การเป็นประชาชาติเดียวกัน(อุมมะห์วาฮิดะ)
  จำนวนคนเข้าชม  7089


การเป็นประชาชาติเดียวกัน(อุมมะห์วาฮิดะ)

 

เรียบเรียงโดย อิสมาอีล กอเซ็ม

 

          ปัจจุบันกระแสเรียกร้องความเป็นเอกภาพให้เกิดขึ้นในประชาชาติอิสลามเป็นสิ่งที่บรรดานักวิชาการอิสลาม ต่างให้การเอาใจใส่และทุ่มเทความพยายามที่จะสร้างความเป็นหนึ่งเดียวให้เกิดขึ้นกับประชาชาติอิสลาม ซึ่งเหล่าศัตรูอิสลามต่างไม่ต้องการที่จะเห็นการรวมตัวเป็นกลุ่มเป็นก้อนสมานสามัคคีให้เกิดขึ้นในประชาชาติอิสลาม เราจึงเห็นความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในประเทศอิสลามอย่างมากมาย ทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก จนทำให้บรรดามุสลิมที่กล่าวคำปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ถูกเคารพโดยเที่ยงแท้นอกจากอัลลอฮฺ และมูฮัมหมัดเป็นรอซูลของพระองค์มีการแตกแยกกันอย่างมากมาย 

 

         สาเหตุที่ทำให้ประชาชาติอิสลามแตกแยกมีมากมายหลายสาเหตุด้วยกัน บางครั้งด้วยกับความเข้าใจในตัวบทศาสนา บางครั้งด้วยกับปัจจัยทางการเมืองการปกครอง บางครั้งด้วยกับการขาดความรู้ความเข้าใจในศาสนา และบางครั้งด้วยกับการวางแผนบ่อนทำลาย สร้างความเกลียดชังให้เกิดขึ้นในกลุ่มมุสลิมจากบรรดาศัตรูอิสลาม 

 

         การทำความเข้าใจที่จะนำไปสู่ความปรองดองและความสามัคคีในประชาติอิสลามนั้นมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวด มีตัวบทมากมายที่เรียกร้องบรรดามุสลิมให้มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน 

 

قال تعالى: {إِنَّ هَـٰذِهِ أُمَّتُكُمْ أُمَّةً وَاحِدَةً وَأَنَا رَبُّكُمْ فَاعْبُدُونِ} [الأنبياء:٩2]، وقال جل وعلا: {يَا أَيُّهَا الرُّسُلُ كُلُوا مِنَ الطَّيِّبَاتِ وَاعْمَلُوا صَالِحًا ۖ إِنِّي بِمَا تَعْمَلُونَ عَلِيمٌ . وَإِنَّ هَـٰذِهِ أُمَّتُكُمْ أُمَّةً وَاحِدَةً وَأَنَا رَبُّكُمْ فَاتَّقُونِ} [المؤمنون: 51-52].

 

โอ้ บรรดาร่อซูลเอ๋ย ! พวกเจ้าจงบริโภคส่วนที่ดี (ฮะล้าล) และจงกระทำความดีเถิด

เพราะแท้จริง ข้ารอบรู้สิ่งพวกเจ้ากระทำ

 

แท้จริงนี่คือประชาชาติของพวกเจ้า เป็นประชาชาติเดียวกัน

และข้าคือพระเจ้าของพวกเจ้าฉะนั้นพวกเจ้าจงยำเกรงต่อข้า

 

อิบนูกะซีรได้อธิบายอายะห์นี้ไว้ว่า หมายถึงศาสนาของพวกเจ้า โอ้บรรดานบี ศาสนาเดียวกัน แนวทางเดียวกัน 

 

ท่านเชค อัซซะดีย์ รอฮิมาอุลลอฮฺได้อธิบายอายะห์นี้ไว้ว่า 

 

{ وَإِنَّ هَذِهِ أُمَّتُكُمْ أمَّةً }     “ก็คือศาสนาเดียวกันพระเจ้าเดียวกัน

 

         จงปฏิบัติตามคำสั่งของฉันและละทิ้งจากสิ่งที่ต้องห้าม และอัลลอฮฺตาอาลา ได้ใช้บรรดาผู้ศรัทธา สิ่งเดียวกันกับที่พระองค์ได้ใช้บรรดารอซูล เนื่องจากพวกเขาคือแบบอย่างที่บรรดาผู้ศรัทธาต้องปฏิบัติตามและมีแนวทางที่ต้องปฏิบัติตาม

 (จากตัฟซีรอัซซะดีย์)

 

         ความเข้าใจอายะห์ข้างต้นอัลลอฮฺได้บอกให้เราทราบว่า บรรดารอซูลของพระองค์ทั้งหมดที่ถูกส่งมา มีศาสนาเดียวกัน มีพระเจ้าเดียวกัน และเรียกร้องไปสู่สิ่งเดียวกัน คือการเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺ และไม่นำสิ่งอื่นมีเทียบเคียงกับพระองค์ในการเคารพภักดี

         ภารกิจรอซูลทั้งหมดคือเรียกมนุษย์ทุกคนมาสู่การเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺเพียงพระองค์เดียว เพราะความเป็นเอกภาพของประชาชาติอิสลามจะเกิดขึ้นได้ นั้นต้องตั้งอยู่บนศาสนาเดียวกัน หลักความเชื่อเดียวกัน พระเจ้าเดียวกัน ดังนั้นจึงเป็นภารกิจของบรรดาผู้ที่มีความรู้จะต้องทำหน้าที่เหมือนที่บรรดารอซูลได้มีแบบอย่างไว้ในการสร้างประชาติเดียวกัน แน่นอนการอยู่ร่วมกันในสังคม ความเห็นต่างย่อมจะต้องเกิดขึ้น แต่ความเห็นต่างนั้นจะต้องได้รับการแก้ไขได้รับการประนีประนอม มีกลุ่มคนที่ต้องมาสร้างความปรองดองเพื่อที่จะทำให้มุสลิมได้รอดพ้นจากความแตกแยก 

 

وَإِن طَائِفَتَانِ مِنَ الْمُؤْمِنِينَ اقْتَتَلُوا فَأَصْلِحُوا بَيْنَهُمَا ۖ فَإِن بَغَتْ إِحْدَاهُمَا عَلَى الْأُخْرَىٰ فَقَاتِلُوا الَّتِي تَبْغِي حَتَّىٰ تَفِيءَ إِلَىٰ أَمْرِ اللَّهِ ۚ فَإِن فَاءَتْ فَأَصْلِحُوا بَيْنَهُمَا بِالْعَدْلِ وَأَقْسِطُوا ۖ إِنَّ اللَّهَ يُحِبُّ الْمُقْسِطِينَ (9)

 

         “และหากมีสองฝ่ายจากบรรดาผู้ศรัทธาทะเลาะวิวาทกัน พวกเจ้าก็จงไกล่เกลี่ยระหว่างทั้งสองฝ่าย หากฝ่ายหนึ่งในสองฝ่ายนั้นละเมิดอีกฝ่ายหนึ่ง พวกเจ้าก็จงปรามฝ่ายที่ละเมิดจนกว่าฝ่ายนั้นจะกลับสู่พระบัญชาของอัลลอฮฺ ฉะนั้นหากฝ่ายนั้นกลับ (สู่พระบัญชาของอัลลอฮฺ) แล้ว พวกเจ้าก็จงประนีประนอมระหว่างทั้งสองฝ่ายด้วยความยุติธรรม และพวกเจ้าจงให้ความเที่ยงธรรม(แก่ทั้งสองฝ่าย) เถิด แท้จริงอัลลอฮฺทรงรักใคร่บรรดาผู้ให้ความเที่ยงธรรม

 

          จากอายะห์นี้ชี้ให้เห็นว่า การที่มุสลิมได้มีข้อพิพาทจนถึงขั้นทะเลาะมีการต่อสู้กัน จะยังไม่ได้ทำให้ความเป็นผู้ศรัทธาของเขาให้หายไป อัลลอฮฺยังยอมรับการเป็นผู้ศรัทธาจากทั้งสองฝ่าย โดยที่พระองค์ยังคงได้เรียกร้องให้มีกลุ่มคนอีกกลุ่มเข้าเจรจาหาข้อยุติจากทั้งสองฝ่ายเพื่อนำไปสู่การปรองดอง โดยที่พระองค์ยังเรียกพวกเขาว่าเป็นผู้ศรัทธา

 

إِنَّمَا الْمُؤْمِنُونَ إِخْوَةٌ فَأَصْلِحُوا بَيْنَ أَخَوَيْكُمْ ۚ وَاتَّقُوا اللَّهَ لَعَلَّكُمْ تُرْحَمُونَ (10)

 

แท้จริง บรรดาผู้ศรัทธานั้นเป็นพี่น้องกัน ดังนั้นพวกเจ้าจงไกล่เกลี่ยประนีประนอมกันระหว่างพี่น้องทั้งสองฝ่ายของพวกเจ้า

และจงยำเกรงอัลลอฮฺเถิด หวังว่าพวกเจ้าจะได้รับความเมตตา

 

          ปัจจุบันความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคมมุสลิมมีมากมาย สิ่งที่จำเป็นก็คือการสร้างความปรองดองเป็นพื้นฐานของกิตาบุลลอฮฺและอัซซุนนะห์ มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง คงไม่มีวิธีไหนที่จะสร้างความปรองดองและความเป็นประชาติเดียวกันดียิ่งกว่าการหาวิธีการให้ผู้คนได้เข้าใจในกิตาบุลลอฮฺและอัซซุนนะห์ 

 

          การเป็นประชาชาติเดียวกันไม่ได้หมายถึงการรวมคนจำนวนมากที่หลากหลายความเชื่อมาอยู่ด้วยกัน แต่การเป็นประชาติเดียวกันคือการหลอมรวมผู้คนที่มีหลากหลายความเชื่อให้มายอมรับและมีหลักความเชื่ออันเดียวกัน และพยายามทำความเข้าใจแก่บรรดามุสลิมในสิ่งที่พวกเขาเข้าใจผิดพลาดโดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นพี่น้อง 

 

         ดั่งคำพูดของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮูอะลัยอิวะสัลลัม มีรายงานจากอับดุลลอฮฺ บิน ฮุมัร รอฎิยัลลอฮูอันฮูมา เขาได้เล่าว่า แท้จริงท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮูอะลัยอิวะสัลลัมได้กล่าวว่า 

 

มุสลิมคือพี่น้องของมุสลิม เขาจะไม่อธรรมแก่พี่น้องมุสลิม และเขาจะปกป้องพี่น้องมุสลิม

และใครที่ขจัดความเดือดร้อนแก่พี่น้องของเขา อัลลอฮฺก็จะขจัดความเดือดร้อนของเขา

และใครปลดเปลื้องความทุกข์แก่มุสลิม อัลลอฮฺก็จะขจัดความทุกข์ให้แก่เขา จากความทุกข์ต่างๆในวันกิยามะฮฺ

และใครที่ปกปิดความลับแก่มุสลิม อัลลอฮฺก็จะปกปิดความลับแก่เขาในวันกิยามะฮฺ

 

         อิสลามให้ความสำคัญและระมัดระวังจากการกระทำต่างๆที่นำไปสู่การตัดขาดจากการเป็นพี่น้องในศาสนา โดยจากหะดีษดังกล่าวเราจะสังเกตว่าท่านรอซูลศ็อลลัลลอฮูอะลัยอิวะสัลลัม ได้ชี้แนะบรรดามุสลิมถึงกระบวนการสร้างความเป็นพี่น้องในกลุ่มมุสลิม โดยที่ท่านได้บอกเราว่า เราเป็นพี่น้องกันในศาสนา อย่าได้อธรรมข่มเหงเอาเปรียบกัน เพราะการกระทำเช่นนั้นนำไปสู่ความเกลียดชัง และอย่าได้นิ่งดูดายในกรณีที่พี่น้องมุสลิมถูกอธรรม หากเรามีความสามารถเราต้องยื่นมือเข้าช่วยเหลือ เพราะการช่วยเหลือกันจะนำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งในการเป็นพี่น้อง การปลดเปลื้องความทุกข์ยากแก่พี่น้องในรูปแบบต่างๆ และท่านนบียังห้ามการสอดแนมนำความลับของพี่น้องมาเปิดเผย เพราะการกระทำเช่นนั้นจะนำไปสู่ความเกลียดชังและการเป็นศัตรู

 

          อิสลามนั้นเรียกร้องความเป็นปึกแผ่นของมุสลิมห้ามการแตกแยก โดยมีตัวบทมากมายจากอัลกุรอ่านและอัซซุนนะห์ที่มีมากมาย คำดำรัสของอัลลอฮฺ

 

{يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا اتَّقُوا اللَّـهَ حَقَّ تُقَاتِهِ وَلَا تَمُوتُنَّ إِلَّا وَأَنتُم مُّسْلِمُونَ . وَاعْتَصِمُوا بِحَبْلِ اللَّـهِ جَمِيعًا وَلَا تَفَرَّقُوا ۚ وَاذْكُرُوا نِعْمَتَ اللَّـهِ عَلَيْكُمْ إِذْ كُنتُمْ أَعْدَاءً فَأَلَّفَ بَيْنَ قُلُوبِكُمْ فَأَصْبَحْتُم بِنِعْمَتِهِ إِخْوَانًا وَكُنتُمْ عَلَىٰ شَفَا حُفْرَةٍ مِّنَ النَّارِ فَأَنقَذَكُم مِّنْهَا ۗ كَذَٰلِكَ يُبَيِّنُ اللَّـهُ لَكُمْ آيَاتِهِ لَعَلَّكُمْ تَهْتَدُونَ} [آل عمران:102-103].

 

โอ้ผู้ศรัทธาทั้งหลาย! จงยำเกรงอัลลอฮ์อย่างแท้จริงเถิด

และพวกเจ้าจงอย่าตายเป็นอันขาด นอกจากในฐานะที่พวกเจ้าเป็นผู้นอบน้อมเท่านั้น

 

          “ และพวกเจ้าจงยึดสายเชือกของอัลลอฮ์โดยพร้อมกันทั้งหมดและจงอย่าแตกแยกกันและจำรำลึกถึงความเมตตาของอัลลอฮ์ที่มีแต่พวกเจ้า ขณะที่พวกเจ้าเป็นศัตรูกัน แล้วพระองค์ได้ทรงให้สนิทสนมกันระหว่างหัวใจของพวกเจ้า แล้วพวกเจ้าก็กลายเป็นพี่น้องกันด้วย ความเมตตาของพระองค์ และพวกเจ้าเคยปรากฏอยู่บนปากหลุมแห่งไฟนรก แล้วพระองค์ก็ทรงช่วยพวกเจ้าให้พ้นจากปากหลุมแห่งนรกนั้น ในทำนองนั้นแหละ อัลลอฮ์จะทรงแจกแจงแก่พวกเจ้าซึ่งบรรดาโองการของพระอง๕เพื่อว่าเพวกเจ้าจะได้รับแนวทางอันถูกต้อง 

(ซูเราะฮฺ อาละอิมรอน)

 

จากความเข้าใจอายะห์นี้
 

         อัลลอฮฺมีคำสั่งใช้ให้มีความยำเกรงต่อพระองค์อย่างจริงจัง และให้รักษาความยำเกรงนั้นตลอดไปจนกว่าจะเสียชีวิตจากโลกนี้ไป และอัลลอฮฺได้ใช้บรรดาผู้ศรัทธา ให้กระทำสิ่งที่มาทำให้พวกเขาได้มีความยำเกรงต่ออัลลอฮฺ ก็คือการอยู่กับแบบรวมตัวและยึดมั่นต่อศาสนาของอัลลอฮฺ โดยที่มีความสามัคคีกันไม่มีการแตกแยก

          การที่มุสลิมรวมตัวกันบนศาสนาของพวกเขา การที่บรรดาผู้ศรัทธาประสานรวมใจกันจะก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งในศาสนาของพวกเขา และการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ของพวกเขา และด้วยกับการรวมตัวสามัคคีกันสามารถที่จะก่อให้เกิดประโยชน์มากมายเหลือคณานับ ไม่ว่าการช่วยเหลือร่วมมือกันในเรื่องของความดีและความยำเกรง

         ในทางตรงกันข้าม ความแตกแยก จะนำไปสู่การเป็นศัตรูและทำให้ระบบของพวกเขาต้องบกพร่อง และนำไปสู่การตัดความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา แต่ละคนต่างทำงานตามอารมณ์ของตัวเอง และส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อส่วนรวม หลังจากนั้นอัลลอฮฺให้พวกเขารำลึก ถึงอายะห์ที่ว่า

ۚ وَاذْكُرُوا نِعْمَتَ اللَّـهِ عَلَيْكُمْ إِذْ كُنتُمْ أَعْدَاءً 

"พวกเจ้าต่างเข็นฆ่ากันระหว่างพวกเจ้าและเอาทรัพย์สินซึ่งกันและกัน" 


          จนกระทั่งบางเผ่าได้ไปละเมิดอีกบางเผ่า และคนในเมืองเดียวกันเกิดการเป็นศัตรูรุกรานกันมีฆ่าสู้รบถือว่าอยู่ในสภาพที่เลวร้ายอย่างยิ่ง นี่คือสภาพของชนเผ่าอาหรับก่อนที่ท่านนบีศ็อลลัลลอฮูอะลัยอิวะสัลลัมได้ถูกส่งมา และพวกเขาได้ศรัทธาต่อท่านนบี และพวกเขาได้รวมตัวกันบนศาสนาอิสลาม และความศรัทธาได้หลอมรวมจิตใจของพวกเขา เสมือนคนคนเดียวกัน จากการที่พวกเขาได้หลอมรวมจิตใจกัน ต่างก็เกิดความรักการช่วยเหลือเกิดขึ้นระหว่างพวกเขา 

 

และด้วยเหตุนี้ อัลลอฮฺได้ตรัสว่า 

فَأَلَّفَ بَيْنَ قُلُوبِكُمْ فَأَصْبَحْتُم بِنِعْمَتِهِ إِخْوَانًا وَكُنتُمْ عَلَىٰ شَفَا حُفْرَةٍ مِّنَ النَّارِ 

แล้วพระองค์ได้ทรงให้สนิทสนมกันระหว่างหัวใจของพวกเจ้า

แล้วพวกเจ้าก็กลายเป็นพี่น้องกันด้วย ความเมตตาของพระองค์

และพวกเจ้าเคยปรากฏอยู่บนปากหลุมแห่งไฟนรก

 

        หมายความว่า แท้จริงพวกเจ้าสมควรเข้านรกไม่มีอะไรที่ขวางกั้นระหว่างพวกเจ้าเว้นแต่พวกเจ้าเสียชีวิตลงแล้วต้องเข้านรก 

 

فَأَنقَذَكُم مِّنْهَا

แล้วพระองค์ก็ทรงช่วยพวกเจ้าให้พ้นจากปากหลุมแห่งนรกนั้น

 

         ความหมาย ก็คือการที่อัลลอฮฺได้ประทานความโปรดปรานให้พวกเขาได้ศรัทธาต่อท่านนบีมูฮัมหมัดศ็อลลัลลอฮูอะลัยอิวะสัลลัม

 

ۗ كَذَٰلِكَ يُبَيِّنُ اللَّـهُ لَكُمْ آيَاتِهِ

ในทำนองนั้นแหละ อัลลอฮ์จะทรงแจกแจงแก่พวกเจ้าซึ่งบรรดาโองการของพระองค์

 

          ความหมาย อัลลอฮฺได้อธิบายให้ความชัดเจน และชี้นำสิ่งที่เป็นสัจธรรมออกจากสิ่งที่เป็นเท็จ และสิ่งที่ทางนำออกจากความหลงผิด

 

لَعَلَّكُمْ تَهْتَدُونَ}

เพื่อว่าเพวกเจ้าจะได้รับแนวทางอันถูกต้อง

 

          ความหมาย เพื่อพวกเจ้าจะได้รับรู้ถึงสิ่งที่ถูกต้องและได้ปฏิบัติสิ่งนั้น และในอายะห์ยังได้ชี้ให้เห็นว่า อัลลอฮฺนั้นรักที่จะให้บ่าวของพระองค์ ให้รำลึกถึงความโปรดปรานของพระองค์ด้วยหัวใจและด้วยลิ้น เพื่อที่พวกเขาได้เพิ่มในการขอบคุณและเพิ่มในความรักต่อพระองค์ เพื่อพระองค์จะได้เพิ่มให้แก่พวกเขาจากความโปรดปรานและสิ่งดีงามแก่พวกเขา

         และแท้จริงส่วนหนึ่งจากความโปรดปรานของพระองค์ที่ยิ่งใหญ่ ก็คือการชี้นำมาสู่อิสลามและการชี้นำให้ปฏิบัติตตามท่านรอซูลศ็อลลัลลอฮูอะลัยอิวะสัลลัม และการที่พระองค์ได้ให้บรรดามุสลิมมีความสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โดยไม่มีการแตกแยก (ตัฟซีรของเชคอับดุรเราะหมาน อัซซะดีย์ รอฮิมาอุลลอฮฺ)

 

         จากตัฟซีรของท่านเชคซะฮฺดีย์ เราได้ข้อคิดมากมายในการสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันสำหรับมุสลิม  

          ประการแรกเราต้องขอบคุณที่อัลลอฮฺได้ส่งท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮูอะลลัยอิวะสัลลัม โดยท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮูอะลัยอิวะสัลลัม ได้นำอิสลามมาสอนเราและอัลลอฮฺได้ชี้นำจิตใจแก่เราให้ศรัทธาต่อสิ่งที่ท่านนบีได้นำมา และด้วยกับการศรัทธาต่ออัลลอฮฺ สามารถหลอมรวมหัวใจที่อคติเกลียดชังกัน เป็นศัตรูกัน ให้มาเป็นพี่น้องกันช่วยเหลือซึงกันและกัน และทำให้ชนชาติอาหรับที่เคยสู้รบกันมาอย่างยาวนาน กลายมาเป็นประชาชาติเดียวกันที่มีเป้าหมายเดียวกันคือ เชิดชูดำรัสของอัลลอฮฺให้สูงส่ง และนำสาสน์อิสลามแห่งพระเจ้าไปเผยแผ่ในทุกสารทิศจนอิสลามสืบต่อไปรุ่นแล้วรุ่นเล่า 

 

          สิ่งที่จะสมานหัวใจของมุสลิมให้เป็นหนึ่งเดียวกัน มีความรักกันเป็นพี่น้องกันอย่างแท้จริง ก็คือการนำบทเรียนที่มาสร้างความศรัทธาต่ออัลลอฮฺ ซึงเป็นความศรัทธาหลักความเชื่อต่อพระเจ้าที่ถูกต้อง เหมือนหลักความเชื่อบรรดารอซูลความศานติจงประสบแด่พวกเขาและเหล่าศอหาบะห์รอฎิยัลลอฮูอันฮุม และอัลลอฮฺได้ให้เราได้รำลึกถึงความโปรดปรานของพระองค์ที่พระองค์ได้ชี้นำจิตใจของพวกเราให้ได้ศรัทธาต่อสิ่งที่ท่านรอซูลได้นำมา เพราะหากเราไม่ได้ศรัทธาเราก็คงเป็นผู้หนึ่งชาวนรก 

 

         ดังนั้นเมื่อเราศรัทธาต่ออัลลอฮฺและยอมรับต่ออิสลามทำให้เกิดความรักการช่วยเหลือความเป็นพี่น้องเพราะความศรัทธาคือกลไกลเชื่อมโยงหัวใจให้กลมเกลียวเป็นเนื้อเดียวกัน เราก็อย่าได้ทำลายความโปรดปรานอันนี้โดยพยายามที่จะสร้างความแตกแยกในสิ่งๆต่างๆที่เข้ามาเจือปนในศาสนานี้ จนเป็นสาเหตุให้ประชาชาติอิสลามแตกแยกและกลับไปศัตรูเข่นฆ่ากัน ตัดขาดความเป็นพี่น้องระหว่างกัน ดังนั้นคิดว่าคนที่จะทำหน้าที่ประสานหลอรวมหัวใจของประชาติอิสลามได้ดีที่สุด ก็คือบรรดาผู้รู้ที่มีความเข้าใจในกิตาบุลลอฮฺ และอัซซุนนะห์ของท่านนบีศ็อลลัลลอฮูอะลัยอิวะสัลลัม 

 

          การพยายามสร้างความเป็นปึกแผ่นแก่ประชาชาติอิสลาม คือภารกิจของบรรดามุสลิมโดยเฉพาะบรรดาผู้มีความรู้จะต้องเดินตามแนวทางของบรรดารอซูลในการสร้างความเป็นเอกภาพของประชาชาติอิสลาม เพื่อให้พวกเขารวมตัวอยู่บนความถูกต้อง เพราะการช่วยเหลือของอัลลอฮฺจะเกิดขึ้นกับญามาฮะ ญามาฮะที่ว่าไม่ได้หมายถึงจำนวนคนที่มากมายที่หลากหลายความเชื่อมารวมกัน ญามาฮะที่อัลลอฮฺจะช่วยเหลือก็คือญามาฮะที่รวมตัวกันบนความถูกต้อง มีเป้าหมายเพื่อเชิดชูดำรัสของอัลลอฮฺให้สูงส่งโดยเจริญตามแนวทางของท่านนบีศ็อลลัลลอฮูอะลัยอิวะสัลลัม 

 

         ประชาชาติอิสลามจะเข้มแข็งและได้รับการช่วยเหลือนั้น ประชาชาตินั้นต้องมีหลักความเชื่อต่ออัลลอฮฺที่ถูกต้อง การสร้างหลักความเชื่อที่ถูกต้องให้แก่ประชาติอิสลาม คือหนทางที่จะนำประชาชาติอิสลามสู่ความเป็นประชาติเดียวกัน ด้วยความช่วยเหลือของอัลลอฮฺ