แรงบันดาลใจ
โดย : อ. ญะม้าล ไกรชิด
แรงบันดาลใจ คือ แรงจูงใจอย่างหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้มนุษย์ทุ่มเทปฏิบัติหน้าที่การงานและทำสิ่งเหล่านั้นออกมาอย่างดีที่สุด
แต่ในปัจจุบัน หากเราสอบถามหนุ่มสาวในยุคนี้ว่า คุณมีเป้าหมายอะไร หลังจากสำเร็จการศึกษาจากรั้วมหาวิทยาลัย ? เราอาจต้องประหลาดใจกับคำตอบที่ได้ยิน คือ “ไม่รู้” หรือ “ไม่ทราบ” ทั้งๆ ที่พวกเขาได้ใช้เวลาศึกษาเล่าเรียนมาเป็นระยะเวลานานหลายปี หมดค่าใช้จ่ายไปจำนวนมาก แลกมาด้วยหยาดเหงื่อและความเจ็บปวดของบิดามารดา พวกเขากลับตอบว่าไม่รู้กระนั้นหรือ? มันเป็นการสูญเสียทรัพยากรไปโดยเปล่าประโยชน์ ไร้จุดหมาย เหมือนกับจรวดที่พุ่งออกไปโดยไร้การบังคับ และเป็นความหายนะ อย่างใหญ่หลวง
หลังจากการสอบผ่านและสำเร็จการศึกษา ทำไมคนหนุ่มสาวถึงมองไม่เห็นคุณค่าของการทุ่มเทที่เสียไป ? เพราะพวกเขาขาดความฝัน ขาดแรงบันดาลใจ ไม่มีแรงบันดาลใจที่เป็นนักวิชาการ นักประดิษฐ์ นักพัฒนา ครู อาจารย์หรือนักวิจัย ไม่มีแรงบันดาลใจที่จะเป็นนักคิดค้นนวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ หรือ ผู้มีพรสวรรค์ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง และไม่มีแรงบันดาลใจที่จะปฏิบัติหน้าที่การงาน เสียสละและทุ่มเท
เพราะอะไร ? เพราะเห็นว่าเหล่าดารานักแสดง เป็นคนเด่นคนดังและเป็นที่คาดหวังของสังคม หรือเพราะเห็นว่าฝีเท้าของบรรดานักกีฬามีค่าและศักดิ์ศรีต่อผู้คนมากกว่าสติปัญญาของบรรดานักวิชาการและนักประดิษฐ์กระนั้นหรือ?
แท้จริง ทุกวันนี้ ผู้ปกครองต่างก็หวังและวาดฝันให้บุตรหลานของตนเป็นดาราหรือเป็นนักกีฬาอาชีพ ไม่ใช่ให้เป็นนักวิชาการ ครูอาจารย์หรือนักประดิษฐ์
น่าเสียดายที่วัยรุ่นยุคนี้ไม่สามารถจำแนกได้ระหว่างนักทดลองและคนเกียจคร้านเอาแต่สบาย เหมือนกับพวกเขาต่างคิดว่าทำไมจะต้องเหนื่อย? ทำไมต้องพยายาม? พวกเขารู้สึกเบื่อหน่าย ไร้จุดหมายและไม่สนใจสังคม ถ้าแค่นั้นก็คงดี แต่ว่ามันไม่ใช่แค่นั้น พวกเขากลับต่อต้านสังคมด้วยการโกรธเกลียดเคียดแค้นผู้คนในสังคมอีกด้วย มิใช่เหตุผลอะไรเลย เพียงเพราะพวกเขาไม่ได้เป็นนักกีฬา นักแสดงหรือนักร้องตามที่ฝันเอาไว้ จนบางคนก็หันเหชีวิตไปพัวพันกับยาเสพติด สิ่งผิดกฎหมายและสิ่งต้องห้ามต่างๆ จนเข้าสู่วังวนแห่งการหลงผิดจนยากที่จะถอนตัว พวกเขาเห็นว่าการได้อยู่ในแสงไฟ เป็นคนโด่งดัง มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักสำคัญกว่าการนำพาสังคมให้เจริญก้าวหน้าและสร้างความสันติสุขแก่สมาชิกในสังคม
หากบรรดาวัยรุ่นจะพิจารณาศาสนาอันเที่ยงธรรมของเราสักนิด ความมืดมน สิ้นหวังก็จะหมดไป แล้วเราจะพบกับความหวังอันสดใส เรืองรองอยู่เบื้องหน้า ทำไมล่ะ? เพราะศาสนาอันบริสุทธิ์ของเราได้จำแนกสมาชิกในสังคมทุกคนตามสิ่งที่เขาได้ทำเอาไว้
อัลลอฮ์ ตะอาลา ตรัสว่า
“ดังนั้น ผู้ใดที่ทำคุณงามความดีไว้เพียงแค่ผงธุลีเดียว เขาก็จะได้เห็นมัน
และผู้ใดที่ทำชั่วไว้เพียงแค่ผงธุลีเดียว เขาก็จะได้เห็นมัน”
(อัซซัลซะละฮฺ 99 : 7-8)
“แล้วเราจะทำให้บรรดามุสลิมนั้นเหมือนกับบรรดาผู้ก่ออาชญากรรมกระนั้นหรือ แล้วพวกเจ้าจะตัดสินว่าอย่างไรกัน?”
(อัลกอลัม 68 : 35-36)
พี่น้องเยาวชนทั้งหลาย หากท่านเคร่งครัดและจริงจัง ท่านจะพบกับความสำเร็จ ความมั่นคงในชีวิต ท่านจะสามารถพิสูจน์ตัวตนของท่านให้สังคมได้ยอมรับ จงผินหน้าขึ้นไปบนฟ้า แน่นอน ผู้ที่อยู่บนนั้นทรงมองเห็นเราก็จะรักเรา
เมื่อท่านอับดุลลอฮฺ อิบนุ มัสอู๊ด เห็นท่านอัรร่อเบี๊ยะอฺ อิบนุ คุซัยมฺ เป็นผู้ที่มีมารยาทดี พูดจาอ่อนหวาน ไพเราะ และเป็นมิตรกับผู้คน ซึ่งมีมารยาทเหมือนกับท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ท่านจึงกล่าวกับเขาว่า
“โอ้ อัรร่อเบียะอฺ ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ว่า หากท่านร่อซูลได้เห็นเจ้า แน่นอนท่านร่อซูลจะรักเจ้า ท่านจะขยับที่นั่งให้เจ้านั่งข้างๆ ท่านเป็นแน่ เมื่อฉันเห็นเจ้าก็ทำให้ฉันนึกถึงบรรดาผู้นอบน้อมถ่อมตน”
นี่คือ การให้กำลังใจ การสร้างแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่จากผู้เป็นซอฮาบะฮฺอาวุโส ต่อเยาวชนยุคตาบิอีน ที่ไม่ได้พบกับท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม คำพูดเหล่านี้ได้สร้างบุคลิกภาพและตัวตนของท่านอัรร่อเบียะอฺ อิบนุ คุซัยมฺ ถือเป็นคำพูดที่สร้างอนาคตให้เขาเลยทีเดียว
ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ให้ความสำคัญกับการสร้างกำลังใจและแรงบันดาลใจให้แก่บรรดาซอฮาบะฮฺของท่าน เมื่อท่านต้องการกระตุ้นให้บรรดาซอฮาบะฮฺเผยแพร่ศาสนาและท่องจำวิชาความรู้ ท่านก็จะกล่าวขอพรแก่พวกเขาว่า
“ขออัลลอฮฺ โปรดทรงให้ผู้ที่ได้ยินสิ่งใดจากฉันแล้วนำไปบอกต่อ เผยแผ่เช่นที่เขาได้ยินมาได้มีใบหน้าที่สดใส เพราะบางทีผู้บอกต่อจะจดจำคำพูดนั้นมากกว่าผู้ได้ยินเสียอีก”
(บันทึกโดย อิมามอัตติรมิซีย์)
นี่คือกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ คือ คำอวยพรจากท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม แก่ผู้ที่รับฟังวิชาความรู้ แล้วนำไปเผยแผ่ และบอกต่อ ให้พวกเขามีใบหน้าอิ่มเอิบและสดใส
ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า “ชายที่ดีที่สุด คือ อับดุลลอฮฺ หากเขาลุกขึ้นละหมาดในเวลากลางคืน”
(บันทึกโดย อิมามอัลบุคอรีย์ และมุสลิม)
เราลองสมมติว่า เราไม่ได้ลุกขึ้นละหมาดในเวลากลางคืน แล้วเราได้ยินมีคนเล่าว่า ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม พูดถึงเราว่า เราจะเป็นคนที่ดีที่สุด หากว่าเราลุกทำละหมาดในเวลากลางคืน เราจะทำยังไง ? แน่นอน ท่านอับดุลลอฮฺ อิบนุ อุมัร ผู้ซึ่งท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เอ่ยถึงในฮะดิษเบื้องต้นจึงไม่เคยละทิ้งการละหมาดในเวลากลางคืนอีกเลย
และอีกเหตุการณ์หนึ่ง ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
“บ่าวที่ดีที่สุดของอัลลอฮฺ คือ คอลิด อิบนุล วะลีด ผู้เป็นเสมือนคมดาบของอัลลอฮฺ”
(บันทึกโดย อิมามอัตติรมิซีย์)
(ฉายาของท่านที่เป็นที่รู้จักต่อมาคือ ดาบของอัลลอฮฺที่ถูกชักออกจากฝัก)หากเราเป็นท่านคอลิด เราจะทำอย่างไร? เราจะวางดาบแล้วไม่ต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮ์ ดอกหรือ?
เราจะทำเช่นไร หากท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม พูดกับเราว่า
“โอ้ ชะอฺด จงยิงธนูออกไปเถิด ฉันขอตอบแทนท่านด้วยบิดาและมารดาของฉัน” (ฉันขอตอบแทนหรือไถ่ตัวท่านด้วยบิดามารดาของฉัน เป็นสำนวนในอาหรับ แสดงถึงความพึงพอใจในบุคคลนั้นๆ)
(บันทึกโดย อิมามอัลบุคอรีย์ และมุสลิม)
ท่านชะอฺด อิบนิ อบีวักก๊อซ เป็นนักยิงธนูที่แม่นยำและเก่งกาจมาก
พี่น้องที่รัก ท่านเห็นหรือยังว่า แรงบันดาลใจและกำลังใจนั้นมีค่ามากมายขนาดไหนในการสร้างอนาคต แต่ผู้ที่ยังหลงผิดในสังคมเราที่ต้องหลงทางก็เพราะต่างผินหลังให้คำสอน การอบรมและจุดมุ่งหมายต่างๆ ของศาสนานั่นเอง
เพราะเหตุนี้ เราจึงขอกล่าวแก่เยาวชนคนหนุ่มสาวว่า จงพิจารณาให้ถี่ถ้วนและลึกซึ้งถึงชนก่อนหน้าเรา 14 ศตวรรษ เป็นยุคสมัยที่ยอดเยี่ยม ยุคสะลัฟอัซซอและห์ จนถึงยุคของท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ผู้เป็นที่รักของพวกเรา เราจงมั่นคง ยืนหยัดและมีจุดยืนตามแนวทางของพวกท่านเหล่านั้นเถิด
“ชนเหล่านี้ คือ ผู้ที่อัลลอฮ์ได้ทรงแนะนำไว้ ดังนั้น ด้วยคำแนะนำของพวกเขา เจ้าจงเจริญรอยตามเถิด”
(อัลอันอาม 6 : 90)
วารสาร สายสัมพันธ์