การชะฟาอะฮ์ในวันกิยามะฮ์
คอเฏ็บ อับดุลสลาม เพชรทองคำ
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงสั่งใช้เราให้มีความยำเกรงต่อพระองค์ เพราะความยำเกรงต่อพระองค์นั้น หากมีอยู่ในหัวใจของเราแล้ว มันก็จะเป็นเสมือนกำแพงที่ขวางกั้นเรา ไม่ให้ทำสิ่งที่เป็นชิริก สิ่งที่เป็นบิดอะฮฺ สิ่งที่เป็นมะอฺศิยะฮฺ สิ่งที่เป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และมันก็จะเป็นแรงผลักดันเราให้ปฏิบัติในสิ่งที่เป็นอิบาดะฮฺ สิ่งที่เป็นอะมัลศอและฮฺต่างๆ ซึ่งผลของการที่เรามีความยำเกรงต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาก็คือ การที่เราได้ปกป้องตัวของเราเองให้รอดพ้นจากการถูกทรมานในกุบูร และปกป้องเราจากการถูกลงโทษในไฟนรกในวันกิยามะฮฺ สำหรับในโลกดุนยานี้ เราก็จะได้รับชีวิตที่ดีงาม และในโลกอาคิเราะฮฺเราก็จะได้รับรางวัลตอบแทนด้วยสวนสวรรค์และสิ่งพิเศษมากมายที่อยู่ภายในสวนสวรรค์นั้น
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย คุฏบะฮฺในวันนี้ยังคงอยู่ในเรื่องราวความเป็นไปในโลกอาคิเราะฮฺ ...โลกหลังจากความตายของเรา ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกๆคนจะต้องประสบอย่างแน่นอน ไม่ว่าเขาจะเป็นใครมาจากไหนก็ตาม จะยากดีมีจน จะนับถือศาสนาอะไรก็ตาม จะเป็นคนเชื้อชาติใดก็ตาม ทุกคนต้องผ่านทุกเรื่องราวของโลกอาคิเราะฮฺอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เลย และผลลัพธ์สุดท้ายของโลกอาคิเราะฮฺก็คือ ที่อยู่ในสวรรค์ตลอดกาล หรือจะเป็นที่อยู่ในนรกตลอดกาล อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น ทั้งนี้ ตามหลักฐานที่ปรากฏอยู่ในอัลกุรอานและอัลหะดีษในระดับมุตะวาติร
เมื่อชีวิตของเราครบอะญัลของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เราจะผ่านกระบวนการต่างๆ เริ่มตั้งแต่กระบวนการของการเก็บวิญญาณ ..กระบวนการของการถูกสอบสวนในกุบูร ..ผ่านกระบวนการของการถูกลงโทษในกุบูรจากความผิดต่างๆ หรืออาจจะเป็นความผาสุกจากการละทิ้งบทบัญญัติห้าม และปฏิบัติตามคำสั่งใช้ หรือการปฏิบัติอะมัลศอลิหฺต่างๆของเรา และเราจะอยู่ในกุบูรจนถึงวันกิยามะฮฺ วันฟื้นคืนชีพขึ้นมา ผ่านสภาพการณ์ต่างๆจากการรอการสอบสวนของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ...
ระยะเวลารอคอยอันยาวนานมาก พร้อมด้วยสภาพของความทุกข์ทรมาน ความหวาดกลัว วิตกกังวล ทำให้ผู้คนก็อยากจะออกไปให้พ้นจากสภาพการณ์ที่สาหัสสากรรจ์นี้ แม้ว่าจะต้องไปนรกก็ตาม ผู้คนก็เริ่มสุดทนต่อสภาพการณ์นี้ จนต้องมีการไปร้องขอต่อบรรดานบี ให้ไปขอต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เพื่อให้พระองค์ทรงเริ่มกระบวนการของการสอบสวนเสียที แต่ไม่มีนบีท่านใดมีสิทธิในเรื่องนี้ นอกจากท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมเท่านั้น
ดังนั้น เหตุการณ์แรกที่จะเกิดขึ้นในกระบวนการของการสอบสวนในวันกิยามะฮฺก็คือ “اَلشَّفَاعَةُ العُظْمٰى การชะฟาอะฮฺที่ยิ่งใหญ่ที่สุด” เป็นการชะฟาอะฮฺที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงให้สิทธิพิเศษแก่ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม คนเดียวเท่านั้น เป็นการชะฟาอะฮฺให้กับบ่าวของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทุกคน คือสิทธิที่จะร้องขอให้อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงเริ่มกระบวนการสอบสวน พิพากษาตัดสิน (ตามที่ได้พูดไปในคุฏบะฮฺครั้งที่แล้ว) ซึ่งเมื่อท่านนบีทำการชะฟาอะฮฺอันยิ่งใหญ่นี้ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาจึงได้ทรงเริ่มกระบวนการสอบสวนบ่าวของพระองค์ตามคำร้องขอของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
เรื่องของการชะฟาอะฮฺไม่ได้จบแค่นี้ หรือไม่ได้มีเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียว แต่ยังมีอีกหลายเรื่อง ซึ่งเรื่องของการชะฟาอะฮฺนี้เป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในวันกิยามะฮฺเท่านั้น ..บนโลกดุนยานี้ ในขณะนี้จะยังไม่มีการชะฟาอะฮฺใดๆเกิดขึ้นทั้งสิ้น ดังนั้น การที่มีคนบางคนไปขอชะฟาอะฮฺ ขอความช่วยเหลือจากคนตายในกุบูร ขอจากบรรดาเจว็ดต่างๆให้ช่วยเหลือเรื่องนั้นเรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง เป็นเรื่องที่ผิดต่อหลักอะกีดะฮฺที่ถูกต้อง และเป็นส่วนหนึ่งของการทำชิริก ซึ่งมีผลทำให้ตกมุรตัด
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย การชะฟาอะฮฺในวันกิยามะฮฺ ก็หมายถึง การที่ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม หรือบรรดานบี หรือบรรดามะลาอิกะฮฺ หรือกลุ่มบุคคลบางกลุ่ม ได้รับสิทธิให้ทำการขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาให้กับผู้อื่น เพื่อให้ผู้นั้นรอดพ้นจากการถูกลงโทษของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา หรือเป็นการลดหย่อนผ่อนโทษ หรือเป็นการขอให้เพิ่มขั้นในสวรรค์ให้แก่ผู้นั้น ซึ่งผู้ที่จะทำการชะฟาอะฮฺได้จะมีอยู่ 2 ประเภทก็คือ
1. การชะฟาอะฮฺเฉพาะของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมเท่านั้น เป็นการชะฟาอะฮฺที่ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้รับสิทธิจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาคนเดียวเท่านั้นที่สามารถจะทำได้ คนอื่นๆทำไม่ได้ การชะฟาอะฮฺเฉพาะของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม มีอะไรบ้าง
อย่างแรก ก็คือ اَلشَّفَاعَةُ العُظْمٰى การชะฟาอะฮฺอันยิ่งใหญ่แก่มนุษย์ทุกคน รวมถึงตัวเราด้วย คือการที่ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้ร้องขอให้อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงเริ่มกระบวนการสอบสวน ( ตามที่ได้พูดไปแล้ว )
อย่างที่สอง คือ การที่ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้รับสิทธิให้ทำการชะฟาอะฮฺให้กับประชาชาติของท่าน จำนวนเจ็ดหมื่นคน ได้เข้าสวรรค์ทางประตูขวาโดยไม่ต้องถูกสอบสวน ...ส่วนหนึ่งในจำนวนนี้ก็คือ เศาะฮาบะฮฺ 10 ท่านที่ท่านนบีได้เคยเอ่ยนามไว้แล้ว
อย่างที่สาม คือ การที่ท่านนบีได้ทำการชะฟาอะฮฺให้กับชาวอะอ์รอฟ ให้พวกเขาได้เข้าสวรรค์
ชาวอะอ์รอฟก็คือ คนที่เขาถูกสอบสวนแล้ว ปรากฎว่าเป็นคนที่มีความดีกับความชั่วเท่ากัน คนกลุ่มนี้จะถูกพักให้อยู่ที่กำแพงระหว่างนรกกับสวรรค์ เพราะไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดี อยากจะเข้าสวรรค์ก็เข้าไม่ได้ เพราะความชั่วที่เขาทำ มันฉุดรั้งเขาเอาไว้ แต่ครั้นจะตกนรก ก็ยังมีความดีคอยฉุดรั้งเขาเอาไว้ไม่ให้ตกนรก ....คนกลุ่มนี้แหละที่ท่านนบีจะขอชะฟาอะฮฺต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาให้พวกเขาได้เข้าสวรรค์
อย่างที่สี่ คือ ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมจะทำการชะฟาอะฮฺให้ชาวสวรรค์ได้เพิ่มระดับขั้นในสวรรค์ หมายถึงว่า ได้รับรางวัลตอบแทนที่ดีแล้ว ก็จะได้รับการชะฟาอะฮฺให้ได้รับการเพิ่มขั้นให้มากกว่าหรือเหนือกว่า ดียิ่งกว่าที่เขาจะได้รับ เป็นการเพิ่มขั้นในสวรรค์ให้กับพวกเขา
อย่างที่ห้า คือ การที่ท่านนบีได้ทำการชะฟาอะฮฺให้กับลุงของท่านคือ ท่านอบูฏอลิบ ซึ่งเป็นชาวนรก ให้ได้รับการบรรเทาโทษเป็นโทษที่เบาที่สุด
ท่านอบูฏอลิบเป็นผู้ที่รักท่านนบีอย่างที่สุด เลี้ยงดู แล้วก็คอยช่วยเหลือท่านนบีอยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งช่วยเหลือท่านนบีในการเผยแผ่อิสลาม แต่ตัวท่านไม่ยอมเข้ารับอิสลาม ไม่ยอมกล่าวกะลิมะฮฺชะฮาดะฮฺ เพราะยึดติดกับศาสนาของปู่ย่าตายาย ทำให้ท่านต้องกลายเป็นชาวนรก ท่านนบีช่วยเหลือได้เพียงแค่บรรเทาโทษให้ลุงของท่านได้รับโทษที่เบาที่สุดเท่านั้น ท่านพี่น้องทราบไหมครับว่า โทษที่เบาที่สุดของชาวนรกก็คือ ยืนอยู่บนถ่านไฟนรกแล้วสมองเดือด
อย่างที่หก คือ การที่ท่านนบีมุฮัมมัดได้ทำการชะฟาอะฮฺให้ผู้ศรัทธาทุกคนที่มีเตาฮีดอยู่ในหัวใจได้เข้าสวรรค์
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย เราจะต้องทำอย่างไร ? จึงจะได้เป็นผู้หนึ่งที่ได้รับการชะฟาอะฮฺจากท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ซึ่งในโลกดุนยานี้ เราอาจจะไม่เห็นถึงความสำคัญในเรื่องนี้ เพราะเราอาจจะมีชีวิตที่สุขสบายอยู่แล้ว จึงอาจไม่ได้นึกถึงความยากลำบากอะไร แต่ในวันกิยามะฮฺ เราทุกคนจะมีความต้องการการชะฟาอะฮฺเป็นอย่างมาก ซึ่งคนที่จะมีสิทธิได้รับการชะฟาอะฮฺของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมนั้น
อย่างแรกคือ จะต้องเป็นผู้ที่มีเตาฮีด มอบเตาฮีดแด่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาเพียงองค์เดียวเท่านั้น จะต้องเป็นเตาฮีดที่เกิดจากการยึดมั่นในหัวใจ พร้อมทั้งกล่าวด้วยคำพูดว่า ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ โดยที่ต้องไม่มีการชิริก หรือไม่มีการตั้งภาคีอยู่ในหัวใจ อยู่ในคำพูด อยู่ในการปฏิบัติของเขาเลย ซึ่งท่านนบีบอกว่า
؛ يُصَدِّقُ قَلْبُهُ لِسَانَهُ وَ لِسَانُهُ قَلْبَهُ หัวใจของเขาจะพิสูจน์ลิ้นของเขา และลิ้นของเขาจะพิสูจน์หัวใจของเขา
นี่ก็คือความสำคัญของการที่เรามอบเตาฮีดแด่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา
เพราะอย่างนี้ เราจึงได้พูดกันมากในเรื่องของชิริก ซึ่งเป็นเรื่องที่ตรงข้ามกับเตาฮีด พูดกันมากในเรื่องของบิดอะฮฺ ...ซึ่งเรื่องของบิดอะฮฺบางเรื่องเป็นชิริก ..บางเรื่องนำไปสู่การทำชิริก ซึ่งผลของการทำชิริกก็คือ ไม่มีโอกาสได้รับการช่วยเหลือใดๆเลย ไม่ได้รับเลย ในขณะที่ความผิดในเรื่องอื่นๆยังมีโอกาสได้รับความช่วยเหลือให้ลดโทษลง หรือได้รับการอภัยโทษทั้งหมดก็ได้ หากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงประสงค์ แต่เรื่องของชิริกนั้น อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาจะไม่ทรงอภัยโทษให้เลย แม้ว่าจะมีชิริกอยู่เพียงนิดเดียวก็ตาม ..สุดท้ายของคนที่มีชิริกก็ต้องพำนักอยู่ในนรกตลอดกาล ไม่มีโอกาสได้เข้าสวรรค์เลย
อย่างที่สอง ที่จะทำให้เราได้รับสิทธิการชะฟาอะฮฺของท่านนบีคือ กล่าวตอบรับการอะซาน และกล่าวดุอาอ์หลังการอะซาน
‘اللَّهُمَّ رَبَّ هَذِهِ الدَّعْوَةِ التَّامَّةِ، وَالصَّلاَةِ القَائِمَةِ آتِ مُحَمَّدًا الوَسِيلَةَ وَالفَضِيلَةَ، وَابْعَثْهُ مَقَامًا مَحْمُودًا الَّذِي وَعَدْتَهُ
อย่างที่สาม กล่าวเศาะละวาตแก่ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
อย่างที่สี่ ขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาอยู่อย่างเสมอ “ขอพระองค์ได้โปรดประทานการชะฟาอะฮฺของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมให้แก่เราด้วยเถิด”
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย นอกจากการชะฟาอะฮฺเฉพาะ ที่เป็นสิทธิเฉพาะของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮฺวะซัลลัมแล้ว ยังมีการชะฟาอะฮฺทั่วๆไปอีกด้วย ซึ่งผู้ที่มีสิทธิทำการชะฟาอะฮฺประเภทนี้จะได้แก่
- ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมด้วย ตลอดจนบรรดานบีท่านอื่นๆ ..
- บรรดามะลาอิกะฮฺก็มีสิทธิให้การชะฟาอะฮฺแก่เราได้ ..
- บรรดาผู้ศรัทธาที่เป็นคนศอลิหฺ เป็นศิดดิกีน ก็มีสิทธิชะฟาอะฮฺให้แก่เราได้
- และเราก็มีสิทธิชะฟาอะฮฺให้แก่คนอื่นได้ด้วย อย่างเช่นลูกทีเสียชีวิตก่อนพ่อแม่ก็มีสิทธิชะฟาอะฮฺให้แก่พ่อแม่ของเขาได้
- การเป็นชุฮะดาอ์ หรือคนที่เสียชีวิตในสงครามญิฮาด มีสิทธิขอชะฟาอะฮฺให้ญาติพี่น้องของเขาได้ 70 คน
ซึ่งการชะฟาอะฮฺที่อัลลอฮฺ ซูบฮานะฮูวะตะอาลาจะทรงอนุมัตินั้น จะต้องอยู่ในเงื่อนไข 2 ประการคือ เป็นผู้ที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงประสงค์และทรงพอพระทัยเท่านั้น จะต้องอยู่ในเงื่อนไขนี้ นอกจากนี้ อะมัลลศอลิหฺ ความดีงามต่างๆที่เราทำก็สามารถจะขอชะฟาอะฮฺจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาให้แก่เราได้ เช่น การอ่านอัลกุรอาน ก็จะมาชะฟาอะฮฺให้แก่ผู้ที่อ่านในวันกิยามะฮฺ
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย ที่พูดมาทั้งหมดก็คือส่วนหนึ่งเท่านั้นในเรื่องของการชะฟาอะฮฺในวันกิยามะฮฺ ก่อนจบ ขอให้เราทุกคนได้ตระหนักเถิดว่า ตลอดระยะทางของการเดินทางอยู่ในโลกอาคิเราะฮฺนั้น มันจะมีสภาพเพียง 2 สภาพเท่านั้น คือสภาพของความผาสุกความสบาย กับสภาพของการถูกทรมาน ถูกลงโทษต่างๆ
ดังนั้น ถ้าเราไม่อยากที่จะต้องมาเดือดร้อน ไม่อยากที่จะต้องมาถูกลงโทษอยู่ตลอดเวลา เราก็ต้องมีความระมัดระวังในการใช้ชีวิตประจำวันของเรา พยายามดำเนินชีวิตให้อยู่ในบทบัญญัติศาสนา หมั่นขออภัยโทษ ขอเตาบะฮฺตัวต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาอยู่อย่างสม่ำเสมอ ..ศึกษาเรื่องของชิริกและละทิ้งมัน ..ศึกษาเรื่องของบิดอะฮฺและออกห่างจากมัน ..ศึกษาเรื่องของบทบัญญัติศาสนา เพื่อที่จะได้ปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง ซึ่งทั้งหมดจะเป็นตัวช่วยแก่เราให้เราได้รับการชะฟาอะฮฺในวันกิยามะฮฺ
สุดท้ายนี้ ขออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงช่วยเหลือเรา ให้เราเป็นบ่าวที่ยำเกรงต่อพระองค์ และเป็นอุมมะฮฺ เป็นประชาชาติที่ดีของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ..ขอให้เราเป็นผู้ที่รู้เท่าทันต่อกลลวงของชัยฏอน และสิ่งล่อลวงต่างๆในยุคปัจจุบันนี้ที่มันคอยจะลวงเราให้ออกห่างจากบทบัญญัติศาสนา โดยที่บางทีเราก็ไม่รู้ตัว และขอให้เราทุกคนเสียชีวิตในสภาพที่นอบน้อมยอมจำนนต่อพระประสงค์ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาโดยสิ้นเชิง
มูลนิธิ ดารุ้ลอิห์ซาน