การจัดงานเมาลิดให้ท่านบี
อับดุลบารีย์ นาปาเลน
การจัดงานเมาลิดให้แก่ท่านบี(ซอลลอลลอฮูอาลัยฮีวะซัลลัม)คือร่องรอยของการเลยเถิด
การจัดงานคล้ายวันประสูติของท่านนบี ที่ไม่มีแบบฉบับจากท่านนบี และบรรดาซอฮาบะหฺ และบรรดาผู้ที่อยู่หลังพวกเขา(ตาบีอีน) และบรรดาอีหม่ามทั้งสี่ แต่มันเป็นพิธีกรรมของพวกรอฟิเฎาะหฺที่ได้อุตริกรรมขึ้น และรวมไปถึงพิธีกรรมแปลกๆในนั้น และการจัดงานเฉลิมฉลองให้กับวันเกิดของท่านนบี ถือเป็นการเลียนแบบศาสนาอื่น ที่พวกเขาได้จัดให้วันเกิดแก่นบี ของพวกเขา ท่านนบี ของเราจึงไม่ทำสิ่งดังกล่าว และได้ห้ามประชาติของท่านไม่ให้ไปเลียนแบบศาสนาอื่น
" مَنْ تَشَبَّهَ بِقَوْمٍ فَهُوَ مِنْهُمْ "
"ผู้ใดที่ได้เลียนแบบกลุ่มชนหนึ่ง เขาก็เป็นหนึ่งจากกลุ่มชนนั้น"
♦ - จากบิดอะหฺในงานนี้ที่สาหัสคือ การร้องกลอนยกย่องท่านนบี อย่างเลยเถิด จนมีการขอดุอาจากท่านนบี เสมือนกับในบทกลอน(บุรดะหฺ)อัลบูเซรีย์ และท่านนบี ได้ห้ามประชาชาติของท่านในการเลยเถิดต่อการยกย่องให้เกียรติท่าน เพราะกลัวท่านเกรงว่าผู้คนจะมายกเกียรติท่านอย่างเกินขอบเขต หรือยกเกียรติท่านเหมือนการยกเกียรติอัลลอฮ์
" لَا تُطْرُونِي كَمَا أَطْرَتْ النَّصَارَى عِيسَى ابْنَ مَرْيَمَ فَإِنَّمَا أَنَا عَبْدُ اللَّهِ وَرَسُولُهُ "
"พวกท่านทั้งหลายจงอย่าได้ยกเกียรติฉัน เสมือนกับที่พวกนะซอรอ(คริสต์)ได้ยกเกียรติต่อท่านอีซาบุตรของมัรยัม
เพราะแท้จริง ฉันเป็นเพียงบ่าวของอัลลอฮ และเป็นศาสนทูตของพระองค์"
(รายงานโดย บุคอรีย์ / ๑๕๔)
♦ - จากบิดอะหฺในพิธีอีกประการคือ การเชื่อที่พวกเขาเชื่อว่า ท่านนบี จะมาร่วมงานเมาลิดนี้ด้วย
♦ - การจัดงานฉลองวันเกิดไม่มีในอิสลาม แต่มันมีในศาสนาอื่น ส่วนการที่มุสลิมจัดงานฉลองวันเกิด ถือเป็นการเลียนแบบตามศาสนาอื่น
♦ - และความชั่วร้ายที่มีมากในงานเมาลิดที่พวกเขาทำกันนั้นคือ มีการพบปะกันระหว่างหนุ่มสาว มันเป็นเหตุแห่งความวุ่นวายและเกิดสิ่งลามก
ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่สมบูรณ์ รัดกุมหมดทุกอย่าง ตามที่พระองค์ได้ทรงรับรอง จึงไม่อนุญาตให้ประดิษฐ์สิ่งแปลกใหม่ หรือลดหย่อนต่อหลักการ หรือเลือกปฏิบัติตามอารมณ์
"الْيَوْمَ أَكْمَلْتُ لَكُمْ دِينَكُمْ وَأَتْمَمْتُ عَلَيْكُمْ نِعْمَتِي وَرَضِيتُ لَكُمُ الْإِسْلَامَ دِينًا "
"วันนี้ข้าได้ให้สมบูรณ์แก่พวกเจ้าแล้ว ซึ่งศาสนาของพวกเจ้า
และข้าได้ให้ครบถ้วนแก่พวกเจ้าแล้ว ซึ่งความกรุณาเมตตาของข้า
และข้าได้เลือกอิสลามให้เป็นศาสนาแก่พวกเจ้าแล้ว "
(อัล-มาอิดะฮฺ จากโองการที่ 3)
การตามอารมณ์อาจทำให้มองความผิดเป็นสิ่งที่ถูก มองถูกเป็นผิด สับสนกันไป จึงเกิดเป็นหลายกลุ่มหลายแนวคิดแตกต่างกัน พระองค์ทรงตำหนิและห้ามการตามอารมณ์ด้วยหลายโองการ อาทิเช่น พระองค์ตรัสว่า
"أَفَمَن كَانَ عَلَىٰ بَيِّنَةٍ مِّن رَّبِّهِ كَمَن زُيِّنَ لَهُ سُوءُ عَمَلِهِ وَاتَّبَعُوا أَهْوَاءَهُم ( 14 )
"ดังนั้น ผู้ที่อยู่บนหลักฐานอันชัดแจ้งจากพระเจ้าของเขา
จะเหมือนกับผู้ที่ความชั่วแห่งการงานของเขาได้ถูกทำให้เพริศแพร้วแก่เขา
และพวกเขาก็ปฏิบัติตามอารมณ์ใฝ่ต่ำของพวกเขากระนั้นหรือ?"
(มูฮำมัด / ๑๔)
ท่านอีหม่ามมาลิก(รอฮีมาฮุลลอฮฺ)ได้กล่าวว่า
قال الإمام مالك رحمه الله: "مَن ابتدع في الإسلام بدعة يراها حسنة فقد زعم أنَّ محمداً خان الرسالة؛ لأنَّ الله يقول: {الْيَوْمَ أَكْمَلْتُ لَكُمْ دِينَكُمْ} ، فما لَم يكن يومئذ ديناً فلا يكون اليوم ديناً" الاعتصامالاعتصام للشاطبي 1/28 .
“ผู้ใดที่ได้อุตริกรรมขึ้นในอิสลาม โดยมองสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ดี แน่นอน ถือว่าเขาได้อ้างว่า ท่านนบี ได้ทุจริตต่อสาสน์ เพราะอัลลอฮฺได้กล่าวว่า “วันนี้ข้าได้ให้สมบูรณ์แก่พวกเจ้าแล้ว ซึ่งศาสนาของพวกเจ้า “ ดั้งนั้น ถ้าวันนั้นมันไม่ได้เป็นศาสนา วันนี้มันก็ไม่ใช่ศาสนา”
ขอดุอาจากอัลลอฮ์ ให้เราและท่านพี่น้องทั้งหลายมีแสงสว่างในเรื่องของศาสนา ประทานความรู้และวิชาการที่มีประโยชน์ และมีการกระทำที่ดี ห่างไกลจากสิ่งหลงผิดและบิดอะหฺต่างๆและความชั่วร้ายทั้งหลาย และขอให้พระองค์ทรงชี้ทางเราไปยังหนทางที่ถูกต้อง และให้เรายืนหยัดในทางนั้นด้วยเถิด ...อามีน
https://www.youtube.com/watch?v=uqzSt7WmtBA