แบบฉบับที่ดีงามของมุอฺมินะฮฺ
สุดยอดของความอดทนและสุดยอดของความละอาย ♥
ท่านอะลี อิบนฺ อะบีฏอลิบ ซึ่งเป็นหลานและบุตรเขยของท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้เล่าถึงชีวิตภายในครอบครัวของท่านให้ฟังว่า
ฟาฏิมะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา ซึ่งเป็นบุตรสาวของท่านร่อซุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และเป็นภรรยาของฉัน ได้ปฏิบัติหน้าที่ของนางในฐานะเป็นแม่บ้านอย่างสมบูรณ์
นางไม่เคยบ่นถึงความ เหนื่อยยาก เพื่อเรียกร้องขอคนรับใช้มาช่วยทำงานบ้านเลย
ตั้งแต่โม่แป้งเพื่อทำขนมปังจนกระทั่งมือทั้งสองของนางเป็นรอยด้าน
นางได้ออกไปตักน้ำและแบกมาเพื่อเอามาใช้ในบ้าน
นางได้เก็บกวาดทำความสะอาดในบ้าน จนกระทั่งเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนด้วยฝุ่น และ
นางได้จุดไฟเพื่อหุงต้นจนกระทั่งเสื้อผ้าของนางมีกลิ่นควันไฟ นี่คือความอดทนของนางในการทำหน้าที่เป็นแม่บ้านเพื่อสามีของนาง
อีกเรื่องหนึ่ง คือ เรื่องความละอายของสตรีเพศ นางได้ให้ทัศนะของนางไว้ตรงกับทัศนะของบิดาของนางคือ
ครั้งหนึ่ง ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวถามบรรดาศ่อฮาบะฮฺว่า สตรีที่ดียิ่งคือสตรีชนิดใด?
ไม่มีใครสักคนในหมู่ศ่อฮาบะฮฺที่จะให้คำตอบแก่ท่านได้
ท่านอะลี ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ซึ่งนั่งอยู่ในหมู่ศ่อฮาบะฮฺก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะให้คำตอบอย่างไร! ครั้นเมื่อท่านกลับไปบ้าน และได้เล่าเรื่องให้ภริยาของท่านฟังเกี่ยวกับคำถามดังกล่าว
ฟาฏิมะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา ได้กล่าวขึ้นว่า ทำไมท่านจึงไม่ตอบแก่ท่านนบีว่า สตรีที่ดียิ่งในหมู่สตรีเพศนั้นคือ “นางจะไม่เห็นผู้ชายและผู้ชายก็จะไม่เห็นนาง”
เมื่อได้ยินคำตอบของภริยาของท่านเช่นนั้น ท่านอะลี อิบนฺ อะบีฏอลิบ ก็ได้กลับไปหาท่าน ร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และเฉลยปัญหาตามที่ได้ฟังมาจากภริยาของเขา
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ย้อนถามท่านอะลี ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่า ใครเป็นคนสอนเจ้าเช่นนั้น?
ท่านอะลีตอบว่า “ฟาฏิมะฮฺ”
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จึงกล่าวว่า “นางคือส่วนหนึ่งจากฉัน”
พี่น้องมุอฺมินะฮฺผู้ศรัทธาทั้งหลาย !
จงพิจารณาและใคร่ครวญดูซิว่า ฟาฏิมะฮฺบุตรสาวของท่านร่อซูลุลลอฮฺ ผู้เป็นภริยาของท่านอะลี อิบนฺ อะบีฏอลิบ เธอได้ปฏิบัติหน้าที่แม่บ้านอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ คือ โม่แป้ง เพื่อทำขนมปัง เก็บกวาด ทำความสะอาดบ้าง จุดไฟโดยใช้ฟืนเพื่อประกอบอาหาร และเลี้ยงดูลูก เธอมิได้อึดอัดใจหรือบ่นไม่พอใจ ตรงกันข้าม เธอมีความพอใจและถือเป็นหน้าที่หลักเพราะเธอตระหนักดีว่า หน้าที่ของสตรีคืออยู่กับเหย้า เฝ้ากับเรือน
นอกจากเธอจะปฏิบัติตามคำสั่งใช้ของพระเจ้าของเธอแล้ว เธอยังให้เกียรติแก่บิดาของเธอ ซึ่งได้พร่ำสอน ตักเตือนประชาชาติของท่านให้หลีกเลี่ยงจากการตกเป็นเหยื่อของไฟนรก เพราะท่านกล่าวเตือนไว้ว่า “ผู้ที่อยู่ในนรกนั้นส่วนใหญ่เป็นสตรีเพศ”
ฟาฏิมะฮฺ บุตรสาวของท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และภริยาของท่านอะลี อิบนฺ อะบีฏอลิบ ได้แสดงให้เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วมิใช่หรือถึงแบบฉบับอันดีงามของมุอฺมินะฮฺผู้ศรัทธาในการอดทนถึงขั้นสุดยอด แล้วท่านเหล่าพี่น้องมุอฺมินะฮฺผู้ศรัทธาทั้งหลายจะไม่ยึดถือปฏิบัติตามแบบฉบับอันดีงามนี้บ้างหรือ?
ส่วนในเรื่องการเฉลยปัญหาความละอายของสตรีเพศนั้นเล่า เธอได้ตอบคำถามของบิดาของเธอว่า
สตรีที่ดียิ่งในหมู่สตรีเพศนั้นคือ “นางจะไม่เห็นผู้ชาย และผู้ชายก็จะไม่เห็นนาง”
จะมีความละอายชนิดใดเล่าจะยิ่งใหญ่ไปกว่าความละอายที่เธอกล่าวถึงนี้ ความดีที่เป็นสุดยอดของความดีของสตรีเพศ คือ นางจะต้องปลีกตัวให้ห่างจากสังคมของผู้ชาย และผู้ชายจะต้องปลีกตัวให้ห่างจากสังคมของเธอ
พี่น้องมุอฺมินะฮฺผู้ศรัทธาทั้งหลาย !
จงพิจารณาใคร่ครวญดูซิว่า ในสังคมปัจจุบันนี้สตรีเพศปฏิบัติตัวกันอย่างไร?
เธอมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะมองดูผู้ชาย เธอชอบที่จะสนทนากับผู้ชาย ชอบที่จะติดต่อและสังคมกับผู้ชาย ชอบที่จะ เข้าไปคลุกคลีปะปนกับผู้ชายในซุปเปอร์มาร์เก็ต ที่มีอากาศชุ่มฉ่ำเย็นสบาย ตามถนนหนทาง ในรถเมล์ประจำทาง ในวงการโทรทัศน์ แม้แต่กระทั่งในมัสยิดโดยไม่มีขอบเขต
ดังนั้น ความดีงามทั้งหลายจึงสูญหายไป ความชั่วในรูปแบบต่างๆ จึงเข้ามาแทนที่ “วัลอะยา ซุบิลลาฮฺ” ขออัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงคุ้มครองพวกเราด้วย
แล้วท่านเหล่าพี่น้องมุอฺมินะฮฺผู้ศรัทธาทั้งหลาย ท่านจะไม่ยึดถือปฏิบัติตามแบบฉบับอันดีงามในการอดทนและความละอายของฟาฏิมะฮฺ อัซซะฮฺร็ออฺ บ้างหรือ?
ท่านจะไม่ยึดถือแบบอย่างอันดีเลิศของผู้นำสตรีแห่งชาวสวรรค์บ้างหรือ ? !
บทความจากเอกสารอัลอิศลาห์อันดับที่ 236-237