุขเป็นสิ่งที่อยู่กับเราชั่วครู่ชั่วยาม ไม่ยั่งยืนเหมือนปรโลก ความเจ็บป่วยทำให้เราสูญสิ้นพลังที่จะปฏิบัติอิบาดะฮฺต่อพระองค์อย่างสมบูรณ์ ดังนั้น จะเห็นได้ว่าคนที่ไม่เอาไหนเท่านั้นที่ไม่ฉวยโอกาส ในขณะที่ยังมีร่างกายที่สมบูรณ์ ด้วยการทำคุณประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมบ้าง ตักตวงคุณงามความดีให้แก่ตัวเองบ้าง เวลาที่ล่วงเลยไปโดยไม่มีแก่นสาร
เราต้องถามตัวเราเองว่า เราเคยเข้าร่วมงานส่วนรวมบ้างไหม เคยขับเคลื่อนให้สังคมเป็นสังคมที่ดีหรือไม่ หรือรอให้สังคมดีแล้วเราจึงจะเข้าไปมี ส่วนร่วม หรือจุดมุ่งหมายของเราเพื่อครอบครัว หรือปากท้องของเราโดยเฉพาะ ตั้งหน้าตั้งตากอบโกย อย่างเดียว มิได้มองดูญาติพี่น้องของเขาหรือสังคม ว่าจะเป็นเช่นไร พึงรู้เถิดว่า การมีชีวิตอยู่ของคนประเภทนี้เปรียบเสมือนตัวหุ่นที่เคลื่อนที่ได้ ฉะนั้น หลุมฝังศพจึงเป็นที่พักพิงของเขาดียิ่งเสียกว่าการมีชีวิตโดยปราศจากคุณค่าใดๆ
ที่มา : อนุสรณ์งานประจำปี โรงเรียนมุสลิมวิทยาคาร ปี 2552