ความสุขที่แท้จริงอยู่ที่ไหน ?
  จำนวนคนเข้าชม  7274


ความสุขที่แท้จริงอยู่ที่ไหน ?

 

          เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปแล้วว่ามนุษย์ทุกคนกำลังแสวงหาความสุข ซึ่งเป็นยอดปรารถนาของทุกคน มนุษย์ถึงแม้จะมีความแตกต่างกันทางด้านแหล่งกำเนิด ทางด้านแนวความคิด ทางด้านภาษาและคำพูด ทางด้านการกินการดื่ม ทางด้านหลักการและจุดมุ่งหมายแต่จะมีเป้าหมายตรงกันและสอดคล้องกัน ก็คือทุกคนกำลังแสวงหาความสุข

 

          ทั้งมุอฺมินและกาฟิร คนดีและคนชั่ว ต่างก็แสวงหาและต้องการความสุข หากท่านจะถามเขาว่าทำไมและเพราะอะไรท่านจึงทำอย่างนั้น? คำตอบที่ได้รับก็คือฉันต้องการความสุข!! ถึงแม้เขาจะพูดออกมาด้วยคำพูดหรือข้อเขียน หรือสื่อถึงความหมายในแบบใดก็ตาม

 

     มีคำถามที่ยังความประหลาดใจแก่ทุกผู้ทุกคนเป็นเวลานานมาแล้วว่าความสุขนั้นอยู่ที่ไหนเล่า?” และอะไรคือความสุข

     ♥ ความสุข คือ การมีทรัพย์สินเงินทองมากมายก่ายกอง การมีเรือกสวนไร่นา การมีตึกรามบ้านช่องมากมาย และสวยงามกระนั้นหรือ?

     ♥ ความสุข คือ การมีตำแหน่งหน้าที่ในสังคมมีคนนับหน้าถือตา มีผู้คนคอยยกยอปอปั้น มีลูกน้องคอยเรียงรายให้ความเคารพกระนั้นหรือ?

     ♥ ความสุข คือ การมีร่างกายสุขภาพสมบูรณ์ ไม่เจ็บไม่ไข้ ไม่หิวโหย คือ อิ่มอยู่เสมอกระนั้นหรือ?

 

     มนุษย์จำนวนมากได้ขวนขวายหาความสุข แต่เป็นความพยายามที่ไร้ผล เพราะเป็นการแสวงหาที่ผิดทาง จึงเป็นสาเหตุนำไปสู่ความวิบัติ

 

         ฟิรเอานฺและเสนาบดีของเขาได้แสวงหาความสุขโดยทางอำนาจ แต่เป็นอำนาจที่ปราศจากการอีมาน เขาแสดงความหยิ่งยโสโดยกล่าวแก่ประชาชนของเขาว่าโอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ย! อาณาจักรแห่งอียิปต์นี้มิได้เป็นของฉันดอกหรือ และแม่น้ำเหล่านี้ที่ไหลผ่านเบื้องล่างวังของฉัน พวกท่านไม่เห็นดอกหรือ?” แต่ผลตอบแทนแห่งความเย่อหยิ่งและอวดดีของเขาคือ ไม่ได้รับความสุขตามที่เขาต้องการ ตรงกันข้ามเขาได้รับความพินาศล่มจมและถูกสาปแช่งในที่สุด 

ดังนั้น อัลลอฮฺ จึงคร่าเขาเป็นการลงโทษที่เป็นแบบอย่างทั้งในปรโลกและโลกนี้

 

          อัลลอฮฺตะอาลา ประทานขุมทรัพย์เท่ากองภูเขาแก่กอรูน เขามิได้รวบรวมและสะสมขุมทรัพย์นั้นด้วยน้ำพักน้ำแรงหรือด้วยความเฉลียวฉลาดแต่ประการใด เขานึกว่านั่นคือความสุขของเขาแต่เพียงคนเดียว เขาได้เนรคุณต่อนิอฺมัตของอัลลอฮฺ พระเจ้าของเขาได้กล่าวเตือนเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดการตอบแทนที่เขาได้รับอย่างขมขื่นก็คือ 

ดังนั้นเราจึงให้ธรณีสูบเขาและเคหะของเขา

 

          ดังนั้น การครอบครองทรัพย์สมบัติอันมากมายมหาศาล หาใช่ความสุขอันแท้จริงไม่ และมิใช่มูลฐานอันสำคัญในการแสวงหาความสุข เพราะว่าบางครั้งการมีสมบัติมากมาย การมีมรดกมากมาย จะก่อให้เกิดความวุ่นวายปั่นป่วนและอันตรายได้ในโลกนี้ก็เป็นได้ ดังจะเห็นได้จากคำตรัสของอัลลอฮฺตะอาลาที่กล่าวถึงบุคคลจำพวกนี้ไว้ว่า 

     “ทรัพย์สมบัติของพวกเขาก็ดี และลูกหลานของพวกเขา จะไม่ทำความพออกพอใจให้แก่เจ้า

     แต่แท้จริงอัลลอฮฺ ทรงประสงค์ที่จะลงโทษพวกเขาด้วยกับทรัพย์สมบัตินั้นๆ ในการดำรงชีวิตอยู่ในโลกดุนยานี้

 

          ทรัพย์สมบัติก็ดี ลูกหลานก็ดี บางทีก็เป็นนิอฺมัต คือ ความโปรดปรานที่อัลลอฮฺตะอาลาประทานให้แก่บ่าวของพระองค์ หากว่าบ่าวผู้นั้นเป็นผู้รำลึกถึงและขอบคุณต่อพระองค์ อีกทั้งเขามีความเชื่อมั่นต่อการตอบแทนในบั้นปลาย ทุกครั้งที่เขาประสบกับการทดสอบในทรัพย์สมบัติของเขา เขาก็อดทนหนักแน่นความหวังของเขาที่มีต่ออัลลอฮฺตะอาลาเกิดขึ้นทั้งสองสภาพการณ์ 

 

          และบางครั้งทรัพย์สมบัติและลูกหลานก็เป็นนิกมะฮฺ คือ การประชดและความกริ้วที่อัลลอฮฺตะอาลาทรงทดสอบบ่าวของพระองค์ ทั้งนี้เพราะพระองค์ทรงตระหนักดีถึงความเสียหาย และความสงสัยที่จะเกิดขึ้นแก่บ่าวผู้นั้น ความกระวนกระวาย ความห่วงใยและความหึงหวงก็จะเกิดขึ้นแก่ทรัพย์สมบัติและลูกหลาน ซึ่งจะทำให้ความเป็นอยู่ของเขากลับกลายเป็นขุมนรก

 

         กี่มากน้อยแล้วที่ทรัพย์สมบัติและลูกหลานได้ทำให้มนุษย์เราเสียผู้เสียคนเพราะความลุ่มหลง และในที่สุดเขาก็จะได้รับแต่ความทุกข์ทรมานลำบากใจ หนักอกหนักใจ ลักษณะของบุคคลประเภทนี้ตรงกับฮะดิษบทหนึ่งที่วาดสภาพไว้ว่า

 

     “ผู้ใดที่ยึดเอาโลกอาคิเราะฮฺเป็นเป้าหมาย หรือเป็นที่ห่วงกังวลของเขา อัลลอฮฺจะทรงบันดาลให้ความร่ำรวยเกิดขึ้นในหัวใจของเขาและจะรวมกิจการของเขาให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และจะให้โลกดุนยามาหาเขาโดยดุษฎี

     และผู้ใดยึดเอาโลกดุนยาเป็นเป้าหมายของเขาอัลลอฮฺก็จะทรงบันดาลให้ความยากจนเกิดขึ้นต่อหน้าเขา และจะแยกกิจการงานของเขาให้กระจัดกระจาย และจะไม่ให้กิจการของโลกดุนยามาหาเขา นอกจากสิ่งที่ได้ถูกกำหนดให้แก่เขาเท่านั้น

(บันทึกโดยอัตติรมิซีย์)

          ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า ความสุขนั้นเป็นมโนธรรมมองไม่เห็นได้ด้วยตา และไม่อาจนับได้เป็นจำนวน มิใช่ด้วยการสะสมไว้ที่ธนาคารและไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงินตรา 

 

 

ความสุข คือ สิ่งที่มนุษย์มีความรู้สึกเกิดขึ้นภายในทรวงอก มิใช่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกร่างกายของมนุษย์

 

          จากที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นสำหรับผู้ที่มีความศรัทธามั่นต่ออัลลอฮฺตะอาลา และวันแห่งการตอบแทน ย่อมมีความเห็นพ้องต้องกันว่า ความสุขที่แท้จริงนั้น อยู่ที่การศรัทธา และการกระทำความดี

 

     ท่านนบียูนุส อะลัยฮิสสลาม พบความสุขขณะที่อยู่ในที่มืดสามชั้น ความมืดในท้องปลาวาฬ ความมืดในก้นทะเลลึก และความมืดในเวลากลางคืน ท่านได้วิงวอนด้วยสมาธิและความเสียใจว่า

ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ท่าน มหาบริสุทธิ์พระองค์ท่าน แท้จริงข้าพระองค์อยู่ในหมู่ ผู้อธรรมตนเอง

 

     ท่านนบีมูซา อะลัยฮิสสลาม ได้พบความสุขขณะที่อยู่ท่ามกลางคลื่นในมหาสมุทร ท่านต้องทนทุกข์ทรมานเพื่อพระผู้ทรงเอกะ ท่านได้กล่าวด้วยความมั่นใจในพระองค์ว่า

ไม่หรอก! แท้จริงพระเจ้าของฉันทรงอยู่กับฉัน และพระองค์จะทรงชี้แนะทางแก่ฉัน

 

     ท่านนบีของเรา มุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กับสหายของท่าน ได้พบความสุขขณะที่ท่านทั้งสองอยู่ในถ้ำเขาฮิรออฺ เมื่อครั้งที่ฝ่ายศัตรูพวกกุเรซค้นหาท่านทั้งสอง ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้หันไปปลอบใจแก่ท่านอบูบักรว่า 

ท่านอย่าได้กังวลใจ แท้จริงอัลลอฮฺทรงอยู่ร่วมกับเรา

 

          นี่คือความสุขที่แท้จริง และนี่คือสภาพของผู้ที่มีความสุข ความสุขจะไม่เกิดขึ้นเว้นแต่ด้วยการอีมานศรัทธา และการกระทำความดี 

 

     ♣ ผู้ใดพำนักอยู่ในปราสาทหรือเคหะใหญ่โต รโหฐาน โดยปราศจากการอีมาน และการรำลึกถึงมหากรุณาธิคุณของพระผู้ให้ อัลลอฮฺจะบันทึกแก่ให้เขาว่าแท้จริงสำหรับเขา คือ การมีชีวิตอยู่อย่างคับแค้น

 

     ♣ ผู้ใดที่สะสมและรวบรวมทรัพย์สินเงินทอง โดยปราศจากการอีมานและการรำลึกถึง พระองค์อัลลอฮฺก็จะผนึกบนหัวใจของเขาแท้จริงสำหรับเขา คือ การมีชีวิตอยู่อย่างคับแค้น” 

 

     ♣ ผู้ใดที่หมกมุ่นอยู่แต่ในเรื่องของดุนยา มีชีวิตอยู่เพียงวันหนึ่งๆ เพื่อสนองตอบความใคร่ตัณหา ไม่คำนึงถึงความตายที่เขากำลังเดินไปหามัน อัลลอฮฺจะให้เขาจบชีวิตลงอย่างเลวร้ายและ ในโลกดุนยานี้เขาจะได้รับแท้จริงสำหรับเขา คือการมีชีวิตอยู่อย่างคับแค้น

 

          กี่มากน้อยแล้วที่ความโลภทำให้มนุษย์เราเสียผู้เสียคนไปเพราะความอยากได้ที่ไม่มีขอบเขต และไม่มีที่สิ้นสุด มีฮะดิษบทหนึ่งที่บันทึกโดยท่านบุคอรีย์และมุสลิม กล่าวไว้ว่า มีรายงานจากอิบนฺอับบาส และอะนัส อิบฺมาลิก ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุม แจ้งว่า แท้จริง ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า 

หากว่ามนุษย์ผู้มีทองอยู่ทุ่งหนึ่ง เขาก็ใคร่จะได้อีกเป็นทุ่งที่สอง

และปากของมนุษย์จะยังไม่เต็ม เว้นแต่เมื่อดินกลบหน้า

และอัลลอฮฺจะทรงอภัยโทษให้แก่ผู้ที่ขออภัยโทษ

 

          อัลลอฮฺตะอาลาทรงยืนยันด้วยการสาบานว่ามนุษย์ทั้งหลายที่เกิดมาในโลกนี้อยู่ในสภาพที่ขาดทุน คือ มนุษย์เราตั้งแต่เกิดมาและมีชีวิตอยู่จนกระทั่งตายนั้น จะอยู่ในสภาพที่ขาดทุน หรืออีกนัยหนึ่งเขาจะไม่พบกับทางรอด แต่ในเวลาเดียวกันพระองค์ก็ทรงประกาศยืนยันรับรองว่า มนุษย์ผู้นั้นจะประสบกับผลกำไรและรอดพ้นจากการขาดทุน เมื่อเขามีคุณลักษณะ 4 ประการ คือ 

♦ เป็นผู้ที่มีศรัทธาอีมานหนึ่ง

♦ เป็นผู้ปฏิบัติในความดีหนึ่ง 

♦ เป็นผู้แนะนำ สั่งสอนให้ยึดมั่นอยู่บนความจริงหนึ่ง และ

♦ เป็นผู้แนะนำสั่งสอนกันให้มีความอดทนหนึ่ง

 

คำยืนยันดังกล่าวข้างต้นนี้พระองค์ได้ตรัสไว้ในซูเราะฮฺ อัลอัศรฺ ว่า

         สัญชาตญาณของมนุษย์ เป็นคนรีบร้อน ใจร้อน อยากเห็นอยากได้สิ่งที่ตนปรารถนาอย่างรวดเร็วและทันใจ และสัญชาตญาณที่ไม่ดีอีกอย่างหนึ่งก็คือ ความใคร่หรืออารมณ์ใฝ่ต่ำเข้ามาครอบครองจิตใจอยู่เสมอ แต่ถ้ามนุษย์เราแต่ละคนใคร่ครวญถึงจุดจบและบั้นปลายของตนแล้ว สิ่งต่างๆ ที่ไม่ดีงามเหล่านั้นก็จะสูญหายไป 

 

     ด้วยเหตุนี้บรรดาอุละมาอฺทั้งหลายถึงกับให้ความสนใจต่อความสำคัญของซูเราะฮฺที่ได้นำมากล่าวนี้ เช่น  

ท่านอิหม่ามซาฟิอี ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวไว้ว่า 

          หากมิได้มีการประทานซูเราะฮฺอื่นๆ นอกจากซูเราะฮฺนี้ก็จะเป็นการพอเพียงเพราะเนื้อหาของซูเราะฮฺนี้เป็นการประกันถึงความสำเร็จและชัยชนะในวันกิยามะฮฺ คือ เป็นผู้ศรัทธามั่นต่ออัลลอฮฺและร่อซูลของพระองค์ 

         ตราบใดที่มนุษย์มีความศรัทธาต่อพระผู้ทรงให้บังเกิดแล้ว เขาก็จะยึดมั่นและจะปฏิบัติตามข้อใช้ข้อห้ามของพระองค์ แล้วเขาก็จะเป็นผู้ประสบชัยชนะ เป็นผู้รอดพ้นจากไฟนรก ในเมื่อเขามีความศรัทธาดังกล่าวแล้วแน่นอนเขาก็จะปฏิบัติคุณงามความดี เพื่อจะเป็นเสบียงสำหรับตัวของเขาเพื่อจะไปพบพระองค์ในวันกิยามะฮฺ ด้วยความพอใจสำหรับตัวของเขาและหวังในความโปรดปรานของพระองค์อีกด้วย หลังจากนั้นก็จะช่วยกันปรับปรุงแก้ไขสังคม ด้วยการแนะนำสั่งสอนกันให้ยึดมั่นอยู่บนความจริงตลอดไป และแนะนำสั่งสอนกันให้มีความอดทนต่อสถานที่ที่เขาไม่พอใจในสังคม ให้มีความอดทนต่อหมู่ชนที่ไม่ยอมรับการแนะนำสั่งสอน ให้มีความอดทนต่อหมู่ชนที่อ้างตัวว่าดำเนินตามซุนนะฮฺแต่การกระทำการประพฤติปฏิบัติอยู่คนละทางกัน 

 

          ดังนั้น ผู้ใดที่ต้องการจะแสวงหาความสุขอันแท้จริงแล้ว เขาจะพบมันในมัสยิด ในคัมภีร์อัลกุรอาน ในการปฏิบัติตามซุนนะฮฺ ในการซิกรุลลอฮฺ การธำรงมั่นอยู่ในการปฏิบัติตามข้อใช้และข้อห้าม การแสวงหาวิชาความรู้และปฏิบัติตาม การช่วยเหลือผู้อื่นไม่ว่าด้วยการแนะนำสั่งสอนหรือกำลังกาย หรือด้วยกำลังทรัพย์ การรักและเกลียดชังพี่น้องของเขาในหนทางของอัลลอฮฺ การไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องมุสลิม ไม่ว่าด้วยลิ้นหรือมือของเขา

 

 

ที่มา : เอกสารอัลอิสลาหฺ อันดับที่ 251-254