ละหมาดแล้วได้อะไร ?
  จำนวนคนเข้าชม  6206


ละหมาดแล้วได้อะไร ?

โดย . ดาวูด รอมาน 

ส่วนหนึ่งของประโยชนคือ:-

 

1- ขจัดปัญหา ความทุกข์ร้อน

 

          ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เมื่อมีปัญหาอะไรบางอย่างมาประสบในชีวิตของท่าน ท่านก็จะเข้าสู่การละหมาด ซึ่งถือเป็นแนวทางที่ดียิ่งในการแก้ไขปัญหา ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จะมุ่งเข้าสู่การละหมาดไปหาการเยียวยาจากอัลลอฮฺ สุบหานะฮุวะตะอาลา สิ่งที่ท่านมีปัญหาอยู่ก็ขอความช่วยเหลือจากพระองค์

อัลลอฮ์ ตรัสว่า 

(يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا اسْتَعِينُوا بِالصَّبْرِ وَالصَّلاةِ إِنَّ اللَّهَ مَعَ الصَّابِرِينَ)

     "บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย! จงอาศัยความอดทน และการละหมาดเถิด แท้จริงอัลลออ์นั้นทรงอยู่ร่วมกับผู้อดทนทั้งหลาย” 

(อัลบะกอเราะห์ :153)

     ท่านหุซัยฟะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้เล่าเรื่องราวของท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า

كان صلى الله عليه وسلم إذا حزبه أمرٌ فزع إلى الصلاة، وقال: “يَا بِلاَلُ أَقِمِ الصَّلاَةَ، أَرِحْنَا بِهَا

     ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า ความว่าคราใดก็ตามที่ท่านเราะสูลุลลอฮฺ เมื่อมีสิ่งใดที่ทำให้ท่านทุกข์โศก ท่านก็จะมุ่งสู่การละหมาดโดยทันที” 

     แล้วท่านได้กล่าวว่าโอ้บิล้าล ท่านจงอิกอมัตละหมาดเถิด เพื่อเราได้พักผ่อนด้วยการละหมาด

(บันทึกโดยอะหฺมัด : 5/388 และอบูดาวูด : 1319)

 

2- ปฏิบัติรุก่นอิสลาม

 

          การละหมาดเป็นรุก่น (หลักการ) ที่สองของรุก่นอิสลาม และเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งรองลงมาจากการปฏิญาณตนเป็นมุสลิม เพราะการละหมาดคือ เสาหลักของศาสนาที่มุสลิมทุกคนจะต้องช่วยกันรักษาและคงไว้ตราบใดที่ชีวิตยังมีอยู่

     อัลลอฮฺได้กำชับและฝากฝังบรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายให้ช่วยกันรักษาและดำรงการละหมาดห้าเวลาไว้ ดังดำรัสของพระองค์ที่มีว่า

(حَافِظُوا عَلَى الصَّلَوَاتِ وَالصَّلاةِ الْوُسْطَى وَقُومُوا لِلَّهِ قَانِتِينَ(

     “พวกเจ้าจงรักษาการละหมาดทั้งหลายไว้ และละหมาดที่อยู่กึ่งกลาง (คือ ละหมาดอัศริ) และจงยืนละหมาดเพื่ออัลลอฮฺโดยนอบน้อม” 

(อัลกุรอาน สูเราะฮฺ อัล-บะเกาะเราะฮฺ : 238)

 

3- เป็นสัมพันธ์ระหว่างบ่าวกับอัลลอฮ์

 

          การละหมาดเป็นศาสนกิจอันหนึ่งที่จะช่วยสานสายสัมพันธ์อันดีงามและมั่นคงระหว่างพระผู้เป็นเจ้ากับบ่าวของพระองค์ นับตั้งแต่เราเริ่มกล่าวตักบีรฺ(อัลลอฮุ อักบัรฺ) ก็แสดงให้เห็นได้ชัดเจนเลยว่า ขณะนี้บ่าวกำลังเข้าเฝ้าอัลลอฮ์ พระองค์ผู้ทรงสร้าง เพราะว่าตั้งแต่ตักบีรจนถึงการให้สลาม เราจะเห็นได้ว่าทุกอิริยาบทที่ถูกแสดงออกมาในช่วงประกอบพิธีละหมาดนั้น คืออิริยาบทของบ่าวผู้อ่อนแอที่กำลังเข้าเฝ้าพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ คือ พระองค์อัลลอฮฺ

 

          หลักฐานหนึ่งที่บ่งชี้ว่า การละหมาดคือการเข้าเฝ้าอัลลอฮ์ก็คือ เวลาที่ผู้ละหมาดอ่านสูเราะฮฺ อัล-ฟาติหะฮฺ ในทุกๆ ร๊อกอัตของการละหมาด ทุกๆ อายัตที่เขาได้อ่านในสูเราะฮฺ อัล-ฟาติหะฮฺนั้น อัลลอฮฺจะทรงตอบรับดังที่มีรายงานในหะดีษของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิวะสัลลัม 

 

عَنْ { النَّبِيِّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ أَنَّهُ قَالَ : يَقُولُ اللَّهُ تَعَالَى : قَسَمْت الصَّلَاةَ بَيْنِي وَبَيْنَ عَبْدِي نِصْفَيْنِ نِصْفُهَا لِي وَنِصْفُهَا لِعَبْدِي وَلِعَبْدِي مَا سَأَلَ فَإِذَا قَالَ الْعَبْدُ : { الْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ } قَالَ اللَّهُ : حَمِدَنِي عَبْدِي وَإِذَا قَالَ : { الرَّحْمَنِ الرَّحِيمِ } قَالَ اللَّهُ : أَثْنَى عَلَيَّ عَبْدِي وَإِذَا قَالَ : { مَالِكِ يَوْمِ الدِّينِ } قَالَ اللَّهُ : مَجَّدَنِي عَبْدِي . وَإِذَا قَالَ : { إيَّاكَ نَعْبُدُ وَإِيَّاكَ نَسْتَعِينُ } قَالَ : هَذِهِ الْآيَةُ بَيْنِي وَبَيْنَ عَبْدِي وَلِعَبْدِي مَا سَأَلَ فَإِذَا قَالَ : { اهْدِنَا الصِّرَاطَ الْمُسْتَقِيمَ } { صِرَاطَ الَّذِينَ أَنْعَمْتَ عَلَيْهِمْ غَيْرِ الْمَغْضُوبِ عَلَيْهِمْ وَلَا الضَّالِّينَ } قَالَ : هَؤُلَاءِ لِعَبْدِي وَلِعَبْدِي مَا سَأَلَ }

 

     จากท่านนบีซอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า

     อัลลอฮ์ตาอาลากล่าวว่า :ฉันได้แบ่งละหมาดระหว่างฉันกับบ่าวของฉันคนละครึ่ง ครึ่งหนึ่งเป็นของฉันและอีกครึ่งหนึ่งเป็นของบ่าวของฉัน บ่าวของฉันจะได้รับในสิ่งที่เขาได้ขอ

เมื่อบ่าวได้กล่าวว่าอัลฮัมดุลิ้ลลาฮิรอบบิลอาละมีน (มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิของอัลลอฮ์)

อัลลอฮ์จะกล่าวว่า :บ่าวของฉันได้สรรเสริญฉัน

เมื่อบ่าวได้กล่าวว่า :อัรเราะห์มานิ้รร่อฮีม (ผู้ทรงเมตา ผู้ทรงปราณี)

อัลลอฮ์จะกล่าวว่า :บ่าวของฉันได้ยกย่องฉันแล้ว

เมื่อบ่าวได้กล่าวว่า :มาลิกิเยามิดดีน(ผู้ทรงสิทธิขาดในวันสิ้นโลก)

อัลลอฮ์จะกล่าวว่า :บ่าวของฉันได้สดุดีฉันแล้ว

เมื่อบ่าวได้กล่าวว่า :อียาก้านะอ์บุดู้วะอียาก้านัสต้าอีน (เฉพาะพระองค์เท่านั้นที่เราจะกราบไหว้ และเฉพาะพระองค์เท่านั้นที่เราจะขอความช่วยเหลือ)

อัลลอฮ์จะกล่าวว่า :อายะห์นี้เป็นของฉันและบ่าวของฉัน บ่าวของฉันจะได้รับในสิ่งที่เขาขอ

เมื่อบ่าวได้กล่าวว่า :อิห์ดินัซซิรอต้อลมุสต้ากีม ซิรอต้อลละซีนะอันอัมต้าอะลัยฮิมฆอยริ้ลมัฆดูบิอะลัยฮิมวะลัดดอลลีน (ขอพระองค์โปรดชี้เราสู่แนวทางที่เที่ยงตรง เป็นแนวทางของผู้ที่พระองค์ทรงโปรดปรานมาแล้ว มิใช่แนวทางของผู้ที่ถูกโกรธกริ้วและหลงผิด)

อัลลอฮ์จะกล่าวว่า :อายัตเหล่านี้เป็นของฉันและบ่าวของฉัน และบ่าวของฉันจะได้รับในสิ่งที่เขาขอ

(รายงานโดย มุสลิม)

 

4-ชำระบาป ชำระล้างจิตใจ

 

          ส่วนหนึ่งของประโยชน์สำหรับผู้ที่รักษาไว้ซึ่งการละหมาดก็คือ การละหมาดจะช่วยชำระบาป และจะช่วยชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ปราศจากสิ่งที่ไม่ดีต่างๆ หรือบาปอันเป็นสิ่งโสโครกที่ติดอยู่ให้หมดสิ้นไป ดังหะดีษของอบีฮุรอยเราะห์ ที่ว่า

أَرَأَيْتُمْ لَوْ أَنَّ نَهْرًا بِبَابِ أَحَدِكُمْ يَغْتَسِلُ مِنْهُ كُلَّ يَوْمٍ خَمْسَ مَرَّاتٍ ، هَلْ يَبْقَى مِنْ دَرَنِهِ شَيْءٌ ؟ قَالُوا : لَا يَبْقَى مِنْ دَرَنِهِ شَيْءٌ ، قَالَ : فَذَلِكَ مَثَلُ الصَّلَوَاتِ الْخَمْسِ ، يَمْحُو اللَّهُ بِهِنَّ الْخَطَايَا ” .

     “พวกท่านลองตอบสิว่า ถ้าหากว่าหน้าประตูบ้านของพวกท่านมีแม่น้ำไหลผ่าน เพื่อที่พวกท่านจะได้อาบน้ำชำระร่างกายห้าครั้งในทุกๆวัน แล้วท่านยังจะมีสิ่งสกปรกหติดค้างอยู่อีกไหม?” 

     บรรดาผู้ที่ฟังท่านอยู่ตอบว่า จะไม่มีสิ่งสกปรกลงเหลือเลย 

     ท่านก็กล่าวอีกต่อไปว่าดังนั้นการละหมาดห้าเวลาก็เช่นกัน อัลลอฮฺจะทรงชำระบาปและความผิดต่างๆ ของพวกท่านด้วยการละหมาด” 

(รายงานโดย อัล-บุคอรีย์ และมุสลิม)

ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า

الصَّلَاةُ الْخَمْسُ وَالْجُمْعَةُ إِلَى الْجُمْعَةِ كَفَّارَةٌ لِمَا بَيْنَهُنَّ مَا لَمْ تُغْشَ الْكَبَائِرُ

          “การละหมาดห้าเวลาและการละหมาดญุมอะฮฺ (ละหมาดวันศุกร์) หนึ่งไปยังอีกญุมอะฮฺหนึ่ง มีผลตอบแทนคืออัลลอฮฺจะทรงไถ่โทษ (ชำระบาป) ในสิ่งที่ไม่ไช่บาปใหญ่

 (รายงานโดย มุสลิม)

 

5- ป้องกันความชั่วร้ายได้

 

          การละหมาดมิใช่เพียงแต่สามารถชำระบาปและสิ่งโสโครกเท่านั้น แต่การละหมาดยังสามารถสร้างเกราะป้องกันบาปอีกด้วย ดังดำรัสของอัลลอฮฺที่ว่า

إِنَّ الصَّلاةَ تَنْهَى عَنِ الْفَحْشَاءِ وَالْمُنْكَرِ     “แท้จริง การละหมาดจะยับยั้งความชั่ว และสิ่งโสมมได้

(อัลอังกะบูต : 45)

     การละหมาด คือ แสงสว่างที่จะช่วยส่องจิตใจของผู้ศรัทธาบนโลกนี้และในวันอาคิเราะฮฺ ท่านรอซูลได้กล่าวว่า

وَالصَّلاَةُ نُورٌ     “การละหมาดนั่นคือแสงสว่าง” 

(รายงานโดยมุสลิม)

     ซึ่งใครก็ตามที่รักษาไว้ซึ่งการละหมาดเขาจะได้รับแสงสว่างและความสำเร็จในวันอาคิเราะฮฺ

 

6- รวมมุสลิมให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

 

          การละหมาดญุมอะฮฺปลูกฝังความเป็นภารดรภาพ ความเท่าเทียม และความอ่อนน้อมถ่อมตนระหว่างมุสลิมด้วยกัน โดยผู้ทำอิบาดะฮฺยืนเป็นแถวเดียวกันดั่งเรือนร่างเดียวกัน ไหล่เคียงไหล่ ปราศจากการแบ่งแยกทางเผ่าพันธุ์ เชื้อชาติ สีผิว ความมั่งมี วงศ์ตระกูล หรือสถานภาพ การแสดงออกซึ่งความเป็นเอกภาพนี้ช่วยทำลายกำแพงทั้งหมดที่กั้นระหว่างกัน