ผู้ นำ
โดย อ.มุนีร มูหะหมัด
ผู้นำตามที่ปรากฏในตัวบทหะดีษ “อิมาม” ซึ่งมีหน้าที่ในการปกครองดูแลผู้ที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบและผู้ที่อยู่ภายใต้การปกครอง
โดยเหตุนี้ อิมามจึงมีความหมายรวมตั้งแต่มุสลิมผู้ทำหน้าที่ประมุขในการปกครองในระดับประเทศ ผู้นำมุสลิมที่ทำหน้าที่ปกครองประชาคมมุสลิมในประเทศที่ไม่ใช่ประเทศอิสลาม ตลอดจนผู้นำซึ่งทำหน้าที่บริหารกิจการของมุสลิมในระดับต่างๆ จนถึงอิมามประจำมัสญิด ประธานชุมชน ผู้ว่าราชการ ผู้อำนวยการเขต ผู้อำนวยการโรงเรียน หัวหน้าหน่วยงานต่างๆ
ตำแหน่งอิมามเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญ เมื่อนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม บรรดาซอฮาบะฮ์ได้ให้สัตยาบันคัดเลือกผู้ที่ดีที่สุด ผู้ที่เหมาะสมที่สุดให้ดำรงตำแหน่งอิมามหรือผู้ปกครองซึ่งเรียกว่า “คอลีฟะฮ์” ซึ่งเป็นแนวทางให้แก่บรรดามุสลิมยุคต่อๆ มาในการคัดสรรผู้นำหรืออิมามของพวกเขาสืบมา และทำให้บรรดานักวิชาการกำหนดเงื่อนไขของผู้ที่ดำรงตำแหน่งอิมามหรือผู้นำ ดังนี้
ก. เป็นมุสลิม จำเป็นที่ผู้นำของมุสลิมจะต้องนับถือศาสนาอิสลาม เพราะจะทำให้เขามีความเข้าใจบัญญัติศาสนาและระเบียบปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับบรรดามุสลิม
ข. เป็นผู้ดำรงธรรม ผู้ที่เป็นอิมามจะต้องยึดมั่นในคุณธรรม ยึดมั่นในจรรยามารยาทที่ดีงาม มีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่เป็นคนทุจริต ตะบัดสัตย์ เป็นผู้เสียสละ มีจิตเมตตา ไม่เห็นแก่ตัว มีความเที่ยงตรง ไม่ลำเอียงไปในทางทุจริต มีความอ่อนโยน ไม่อ่อนแอ มีความเข้มแข็ง ไม่หยาบกระด้าง
ค. มีความรู้ ถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญสำหรับผู้นำ ทั้งความรู้ทางศาสนาและความรู้ทางโลก เพราะผู้นำจะต้องทำหน้าที่หลายๆ อย่าง ซึ่งผู้ที่อยู่ภายใต้การดูแลอาจจะไม่มีความรู้ และจะต้องจัดการปัญหาที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันจะต้องมีความสามารถในการบริหารจัดการด้วยเช่นกัน
ง. มีความเข้มแข็ง ทั้งทางการศรัทธา มีพลังกาย พลังใจ และพลังสติปัญญา เพราะว่าผู้นำต้องทุ่มเทความอุตสาหะในการปฏิบัติหน้าที่ มิได้หมายความว่า หน้าที่อิมามคือ การนำละหมาด และนำปฏิบัติในสิ่งที่เป็นศาสนกิจเพียงเท่านั้น มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องรับผิดชอบและจะต้องถูกสอบสวนในวันกิยามะฮ์
จากอบู ซัร อัล ฆิฟารีย์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า
ฉันกล่าวว่า “โอ้ ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ท่านไม่แต่งตั้งให้ฉันทำหน้าที่บ้างหรือ ?”
เขากล่าวว่า “ท่านร่อซูลใช้มือตบที่ไหล่ของฉัน แล้วกล่าวว่า”
“โอ้อบูซัร แท้จริง ท่านเป็นคนอ่อนแอ แท้จริงตำแหน่งอิมาม ผู้ปกครองเป็นความรับผิดชอบ
และแท้จริง ตำแหน่งนี้ในวันกิยามะฮ์เป็นความอัปยศและความทุกข์ระทม
นอกจากผู้ที่ยึดมันไว้ โดยมีความตระหนักในสิทธิของมัน และปฏิบัติตามหน้าที่ของมันโดยครบถ้วน”
( บันทึกโดย มุสลิม)
ด้วยเหตุนี้ บรรดาผู้มีหน้าที่รับผิดชอบทั้งหลาย พึงสังวรไว้ด้วยว่า บรรดาตำแหน่งต่างๆ ที่ท่านทั้งหลายดำรงอยู่ หรือพยายามไขว่คว้า โดยเชื่อว่า เป็นสิ่งที่มีเกียรติแสดงถึงอำนาจและเชิดหน้าชูตาในโลกดุนยา มันอาจจะกลายเป็นบ่วงกรรมแห่งความอัปยศ และความหายนะสำหรับท่านในโลกอาคีเราะฮ์ก็ได้ ถ้าหากว่าท่านไม่ทำหน้าที่อย่างครบถ้วนสมบูรณ์
จ. เป็นผู้ชาย ผู้นำจะต้องเป็นผู้ชาย ไม่อนุญาตให้ผู้หญิงเป็นผู้นำ ประเทศมุสลิมบางประเทศที่มีผู้หญิงเป็นประมุข ถือว่า ไม่ถูกต้อง ผู้ที่มีความศรัทธาว่า อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เป็นพระเจ้าของเขา และศรัทธาว่า นบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เป็นร่อซูลของเขาจะไม่ทำเช่นนั้น และจะไม่เอาบัญญัติของอัลลอฮ์ไปแลกเปลี่ยนกับทัศนะที่ไร้ค่า ของบรรดาผู้เปลี่ยนบัญญัติของอัลลอฮ์และทัศนะของชนต่างศาสนา
จากอัล หะซัน จากอบี บักเราะฮ์ กล่าวว่า “แน่นอนยิ่ง พระองค์อัลลอฮ์ ทรงให้ฉันได้รับประโยชน์ด้วยถ้อยคำที่ฉันได้ยินจากท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ในวันสงครามอูฐ หลังจากที่ฉันได้เข้าร่วมกับบรรดาผู้ร่วมในการทำสงครามอูฐ ฉันได้ทำสงครามร่วมกับพวกเขา”
เขากล่าวว่า “เมื่อท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม รู้ว่าชาวเปอร์เซียได้แต่งตั้งให้ลูกสาวของกิสรอเป็นกษัตริย์ปกครองพวกเขา “
ท่านกล่าวว่า “กลุ่มชนหนึ่งจะไม่ประสบความสำเร็จ โดยที่พวกเขาแต่งตั้งให้สตรีทำหน้าที่บริหารกิจการของพวกเขา”
(บันทึกโดย อัลบุคอรีย์)
ตำแหน่งผู้นำ หรืออิมาม เป็นตำแหน่งที่มีเกียรติ ขณะเดียวกันก็มีหน้าที่ซึ่งต้องรับผิดชอบอย่างสูงสุด ซึ่งสรุปได้จากคำปราศรัยของคอลีฟะฮ์อบูบักร ท่านได้กล่าวคำปราศรัยหลังจากที่ได้รับฉันทามติให้ดำรงตำแหน่งคอลีฟะฮ์ว่า
“โอ้ ประชาชนทั้งหลาย แท้จริง ฉันได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ปกครองทั้งหลาย
ฉันมิใช่ผู้ที่ดีที่สุดใน พวกท่าน ดังนั้น ถ้าหาว่า ฉันทำดี ท่านทั้งหลายก็จงให้การช่วยเหลือฉัน
และถ้าหากว่า ฉันออกนอกแนวทาง ท่านทั้งหลายก็จงนำฉันสู่หนทางที่เที่ยงตรง
การพูดจริง เป็นความซื่อสัตย์ และการโกหกเป็นการบิดพลิ้ว
ผู้ที่อ่อนแอในพวกท่านคือ ผู้ที่แข็งแรง ณ ที่ฉัน จนกว่าฉันจะได้นำเอาสิทธิของเขากลับคืนให้แก่เขา
ผู้ที่แข็งแรง คือ ผู้ที่อ่อนแอ ณ ที่ฉันจนกว่าฉันจะได้เอาสิทธิ (ของผู้อื่น) คืนจากเขา
อินชาอัลลอฮ์ หากอัลลอฮ์ประสงค์ คนหนึ่งในพวกท่านจงอย่าละทิ้งการญิฮาด
แท้จริง ไม่มีกลุ่มชนใดละทิ้งการญิฮาด นอกจากอัลลอฮ์จะทรงให้ความตกต่ำประสบกับพวกเขา
ท่านทั้งหลายจงเชื่อฟังฉันให้สิ่งที่ฉันเชื่อฟังอัลลอฮ์และร่อซูลของพระองค์
ถ้าหากว่า ฉันฝ่าฝืนอัลลอฮ์ ท่านทั้งหลายก็ไม่ต้องเชื่อฟังฉัน”
จากคำปราศรัยนี้แสดงว่า ผู้นำมีสิทธิใช้อำนาจตามบัญญัติของอัลลอฮ์ และไม่มีสิทธิ์ใช้อำนาจในการฝ่าฝืนบัญญัติของพระองค์
ท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา กล่าวว่า ฉันได้ยินท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม พูดในบ้านของฉันนี้ความว่า
“โอ้ อัลลอฮ์ ผู้ใดที่บริหารกิจการใดแก่ประชาชาติของฉัน แล้วเขาเข้มงวดจนเกินเหตุกับพวกเขา ขอพระองค์ทรงเข้มงวดกับเขาด้วย
และผู้ใดที่บริหารกิจการใดแก่ประชาชาติของฉันแล้วเขามีความอ่อนโยนกับพวกเขา ขออัลลอฮ์ทรงอ่อนโยนกับเขาด้วย”
(บันทึกโดยมุสลิม)
ผู้หญิงมีหน้าที่ในการบริหาร และบังคับบัญชาภารกิจที่เกี่ยวข้องกับพวกนาง ( ผู้หญิงด้วยกัน )