สภาพของการฟื้นคืนชีพในวันกิยามะฮ์
คอเฏ็บ อับดุลสลาม เพชรทองคำ
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย อัลหะดีษในบันทึกของอิมามอะหฺมัด อิบนิ ชัยบะฮฺ ท่านอัลบัซซาร ท่านอัฎฏ็อบรอนีย์ รายงานจากท่าน อิบนุ อับบาส เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุมาเล่าว่า ท่านเราะซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้กล่าวไว้ ความว่า
“ผู้ใดพูดคุยในขณะที่อิมามกำลังอ่านคุฏบะฮฺในวันศุกร์ เขาผู้นั้นเปรียบเสมือนลาที่แบกหนังสือ และผู้ใดที่กล่าวกับผู้นั้นว่า ..จงเงียบ.. ก็เปรียบเสมือนว่าเขาไม่ได้ละหมาดวันศุกร์”
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงสั่งใช้เราให้มีอัตตักวา คือมีความยำเกรงต่อพระองค์ เพราะการยำเกรงต่อพระองค์นั้น หากมีอยู่ในหัวใจของเราแล้ว มันก็จะเป็นเสมือนกำแพงที่ขวางกั้นเรา ไม่ให้ทำสิ่งที่เป็นชิริก สิ่งที่เป็นบิดอะฮฺ สิ่งที่เป็นมะอฺศิยะฮฺ สิ่งที่เป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และมันก็จะเป็นแรงผลักดันเราให้ปฏิบัติในสิ่งที่เป็นอิบาดะฮฺ สิ่งที่เป็นอะมัลศอและฮฺต่างๆ
ซึ่งผลของการที่เรามีความยำเกรงต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาก็คือ การที่เราได้ปกป้องตัวของเราเองให้รอดพ้นจากการถูกทรมานในกุบูร และปกป้องเราจากการถูกลงโทษในไฟนรกในวันกิยามะฮฺ สำหรับในโลกดุนยานี้ เราก็จะได้รับชีวิตที่ดีงาม และในโลกอาคิเราะฮฺเราก็จะได้รับรางวัลตอบแทนด้วยสวนสวรรค์และสิ่งพิเศษมากมายที่อยู่ภายในสวนสวรรค์นั้น
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย ในวันกิยามะฮฺ เมื่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงให้มนุษย์ทุกคนที่เกิดมาบนโลกดุนยา ตั้งแต่มนุษย์คนแรกจนกระทั่งคนสุดท้าย ได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมา เพื่อถูกสอบสวนในสิ่งที่พวกเขาได้ประพฤติปฏิบัติไว้ในโลกดุนยา และได้รับการพิพากษาตัดสินเพื่อตอบแทนในสิ่งที่พวกเขาได้ประพฤติปฏิบัติไว้ ซึ่งทุกคนจะฟื้นขึ้นมาในวันนั้นอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย อ้างว้าง
ในอัลกุรอานซูเราะฮฺมัรยัม อายะฮฺที่ 93 – 95 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า
«إِنْ كُلُّ مَنْ فِي السَّمَاوَاتِ وَالأرْضِ إِلا آتِي الرَّحْمَنِ عَبْدًا، لَقَدْ أَحْصَاهُمْ وَعَدَّهُمْ عَدًّا، وَكُلُّهُمْ آتِيهِ يَوْمَ الْقِيَامَةِ فَرْدًا»
“ไม่มีผู้ใดในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน เว้นแต่เขาจะมายังพระผู้ทรงกรุณาปรานีในฐานะบ่าวคนหนึ่ง ซึ่งแน่นอนที่สุดว่า พระองค์ทรงรอบรู้ถึงพวกเขา พร้อมทั้งทรงนับ(จำนวนของ)พวกเขาไว้อย่างถี่ถ้วนแล้ว
และทุกคนในพวกเขาจะมายังพระองค์ในวันกิยามะฮฺอย่างโดดเดี่ยว ( คือชุมนุมอยู่รวมกันนั่นแหละ แต่ว่าต่างคนต่างอยู่ พ่อแม่ลูก ญาติโกโหติกาก็ต่างคนต่างอยู่ ไม่มีใครเป็นเพื่อนใคร แต่ละคนก็จะอยู่อย่างอ้างว้าง หวาดกลัว )”
ทุกคนจะมารวมตัว ณ ที่ผืนแผ่นดินใหม่ที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาได้ทำการเปลี่ยนสภาพใหม่แล้ว ที่เรียกกันว่า ทุ่งมะห์ชัร มารวมตัวกันในสภาพที่เปลือยเท้า (ไม่สวมถุงเท้า ไม่สวมรองเท้า) ในสภาพที่เปลือยกาย (ไม่สวมใส่เสื้อผ้าเครื่องนุ่มห่มใดๆทั้งสิ้น ) อยู่ในสภาพที่ไม่ได้ทำเคาะตัม (คือไม่ได้ขลิบปลายอวัยวะเพศ เหมือนกับสภาพที่พวกเขาเกิดขึ้นมาในครั้งแรก )
อัลหะดีษมุตตะฟะกุนอะลัยฮฺ สำนวนที่นำมาใช้เป็นหลักฐานนี้เป็นสำนวนของอิมามมุสลิม รายงานจากท่านหญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮาเล่าว่า ได้ยินท่านเราะซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า
«يُحْشَرُ النَّاسُ يَوْمَ الْقِيَامَةِ حُفَاةً عُرَاةً غُرْلاً» قُلْتُ : يَا رَسُولَ اللَّهِ النِّسَاءُ وَالرِّجَالُ جَمِيعًا يَنْظُرُ بَعْضُهُمْ إِلَى بَعْضٍ ، قَالَ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : «يَا عَائِشَةُ الْأَمْرُ أَشَدُّ مِنْ أَنْ يَنْظُرَ بَعْضُهُمْ إِلَى بَعْضٍ» (متفق عليه)
“ในวันกิยามะฮฺ มนุษย์จะมารวมตัวกันในสภาพเปลือยเท้าเปลือยกาย มีหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ
ฉันจึงถามท่านเราะซูลว่า โอ้ท่านเราะซูล แล้วบรรดาหญิงชายจะมองเห็นซึ่งกันและกันหรือไม่
ท่านเราะซูลตอบว่า โอ้อาอิชะฮฺ สถานการณ์ในวันนั้นมันร้ายแรงแสนสาหัสเกินกว่าที่พวกเขาจะมองซึ่งกันและกัน”
ท่านพี่น้องครับ นี่แสดงให้เห็นถึงความน่าสะพรึงกลัวของวันกิยามะฮฺ ว่ามันหนักหนาสาหัสร้ายแรงมาก จนไม่มีใครสนใจเรื่องของใครแล้ว เพราะเหมือนกับว่า เรื่องของตัวเองก็จะเอาตัวไม่รอดแล้ว จึงไม่มีกะจิตกะใจที่จะไปสนใจเรื่องของคนอื่น
เมื่อมนุษย์ทุกคนมารวมตัวกัน มาอยู่ต่อหน้าอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา พวกเขาจะมาในสภาพที่ต่ำต้อย ยอมจำนนต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ในอัลกุรอานซูเราะฮฺอันนัมล์ อายะฮฺที่ 87 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า
وَيَوْمَ يُنفَخُ فِي الصُّورِ فَفَزِعَ مَن فِي السَّمَاوَاتِ وَمَن فِي الْأَرْضِ إِلَّا مَن شَاءَ اللَّهُ ۚ وَكُلٌّ أَتَوْهُ دَاخِرِينَ
“และในวันที่แตรสังข์(ครั้งแรก)จะถูกเป่าขึ้น แล้วผู้ที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและผู้ที่อยู่ในแผ่นดินก็จะตื่นตระหนกตกใจ (จนตายไป) เว้นแต่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ แล้ว(หลังจากที่แตรสังข์ครั้งที่สองถูกเป่า).......ทั้งหมดจะต้องมาหาพระองค์ในสภาพที่ ” دَاخِرِينَ ดาคิรีน ”
คำว่า ” دَاخِرِينَ ดาคิรีน ” คือสภาพที่ยอมจำนน สภาพที่อยู่ในความต่ำต้อย ...
ตอนอยู่บนโลกดุนยา วางตัวอวดเบ่งอวดโต มีเกียรติยศชื่อเสียง มีอำนาจ มีบารมี แต่พอไปในวันกิยามะฮฺ เขาก็จะมาในสภาพที่ ”ดาคิรีน” ต่ำต้อย ไม่กล้าอวดเบ่งอวดโต แต่อยู่ในสภาพที่ต้องยอมจำนนต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาเพียงองค์เดียว เพราะรู้แล้ว ทราบแล้วว่าพระองค์ทรงยิ่งใหญ่เพียงใด
สำหรับมุอ์มิน ผู้ยำเกรงเขาก็จะอยู่ในสภาพที่นอบน้อมยอมจำนนต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาอยู่แล้ว ซึ่งอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงทราบเป็นอย่างดีว่า คนที่ยอมจำนนนั้นใครเป็น ใครคือคนฝ่าฝืนดื้อดึง หรือใครเป็นผู้ศรัทธาเป็นมุอ์มินผู้ยำเกรง
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย ในขณะที่มนุษย์ฟื้นคืนชีพขึ้นมาในวันกิยามะฮฺนั้น จะปรากฎใบหน้าอยู่สองลักษณะ คือใบหน้าที่ขาวผ่อง กับใบหน้าที่ดำคล้ำ ในอัลกุรอานซูเราะฮฺอาละอิมรอน อายะฮฺที่ 106 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า
يَوْمَ تَبْيَضُّ وُجُوهٌ وَتَسْوَدُّ وُجُوهٌ ۚ
“วัน(กิยามะฮฺ) ซึ่งบรรดาใบหน้าจะขาวผ่อง กับบรรดาใบหน้าจะดำคล้ำ...”
ท่านอับดุลลอฮฺ อิบนิ อับบาส เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา เศาะฮาบะฮฺคนสำคัญท่านหนึ่งของอิสลามอธิบายตรงส่วนนี้ว่า
ในวันกิยามะฮฺนั้น ผู้ที่ “ تَبْيَضُّ وُجُوهٌ บรรดาใบหน้าจะขาวผ่อง “ หมายถึง ใบหน้าของผู้ศรัทธา ใบหน้าของผู้ที่เป็นชาวอะฮฺลุซซุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺ
สำหรับ “ تَسْوَدُّ وُجُوهٌ บรรดาใบหน้าจะดำคล้ำ” หมายถึงใบหน้าของพวกอะฮฺลุลบิดอะฮฺ หรือพวกที่ชอบทำบิดอะฮฺ และพวกที่สร้างความแตกแยก ซึ่งรวมไปถึงใบหน้าของผู้ปฏิเสธ ผู้ที่ฝ่าฝืน มุนาฟิก บุคคลเหล่านี้จะมีใบหน้าดำคล้ำ
พวกเขาจะถูกนำมาเป็นกลุ่มๆ มารวมตัวกัน สำหรับบรรดาผู้ที่ใบหน้าขาวผ่อง บรรดาผู้ศรัทธา ผู้ที่มีอัตตักวา มีความยำเกรง พวกเขาจะถูกนำมารวมตัวเป็นกลุ่มๆอย่างมีเกียรติต่อหน้าอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ในอัลกุรอานซูเราะฮฺมัรยัม อายะฮฺที่ 85 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า
يَوْمَ نَحْشُرُ الْمُتَّقِينَ إِلَى الرَّحْمَنِ وَفْدًا
“วันที่เราจะนำบรรดาผู้ยำเกรงมารวมกันเป็นกลุ่มๆต่อหน้าผู้ทรงกรุณาปรานี”
ซึ่งพวกเขาจะได้อยู่ในความเมตตาของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตลอดกาล ในอัลกุรอานซูเราะฮฺอาละอิมรอน อายะฮฺที่ 107 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า
وَأَمَّا الَّذِينَ ابْيَضَّتْ وُجُوهُهُمْ فَفِي رَحْمَةِ اللَّهِ هُمْ فِيهَا خَالِدُونَ
“และสำหรับบรรดาผู้ที่ใบหน้าขาวผ่องนั้น พวกเขาจะอยู่ในความเมตตาของอัลลอฮฺ
โดยที่พวกเขาจะอยู่ในความเมตตานั้นตลอดกาล”
นั่นก็คือ ผู้ศรัทธา ผู้ยำเกรงจะได้อยู่ ได้พำนักอยู่ในสวรรค์ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตลอดกาล
ส่วนบรรดาผู้ที่ใบหน้าดำคล้ำ บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา พวกเขาจะถูกนำมารวมตัวเหมือนกัน แต่มาในสภาพที่ไร้เกียรติ มีแต่ความอัปยศอดสู ในอัลกุรอานซูเราะฮฺอัลอิสรออ์ ส่วนกลางของอายะฮฺที่ 97 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า
وَنَحْشُرُهُمْ يَوْمَ الْقِيَامَةِ عَلَىٰ وُجُوهِهِمْ عُمْيًا وَبُكْمًا وَصُمًّا ۖ مَّأْوَاهُمْ جَهَنَّمُ ۖ
“และเราจะรวบรวมพวกเขาในวันกิยามะฮฺ ... (พวกเขา)ถูกลากคว่ำหน้า ในสภาพตาบอด เป็นใบ้และหูหนวก ที่พำนักของพวกเขาคือนรกญะฮันนัม” (อันเป็นที่อยู่ที่พำนักตลอดกาลเช่นกัน)
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย ทั้งหมดที่พูดมาก็คือ สภาพเพียงบางส่วนเท่านั้นในขณะที่มนุษย์ฟื้นคืนชีพขึ้นมาในวันกิยามะฮฺ ที่เราทุกคนต้องประสบอย่างแน่นอน ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลย จะหนีไปทางไหนก็ไม่ได้ ไม่มีหนทางให้หนีไปได้ มีแต่จะต้องเผชิญหน้ากับมันอย่างแน่นอน เป็นเรื่องของสิ่งเร้นลับที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงนำมาบอกกับเรา เป็นเรื่องที่ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม นำมาตักเตือนเรา เพื่อให้เราได้รู้ถึงสิ่งที่เราต้องเผชิญในวันนั้น
เราจะได้จัดการกับตัวเราได้ถูก จะได้เตรียมตัวเราเสียตั้งแต่ในโลกดุนยา ให้เราได้ดำรงตนเป็นผู้ที่มีอัตตักวาต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาอย่างจริงจัง ปฏิบัติอะมัลศอและฮฺ ปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์ ปฏิบัติตามแบบอย่างของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ปฏิบัติในสิ่งที่เป็นคุณงามความดีตามบทบัญญัติศาสนา ออกห่างจากสิ่งที่เป็นความชั่ว สิ่งที่เป็นการละเมิดต่อบทบัญญัติศาสนา สิ่งไหนที่ทำผิดพลาดพลั้งไป ก็ให้รู้สำนึกตัว ขออภัยโทษ เตาบะฮฺกลับเนื้อกลับตัวเสียก่อน ก่อนที่จะสายเกินไป
ในอัลกุรอานซูเราะฮฺอัลอันอาม อายะฮฺที่ 160 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า
مَن جَاءَ بِالْحَسَنَةِ فَلَهُ عَشْرُ أَمْثَالِهَا ۖ وَمَن جَاءَ بِالسَّيِّئَةِ فَلَا يُجْزَىٰ إِلَّا مِثْلَهَا وَهُمْ لَا يُظْلَمُونَ
“(ในวันกิยามะฮฺ)ใครที่นำคุณงามความดีมา เขาก็จะได้รับคุณงามความดีมากกว่าที่เขาได้ทำไว้ถึงสิบเท่า และใครที่นำความชั่วมา เขาจะไม่ถูกตอบแทนนอกจากสิ่งที่เขาได้ทำไว้ และเขาจะไม่ถูกอธรรมแต่อย่างใด”
ดังนั้น ในโลกดุนยานี้ ใครที่ปฏิบัติตามคำสั่งของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา กำชับผู้คนให้ยึดมั่นในบทบัญญัติศาสนา ห้ามปรามผู้คนจากการละเมิดบทบัญญัติศาสนา และตัวเขาเองก็ปฏิบัติด้วย เขาจะได้รับการตอบแทนที่ดีมากกว่าสิ่งที่เขาได้ทำไว้ถึงสิบเท่า อันนี้เป็นอย่างน้อย และมันอาจจะเพิ่มถึง 700 เท่า หรือจนกระทั่งเขาจะได้รับอย่างไม่สิ้นสุด หากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงประสงค์ ...
หากเขาแค่เพียงนึกตั้งใจว่าจะทำความดีอย่างหนึ่ง แต่เขายังไม่ได้ทำมัน เขาก็จะได้รับการบันทึกไว้แล้ว 1 ความดี และเขาก็จะได้รับความมั่นคง ได้รับความปลอดภัยจากความตื่นตระหนก จากความหวาดกลัวของวันกิยามะฮฺ นี่คือผลตอบแทนที่ผู้ยำเกรงต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาจะได้รับ
แต่ในส่วนของความชั่ว ใครที่นึกจะทำความชั่ว ทำสิ่งที่ฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติศาสนา แต่ยังไม่ได้ทำ จะไม่ถูกบันทึกสิ่งใดแก่เขาทั้งสิ้น แต่หากเขาทำมัน เขาจะถูกบันทึก 1 ความชั่ว ตามที่เขาได้กระทำไว้ นี่คือความเมตตาของพระองค์ ที่ไม่ได้เพิ่มโทษให้แก่เขา และพวกเขาจะถูกลงโทษด้วยการที่ใบหน้าของพวกเขาถูกโปะลงไปในไฟนรก (ในซูเราะฮฺอันนัมล์ อายะฮฺที่ 90) นี่คือผลตอบแทนของคนที่ฝ่าฝืนดื้อดึงนำมาซึ่งความชั่วที่จะได้รับ
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย สุดท้ายนี้ ขออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาได้โปรดช่วยเหลือเราให้เป็นผู้ที่ดำรงตนเป็นผู้ที่มีอัตตักวา ยึดมั่นและปฏิบัติตามคำสั่งของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ปฏิบัติตามแบบอย่างของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ออกห่างจากการละเมิดบทบัญญัติศาสนา เพื่อที่ในวันกิยามะฮฺ เราจะได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาด้วยใบหน้าที่ขาวผ่อง ไม่ดำคล้ำ
มัสยิดดารุ้ลอิหฺซาน บางอ้อ