น้ำตาที่ประเสริฐ
โดย...ลูกเหรียง
มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิของอัลลอฮ์ผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก และขอความสันติจงมีแด่ท่านนบีมูฮัมหมัด บรรดาเครือญาติ บรรดาซอฮาบะฮ์ และตลอดจนผู้ปฏิบัติตามแนวทางของท่าน
ขอความสันติสุข ความเมตตา และความจำเริญ จงประสบแด่บรรดาหนุ่มสาวทุกคน
ในวันนี้ขอนำเสนอประวัติศาสตร์และตัวอย่างเรื่องราวจากบรรพชนของอิสลาม เริ่มต้นจากน้ำตาที่มาจากการร้องไห้ของดวงตาทั้งสอง
น้ำตามักมีความหมายในตัวเอง และถึงแม้ว่าน้ำตาเป็นเพียงแค่สายน้ำสายเล็กๆ แต่น้ำตาก็สามารถสื่อได้ลึกซึ้งถึงสัมผัสอันละเอียดอ่อนและสัมผัสอันหยาบกร้านที่บ่งบอกถึงความโกรธอย่างบ้าคลั่ง
โดยปกติแล้วสาเหตุที่ทำให้น้ำตาของมนุษย์คนใดคนหนึ่งไหลออกมานั้นมีอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นความปลื้มปิติยินดี ความเสียใจ ความเจ็บปวด แต่ก็ยังมีบางครั้งที่ใครหลายๆคนแสร้งปล่อยน้ำตาออกมา เพื่อเหตุผลอะไรบางอย่าง ดังเช่นตัวอย่างที่เราอาจจะพบเห็นได้ในจอทีวีที่ทำให้ใครหลายๆคนต้องหลั่งน้ำตาออกมา ด้วยเหตุผลเพียงเพราะคล้อยตามไปกับการสวมบทบาทของเหล่าบรรดาดารา นักแสดง ทั้งที่นักแสดงเหล่านั้นแสร้งร้องไห้ออกมาก็เพียงเพื่อ “เงิน” และที่มากไปกว่านั้นก็คือ การที่ใครหลายๆคนร้องไห้เพราะบทบาทของนักแสดงในจอ !
ดังนั้นหนุ่มสาวที่กำลังเสียน้ำตาให้กับ หนัง ละคร หรือซีรี่ส์เกาหลีทั้งหลาย ! พึงรู้เถิดว่า “นั่นคือน้ำตาของความขาดทุน” แล้วการร้องไห้ชนิดใดเล่าที่มีคุณค่าและประเสริฐที่สุด? ลองมาดูกันว่า บรรพชนของเราที่ใช้ชีวิตอยู่ในช่วงสามศตวรรษแรกแห่งฮิจเราะห์ ...กลุ่มชนที่ท่านนบี ได้กล่าวไว้ว่าเป็นกลุ่มชนที่ดีที่สุด เขาเป็นกันเช่นไร...
ตามประวัติศาสตร์ระบุว่า ท่านคอลีฟะฮ์อุมัร บินอับดุลอาซีซ (หลานของท่านอุมัร บินคอตตอบ) มักจะเชิญบรรดานักปราชญ์มานั่งประชุม พบปะ และให้พวกเขาพูดถึงในเรื่องของ ความตาย วันกียามะห์ และเรื่องโลกอาคีเราะห์ในทุกๆค่ำคืน จนกระทั่งบางคืนพวกเขาได้พากันร้องไห้ประหนึ่งว่ามีศพวางอยู่เบื้องหน้า ชีวิตที่ผ่านมาของท่านตั้งแต่วัยเยาว์ได้รับการสอนให้มีความสัมถะ และใคร่ครวญถึงความตายอยู่เสมอ ในขณะที่เด็กคนอื่นๆ กำลังสนุกสนานอยู่กับการละเล่น ตามประสา
มีครั้งหนึ่งในวัยเยาว์ ท่านคอลีฟะฮ์อุมัร บินอับดุลอาซีซ ได้ร้องไห้จนต้องมีผู้นำท่านไปส่งให้มารดาของท่าน
มารดาของท่านถามว่า “ร้องไห้ทำไมหรือ?”
ท่านตอบว่า “ฉันรำลึกถึงความตายครับแม่”
เมื่อมารดาของท่านทราบเช่นนั้น นางจึงร้องไห้ออกมาด้วยความตื้นตันใจ
และมากไปกว่านั้นในประวัติศาสตร์ยังระบุว่าท่านเป็นเด็กคนหนึ่งที่จดจำอัลกุรอานได้ทั้งเล่มตั้งแต่วัยเยาว์...มาชาอัลลอฮ์ !
อีกท่านหนึ่งคือท่านฟะฎอละฮ์ บินศัยฟีย์ ท่านเป็นอีกคนหนึ่งที่มักจะร้องไห้เกือบตลอดเวลา ครั้งหนึ่งได้มีชายผู้หนึ่งเข้าไปพบท่านในขณะที่ท่านกำลังร้องไห้อยู่
ชายผู้นั้นจึงได้ถามภรรยาของท่านว่า “เกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือ?”
นางจึงตอบว่า “ท่านฟะฎอละฮ์มักกล่าวอยู่เสมอว่าท่านจะเดินทางไกล(สู่อาคีเราะฮ์)ได้อย่างไร ในขณะที่ท่านไม่มีเสบียงที่เพียงพอ?”
เมื่อครั้งที่ท่านอบูฮูรอยเราะฮ์กำลังจะเสียชีวิต ท่านก็ร้องไห้ จนกระทั่งได้มีคนถามว่า “ท่านร้องไห้ทำไมหรือ?
ท่านจึงตอบว่า “หนทางที่ยังยาวไกลแต่ในขณะที่เสบียงของฉันมีอยู่เพียงน้อยนิด อีกทั้งความเชื่อมั่นก็ยังอ่อนแอ...”
ครั้งหนึ่งท่านคอลีฟะฮ์สุไลมาน บินอับดุลมาลิก ได้ส่งคนไปตามตัวท่านอบีฮาชิม เมื่อท่านมาพบ
ท่านสุไลมาน ก็ถามว่า “โอ้อบูฮาชิม ทำไมคนเราต่างก็รังเกียรติความตายกันเล่า?”
อบูฮาชิม ตอบว่า “ก็คงเพราะว่า พวกเราสร้างกันแต่ดุนยา แต่กลับปล่อยให้อาคีเราะฮ์พังพินาศไปนะสิ”
ท่านสุไลมาน จึงกล่าวต่อ “ท่านกล่าวถูกต้องแล้ว ดังนั้น เราจะเดินทางไปหาอัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้อย่างไรเล่า?”
อบูฮาชิม ตอบว่า “สำหรับคนดี เขาย่อมเหมือนดั่งผู้พลัดถิ่นที่ได้กลับไปหาครอบครัวของตน แต่สำหรับคนชั่วนั้นเสมือนดั่งทาสที่หนีเจ้านาย เพื่อถูกจับตัวส่งคืน”
เมื่อท่านสุไลมานได้ยินเช่นนั้นก็ร้องไห้ และกล่าวออกมาว่า “ซุบฮานัลลอฮ์ ตัวฉันจะทราบได้อย่างไรกันเล่า?”
อบูฮาชิม ตอบด้วยกับคำดำรัสของอัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ที่ว่า
"แท้จริงบรรดาผู้ทรงคุณธรรมนั้นจะอยู่ในความโปรดปราน และแท้จริงบรรดาคนชั่วจะอยู่ในนรก ที่ลุกโชน"
(อัลอิมฟิฏอร: 13-14)
ท่านสุไลมาน จึงตอบกลับไปว่า “แล้วไหนเล่าความเมตตาของอัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา? โอ้อบูฮาชิม...”
อบูฮาชิม จึงได้ตอบกลับไปด้วยกับอายะห์ที่ว่า
"แท้จริงความเมตตาของอัลลอฮ์ นั้น ใกล้กับผู้กระทำดีทั้งหลาย"
(อัลอะรอฟ : 56)
เรื่องราวเหล่านี้เป็นเพียงแค่บางส่วนจากการร้องไห้ของเหล่าบรรดาบรรพชนของเรา ซึ่งนับเป็นการร้องไห้ที่มีคุณค่าและประเสริฐยิ่ง ดังความหมายของฮาดิษที่ว่า ท่านนบีมูฮัมหมัด ได้กล่าวว่า
“ไฟนรกนั้นจะไม่แตะต้อง สองดวงตาที่ร้องไห้ด้วยความยำเกรงต่ออัลลอฮ์”
และอีกฮาดิษหนึ่งที่ว่า
“บุคคลเจ็ดจำพวกที่จะได้อยู่ใต้ร่มเงาของอัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตาอาลา ในวันกียามะฮ์ วันซึ่งไม่มีร่มเงาใดๆนอกจากร่มเงาของพระองค์ และหนึ่งในนั้นก็คือ คนที่ร้องไห้ด้วยความบริสุทธิ์ใจเนื่องจากความยำเกรงต่ออัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา”
♥ โอ้หนุ่มสาว ทั้งหลาย “พวกท่านเคยร้องไห้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะอกหัก แฟนทิ้ง หรือ ซึ้งจนน้ำตาไหลเพราะละคร หรือ ซีรี่ส์เกาหลี แล้วพวกท่านเคยมีสักครั้งไหมที่ร้องไห้ออกมาเพราะการเกรงกลัวต่ออัลลอฮ์ ?”
♥ โอ้หนุ่มสาว ทั้งหลาย “ท่านอุมัร บินอับดุลอาซีซ ร้องไห้เพราะกลัวการเดินทางกลับไปสู่อัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตั้งแต่ยังเด็ก แล้วท่านอายุเท่าไหร่กันแล้ว เคยมีสักครั้งไหมที่ร้องไห้ออกมาเพราะความยำเกรงต่ออัลลอฮ์ ?”
♥ โอ้หน่มสาว ทั้งหลาย“ท่านอบูฮูรอยเราะฮ์ ร้องไห้เพราะกลัวเสบียงที่จะนำพาตัวท่านไปหาอัลลอฮ์นั้นจะมีอยู่น้อยนิด แล้วพวกท่านละ มีเสบียงมากน้อยซักเพียงใด เมื่อเทียบกับท่านอบูฮูรอยเราะฮ์?”
♥ โอ้หนุ่มสาว ทั้งหลาย “พวกท่านสร้างแต่ดุนยา แต่กลับปล่อยให้อาคีเราะฮ์ ต้องพังพินาศไปแล้วหรือ???”
♥ โอ้หนุ่มสาว ทั้งหลาย “หากอัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เอาชีวิตพวกท่านกลับไปตอนนี้ พวกท่านคิดว่าท่าน จะมีความรู้สึกเหมือนกับคนพลัดถิ่นที่ได้กลับไปสู่ครอบครัว หรือจะรู้สึกเหมือนทาสที่หลบหนีเจ้านาย แล้วถูกจับตัวส่งคืน???”
♥ โอ้หนุ่มสาว ทั้งหลาย “จงสอบสวนตัวของพวกท่าน ก่อนที่พวกท่านจะถูกสอบสวนเถิด”
โอ้พระผู้อภิบาลของเรา ขอพระองค์ทรงโปรดประทานความดีงามในโลกนี้และในโลกหน้าให้แก่เรา และทรงปกป้องเราให้พ้นจากการลงโทษของพระองค์จากไฟนรกด้วยเถิด อามีน...