สิทธิของมนุษย์
อำพน นะมี
ท่านร่อซูล กล่าวว่า
“ผู้ใดทุจริตต่อต่างศาสนิกผู้อยู่ภายใต้สนธิสัญญาของเขา หรือริดรอนสิทธิของเขา หรือบังคับขู่เข็นให้กระทำเกินความสามารถของเขา หรือหยิบฉวยสิ่งใดโดยที่เขาไม่เต็มใจให้ ดังนั้น ข้าพเจ้าจะเป็นพยานหลักฐานที่ให้ประโยชน์ต่อเขาในวันกิยามะฮ์”
ความยุติธรรมที่อิสลามได้บังคับใช้ก็คือ ความยุติธรรมต่อต่างศาสนิก ตามหลักนิติศาสตร์อิสลามกำหนดไว้ว่า การดูแลต่างศาสนิก หรือชนกลุ่มน้อยเป็นหน้าที่ของประเทศอิสลามจะต้องให้สิทธิทัดเทียมกับมุสลิมทุกประการ สิทธิในการดำเนินชีวิต ไม่บังคับให้เปลี่ยนศาสนา สิทธิประโยชน์ต่างๆ ได้รับการคุ้มครอง ซึ่งก่อนอิสลามยังไม่มีศาสนาใดที่ให้สิทธิความเสมอภาคเทียบเท่าศาสนาอิสลาม แม้แต่ยุโรปเองเพิ่งจะมีเสรีภาพเมื่อประมาณร้อยกว่าปีนี้เอง
ในอดีตท่านค่อลีฟะฮ์อุมัร ได้เคยสั่งเสียให้ผู้ที่จะมาเป็นค่อลีฟะฮ์ก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตว่า เขาจะต้องทำให้ครบถ้วนตามสัญญา สู้รบอยู่ในเขตแดน และ ไม่บังคับใช้งานจนเกินความสามารถ นี้คือสิ่งที่บรรดาค่อลีฟะฮ์และปวงปราชญ์ได้สั่งเสียไว้
ผู้นำ (อีหม่าม) ยังไม่ถือว่าเป็นผู้มีความเที่ยงธรรม จนกว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา หรือผู้ปฏิบัติงานของเขาจะได้รับความเป็นธรรม เพราะผู้นำต้องรับผิดชอบ และไม่อนุญาตให้ละเมิดสิทธิเสรีภาพของพวกเขา ดังท่านนบีมุฮัมมัด กล่าวว่า
“แท้จริงพวกที่ลงโทษมนุษย์ในโลกนี้พวกเขาจะถูกลงโทษในโลกหน้า”
ท่านยูซุฟ ได้รายงานหะดิษ ในเรื่องของการส่งเสริมให้มีความเมตตาสงสารผู้ที่ไม่ใช่มุสลิม และ ให้ปฏิบัติต่อเขาด้วยความดี อย่างไรก็ตามหะดิษนั้นครอบคลุมทั้งมุสลิมและไม่ใช่มุสลิม
ท่านอุมัร บิน ค็อฎฎ็อบ ได้กล่าวสุนทรพจน์กับประชาชนว่า : “ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ ว่า ฉันมิได้ส่งผู้สำเร็จราชการไปยังท่าน เพื่อจะกอบโกยเอาสิ่งดีๆ หรือเอาทรัพย์สินของพวกท่านทั้งหลาย หากใครกระทำการใดนอกเหนือจากนี้ ขอให้แจ้งมายังฉัน ฉันจะจัดการเอง”
เทคนิคในการเป็นผู้นำที่ดีในรูปแบบของอิสลาม ก็คือมุสลิมต้องมอบใจถวายกาย สวามิภักดิ์ต่ออัลลอฮ์ องค์เดียว การที่จะให้คนจำนวนมากทำกิจกรรมร่วมกัน ทำตามคำสั่งผู้นำนั้นเรื่องยาก ซึ่งแต่ละคนมีอัตตาของตนเอง เพราะผู้นำทางด้านจิตวิญญาณ เป็นผู้นำทางศาสนาไม่ใช่ผู้นำทางทหาร หรือตำรวจที่มีอำนาจเหนือกลุ่มชนในสังคม
ผู้นำทางศาสนา ควรใช้ศาสนาเป็นอาวุธทดสอบความดื้อรั้น ความมีทิฐิของกลุ่มชน การละหมาดรวมกันเป็นการรวมกลุ่มชนที่หลากหลายให้สยบอยู่ภายใต้ผู้นำเพียงคนเดียว ไม่มีมัสยิดใดที่มีอิหม่ามสองคนนำละหมาดในเวลาเดียวกัน
อิหม่าม (ผู้นำ) ต้องให้ความเสมอภาคในการบริหารไม่ว่าจะเป็นในแง่มุมของการปฏิบัติศาสนกิจ หรือแง่มุมของการบริหาร อิสลามให้ความเสมอภาคกับทุกปัจเจกชนที่อยู่ในสังคมไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดก็ตาม เพราะค่าของความเป็นคนเท่ากัน จะเป็น สีผิวเดียวกันหรือต่างกันก็ตาม
มนุษย์ไม่ว่าจะยากดีมีจนอย่างไร การแสดงออกทางความรู้สึกไม่แตกต่างกัน เวลาดีใจจะยิ้ม หัวเราะ เวลาเสียใจจะเงียบขรึม เคร่งเครียด ร้องไห้ การแสดงออกทางอารมณ์เช่นนี้ เป็นการแสดงออกที่เหมือนกันหมดทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนสีผิวใด หรือสัญชาติใด อัลลอฮ์ ได้ให้กำเนิดมนุษย์ทุกคนมาจากพ่อ แม่ คือ นบีอาดัม กับพระนางฮาวา
ท่านศาสดามุฮัมมัด ได้แสดงธรรมเมื่อครั้งทำฮัจญ์อำลาไว้ว่า
“โอ้มนุษย์ทั้งหลาย แท้จริงพระเจ้าของพวกเจ้าองค์เดียวกัน พ่อของพวกเจ้าคนเดียวกัน พึงทราบเถิดว่าคนอาหรับไม่ประเสริฐกว่าคนที่มิใช่อาหรับ คนที่ไม่ใช่อาหรับก็ไม่ประเสริฐไปกว่าอาหรับ คนผิวแดงไม่ประเสริฐไปว่าคนผิวดำ และคนผิวดำก็ไม่ประเสริฐไปกว่าคนผิวแดง นอกจากความยำเกรงต่ออัลลอฮ์ ”
อิสลามให้เกียรติและชื่นชมคนที่ทำความดี ซึ่งความศรัทธา ความยำเกรง ครอบคลุมทุกภาคส่วนของสังคมอิสลาม นอกจากจะไม่แบ่งแยกมุสลิมด้วยกันแล้ว ยังไม่แบ่งแยกผู้ที่นับถือต่างจากมุสลิมอีกด้วย
วารสาร มุสลิม กทม.