มุสลิม 4.0
โดย... อาจารย์ ญุมอัต พูลสวัสดิ์
ศรัทธาชนผู้มีศรัทธาในเอกองค์อัลลอห์ซุบฮานาฮูว่าตะอาลา ที่รักและเคารพทุกท่าน ขอความรักความสุขสงบสันติความจำเริญจากเอกองค์อัลลอฮ์ จงประสบแด่ทุกท่าน ก่อนสิ่งใดข้าพเจ้าใคร่ขอตักเตือนตัวข้าพเจ้าเองเป็นสำคัญ และท่านพี่น้องทั้งหลาย ให้ตั้งตนอยู่บนหลักการตักวา ยำเกรงต่อเอกองค์อัลลอฮ์ ยอมจำนนประพฤติปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดในบรรดาสิ่งที่พระองค์ทรงมีพระบัญญัติใช้ ละเว้นหลีกเลี่ยงอย่างห่างไกลจากบรรดาสิ่งที่พระองค์ทรงมีพระบัญญัติห้าม ซึ่งการตักวานี้เองจะเป็นตัวชี้วัดสำคัญ กำกับความคิด คำพูด และการกระทำของเราให้อยู่ในหนทางของ อัลอิสลาม ที่เที่ยงตรงของพระองค์ ในวันที่เขาจะหวนกลับคืนสู่พระเมตตาของพระองค์
ศรัทธาชนที่รักและเคารพ ตามกระแสความผันแปรของสังคมไทยในปัจจุบัน ทั้งด้านการใช้ชีวิต การประกอบอาชีพ การครองตนในสังคม หรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านวัตถุนิยม จะมีการเปลี่ยนแปลงจากอดีตไปมาก แต่กาลก่อนผู้หลักผู้ใหญ่บ้านเรามีอาชีพด้านการเกษตร อยู่กับดินกินกับนา กับไร่สวน กับสัตว์เลี้ยง เป็นสังคมเกษตรกรรม ซึ่งเรียกมันว่า ยุค 1.0
เมื่อเวลาผ่านไปการดำเนินชีวิตก็แปรเปลี่ยนตามกัน เริ่มมีอุตสาหกรรมในครัวเรือน เป็นการอุตสาหกรรมย่อยๆใช้ต้นทุนน้อย กำไรพอประทังปากประทังชีวิต เจือจุลสมาชิกในครอบครัวไปวันๆ เราเรียกมันว่า ยุค 2.0
ถัดมาใน ยุค 3.0 เมื่อฟองสบู่แตก โรคแอนแทร็คซ์(Anthrax)ระบาดในหมู่ผู้เลี้ยงสัตว์ ระบบเศรษฐกิจเริ่มเปลี่ยนจากเกษตรกรรมเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมหนักอย่างเต็มตัว มีโรงงานมากมายหลายแห่งเริ่มเติบโต รองรับพนักงานนับหมื่นนับแสนชีวิต ลูกหลานเราที่เคยอยู่บ้าน ทำเนื้อทำกระดูกอยู่ในละแวกบ้านก็เริ่มหางานทำนอกบ้าน ตามบริษัทห้างร้าน หรือโรงงานต่างๆ วิถีชีวิตของคนในสังคมเราหรือหมู่บ้านอื่นๆเริ่มเปลี่ยนไป อิทธิพลจากสังคมภายนอกเริ่มขยายตัวเข้ามา ความเจริญเริ่มคืบคลาน
จนกระทั่งในที่สุดยุคปัจจุบัน ในศตวรรษที่ 21 นี้ หรือยุคที่เรามักจะได้ยินผ่านหูบ่อยและบ่อยขึ้น นั่นคือ ยุค 4.0 ยุคแห่งนวัตกรรม ยุคแห่ง โซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค(Social network) ยุคแห่งอารยะธรรมข้ามโลกไร้ขอบเขต (The era of civilization across the world without boundaries.) ยุคที่โลกถูกครอบคลุมด้วยเส้นใยแมงมุมแห่งการเชื่อมต่อสื่อสารที่ตาเปล่าไม่สามารถมองเห็นได้ มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มีทั้งดีและไม่ดี เป็นดาบ 2 คม ที่พึงระวังเป็นอย่างยิ่ง
ศรัทธาชนที่เคารพรัก เราปฏิเสธไม่ได้ว่าเรามีชีวิตอยู่ในยุคนี้ ปัจจุบันนี้ เวลานี้ เรามีชีวิตอยู่บนโลกดุนยา รายล้อมไปด้วยสภาพสังคมที่ย่ำแย่และตกต่ำ เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสภาพอากาศที่ผกผัน ทั้งลมพายุและแผ่นดินไหว สุรา ดอกเบี้ย และประเวณีที่กำลังดาษดื่น สตรีที่ประพฤติตัวเหมือนบุรุษ และบุรุษที่ประพฤติตัวเหมือนสตรี ทรัพย์สินที่เป็นต้นเหตุให้มนุษย์ทำลายและฆ่าฟันกันเอง พี่น้องที่ตัดญาติฉันท์มิตร บุรุษที่ฆ่าแกงกันโดยไร้เหตุผล สตรีที่มีบทบาทเหนือบุรุษ สมาธิของผู้ละหมาดที่หายไป ความบริสุทธิ์ใจของผู้ที่ทำงานถดถอยจนเจือจาง ความละอายเริ่มหมดจากหัวใจของผู้คน เราก็ปฏิเสธไม่ได้อีกเช่นกันว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนเป็น อัชรอตุ๊ซซาอะห์( اشراط الساعة ) สัญญาณแห่งวันวิปโยค ในวันกิยามะห์ ปฏิเสธไม่ได้อีกเช่นกันว่ามันเกิดขึ้นแล้ว คำถามคือ เรามีเสบียงมากน้อยเพียงใดแล้ว เราเตรียมตัวพร้อมหรือยัง ?
ศรัทธาชนที่เคารพรัก การวางแผนเตรียมตัวสู่โลกหน้า อาคิเราะห์ การตรวจสอบตัวเอง ก่อนที่จะถูกตรวจสอบนั้นมีหลักสำคัญๆ สาม ประการ ดังต่อไปนี้
ประการที่ 1 อากีดะห์( عقيدة ) หลักศรัทธา
คือการศรัทธาในอัลลอฮ์ พระองค์เดียว ศรัทธาต่อบรรดา มลาอีกะห์ เทวะทูตของพระองค์ ศรัทธาต่อบรรดาคัมภีร์ของพระองค์ ศรัทธาต่อศาสนทูตของพระองค์ ศรัทธาต่อวันสุดท้ายวัน อาคิเราะห์ และการฟื้นคืนชีพใหม่ในวันปรโลก และศรัทธาในการกำหนดสภาวะความดีความชั่วที่ล้วนแล้วแต่มาจากเอกองค์อัลลอฮ์ ทั้งสิ้น ประการนี้แน่นอนว่าทุกคนต้องมี มั่นคงในหัวอกหัวใจเกินร้อยเป็นแน่ เพราะไม่ว่าจะยุค 4.0 หรือยุคใดๆ การศรัทธาของ มุอฺมิน ก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงและเสื่อมคลาย มุอ์มินไม่ใช่เพิ่งศรัทธา แต่ศรัทธามาตั้งแต่เกิด การศรัทธาของมุอ์มินไม่ใช่เพิ่งมีมา แต่ถูกบัญชามาตั้งแต่เดิม
ประการที่ 2 อิบาดะห์( عبادة ) หลักปฏิบัติศาสนกิจ
นั่นคือหลักการปฏิบัติสิ่งที่จำเป็นบนผู้ศรัทธาแล้วต้องปฏิบัติ การละหมาด การถือศีลอด การจ่าย ซะกาต การกระทำสิ่งที่เป็น ฟัรดู ทั้งหมดที่เราได้ทำมาแล้วตั้งแต่เดิม หากมันครบถ้วนแล้ว เพิ่มเติมด้วยการปรุงเสริมการปฏิบัติของที่เป็นสุนัต ให้มันครบถ้วนให้มันสมบูรณ์ รวมถึงการทำความดีงามต่างๆที่ อิสลาม ได้มีบัญญัติใช้ ประการนี้ผู้เป็นมุสลิมอาจะมีข้อบกพร่องในการปฏิบัติบ้าง อาจจะไม่เต็มร้อยเหมือนหลักการศรัทธา แต่เพราะยุค 4.0 คือยุคการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นฉันใด การปฏิบัติอิบาดะห์ของเราก็จำต้องเพิ่มพูนทวีคูณด้วยฉันนั้น
ท่าน นบี มูฮัมมัด ร่อซูลุ้ลลอฮ ﷺ ได้มีพระวจนะใน ฮาดิษ ที่รายงานโดยท่าน อบีฮุรอยเราะห์ รอฏิยัลลอห์อันหฺ ว่า
مَنْ آمَنَ بِاللَّهِ وَبِرَسُولِهِ ، وَأَقَامَ الصَّلَاةَ ، وَصَامَ رَمَضَانَ كَانَ حَقًّا عَلَى اللَّهِ ، أَنْ يُدْخِلَهُ الْجَنَّةَ
“ใครก็ตามที่ศรัทธาต่อ อัลลอฮ์ และ ท่าน นบี มูฮัมมัด ร่อซูลุ้ลลอฮ ﷺ ของพระองค์
แล้วเขาดำรงไว้ซึ่งการละหมาด และ ถือศีลอดในเดือนรอมฎอน
ถือเป็นสิทธิของอัลลอฮ์ ที่จะให้เขาผู้นั้นได้เข้าสวรรค์”
ประการที่ 3 อามานะห์( أمانة ) ความรับผิดชอบ
การรับผิดชอบของมุสลิม ในหน้าที่ต่างๆที่ได้รับมอบหมาย ได้ทำให้มันสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีแล้วหรือยัง สิทธิที่พึงให้ต่อผู้ได้รับสิทธิ ได้ปฏิบัติมันแล้วหรือยัง มันคือความรับผิดชอบ เพราะพวกท่านทุกคนเป็นผู้รับผิดชอบ และจะถูกถามในสิ่งที่พวกท่านรับผิดชอบ และแน่นอนว่าในวันแห่งการสอบสวนนั้น มุสลิมคนหนึ่ง เขาจะถูกถามถึงความรับผิดชอบต่ออายุไขของเขาในการใช้ชีวิต เขาจะถูกถามถึงความรับผิดชอบต่อร่างกายของเขาในการใช้งานมัน เขาจะถูกถามถึงความรับผิดชอบต่อทรัพย์สินของเขา ในการจับจ่ายใช้สอย และเขาจะถูกถามถึงความรับผิดชอบ ต่อความรู้ของเขาว่านำมันไปปฏิบัติอย่างไรในหนทางใด
ท่านพี่น้องที่รักและเคารพทุกท่าน ไม่ว่าเราจะอยู่ยุคใดก็แล้วแต่ ไม่ว่ากาลเวลาจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปแค่ไหน การอีหม่าน ศรัทธาของเราต้องยังคงหนักแน่น การปฏิบัติอิบาดะห์ ของเราก็ขอให้มั่นคง และหน้าที่รับผิดชอบ อมานะห์ ต่างๆของเราก็ขอให้รักษาไว้ให้ตราตรึง สิ่งนี้เองจะนำไปสู่การตักวา ยำเกรงต่อเอกองค์ الله سبحانه وتعالى อย่างลึกซึ้ง
ภาคผลในบั้นปลายชีวิตของเขาในดุนยาคงไม่ใช่อื่นใดนอกจากความผาสุกทั้งกายและใจที่พระองค์ทรงมอบให้ และผลตอบแทนในโลกหน้า อาคิเราะห์ คงไม่พ้นไปจากสวนสวรรค์อันเป็นนิจนิรันดร
أَعُوْذُ بِاللهِ مِنَ الشَّيْطَانِ الرَّجِيْمِ بسم الله الرحمن الرحيم
وَالْعَصْرِ (1) إِنَّ الْإِنْسَانَ لَفِي خُسْرٍ (2) إِلَّا الَّذِينَ آمَنُوا وَعَمِلُوا الصَّالِحَاتِ وَتَوَاصَوْا بِالْحَقِّ وَتَوَاصَوْا بِالصَّبْرِ (3)
“ขอยืนยันกับกาลเวลา แท้จริงมนุษย์อยู่ในความขาดทุน
ยกเว้นบรรดาผู้ที่มีความศรัทธา และ ประพฤติแต่ความดีงาม
และพวกเขาตักเตือนกันในสัจธรรม และพวกเขาตักเตือนกันในขันติธรรม”
คุตบะห์วันศุกร์ ณ มัสยิดท่าอิฐ