ผู้นำแนวคิดแบบเคาะวาริจสมัยใหม่
  จำนวนคนเข้าชม  5764


ผู้นำแนวคิดแบบเคาะวาริจสมัยใหม่


 

แปลเรียบเรียง  ยะห์ยา หัสการณ์บัญชา

 


          ตำราที่เป็นจุดเริ่มต้นของการปลุกปั่นแนวคิดเคาะวาริจสมัยใหม่คือ ตำรา นะเซาะรียะตุลอิสลาม อัซซิยาซียะฮฺ (ปีค.ศ. 1939)และตำรา อัลมุศเฏาะละหาต อัลอัรบะอะฮฺ(อัลอิลาฮฺ อัรร็อบ อัดดีน อัลอิบาดะฮฺ ในปีค.ศ. 1941 โดยเล่มนี้มีการแปลเป็นภาษาไทยด้วย และแพร่หลายในหมู่ผู้ฝักใฝ่แนวคิดของกลุ่มอิควานุลมุสลิมีน และกลุ่มอื่นๆที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกันนี้ เช่น กลุ่มญะมาอะฮฺตักฟีร วัลฮิจเราะฮฺ ที่นำโดยชุกรีย์ มุศเฏาะฟา ฯลฯ) ทั้งสองเล่มนี้เขียนโดยอะบุลอะอฺลา เมาดูดีย์ โดยสองเล่มนี้ถือเป็นตำราที่โดดเด่นมากในการขับเคลื่อนแนวคิดแบบเคาะวาริจสมัยใหม่ ภายใต้ถ้อยคำอำพรางว่า "ทฤษฎีการญิฮาด(ต่อสู้ในหนทางของอิสลาม)"


 

          ซึ่งตำราทั้งสองเล่มนี้เป็นสาเหตุให้เกิดการตัดสินแบบผิดๆต่อมุสลิมว่าเป็นผู้ปฏิเสธ(ตักฟีรฺ) และการเข่นฆ่ามุสลิมทั่วไปแบบผิดๆ และสรุปได้ว่า อบุลอะอฺลา เมาดูดีย์ ถือเป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มวางทฤษฎีเคาะวาริจสมัยใหม่ โดยมีผู้ที่ได้รับอิทธิพลทางความคิดของเขามากมาย หนึ่งในคนเหล่านั้นคือ สัยยิด กุฏุบ 

 


         โดยถือได้ว่าสัยยิดกุฏุบเป็นผู้ที่มีบทบาทมากที่สุด ในการนำเอาทฤษฎีของเมาดูดีย์มาปรับสู่การปฏิบัติจริง โดยการแต่งตำราวางแผน และรูปแบบ ระเบียบการต่างๆเพื่อนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายของแนวคิดเคาะวาริจสมัยใหม่ โดยตำราที่โดดเด่นที่สุดของเขาในเรื่องนี้คือ มะอาลิม ฟิฏเฏาะรีก ที่นับว่าเป็นต้นแบบและธรรมนูญของบรรดาเคาะวาริจสมัยใหม่ในยุคต่อๆมาจนถึงปัจจุบัน ที่สร้างความวุ่นวายและการเข่นฆ่านองเลือดอย่างมาก ตรงนี้สรุปได้ว่า ผู้ริเริ่มทฤษฎีเคาะวาริจสมัยใหม่คือ เมาดูดีย์ และ สัยยิด กุฏุบ ก็คือผู้โดดเด่นในการนำทฤษฎีเคาะวาริจสมัยใหม่มาปรับและนำไปสู่การปฏิบัติจริง



 

โดยหลักการและแนวคิดแบบเคาะวาริจสมัยใหม่ที่สำคัญๆของเมาดูดีย์ และสัยยิด กุฏุบ มี 5ข้อ ดังนี้ 

 

     1. เป้าหมายหลักของบรรดานบีทุกยุคสมัยในการเชิญชวนกลุ่มชนของพวกเขาก็คือ การเรียกร้องไปสู่การใช้กฎหมายของอัลลอฮฺ(หากิมียะฮฺ) ซึ่งตรงนี้ค้านกับแนวทางที่ถูกต้อง เพราะเป้าหมายหลักที่บรรดานบีเรียกร้อง คือ การเคารพบูชาอัลลอฮฺเพียงพระองค์เดียว(อุลูฮียะฮฺ) และออกห่างจากการตั้งภาคต่อพระองค์(ชิรกฺ)


 

     2. บนโลกใบนี้ไม่มีญะมาอะฮฺ(กลุ่ม หมู่คณะ)มุสลิมที่แท้จริงเลย จึงจำเป็นที่จะต้องสร้างญะมาอะฮฺที่แท้จริงขึ้นมา สัยยิดกุฏุบกล่าวว่า "โลกปัจจุบันนี้ไร้ซึ่งประเทศมุสลิม ไร้ซึ่งชุมชนมุสลิมที่ใช้กฎหมายของอัลลอฮฺและหลักการปฏิบัติศาสนกิจของอิสลาม"(ดูตำรา ฟีซิลาลิลกุรอาน เล่มที่4 หน้าที่ 2122 ตรงนี้ถือเป็นการตัดสินมุสลิมและชุมชนมุสลิมบนโลกนี้ทั้งหมดโดยภาพรวมว่าเป็นผู้ปฏิเสธอิสลาม(กาฟิร)


 

     3. เรียกร้องไปสู่การปลีกตัวและอพยพออกจากประเทศและเมืองต่างๆในโลกอิสลาม โดยกล่าวอ้างว่าประเทศและเมืองเหล่านั้นเป็นแผ่นดินของพวกปฏิเสธอิสลาม


 

     4. ตัดสินบรรดาผู้นำ ผู้ปกครองมุสลิมในประเทศอิสลามว่าเป็นผู้ปฏิเสธอิสลาม(กาฟิร) โดยอ้างว่าพวกเขาเหล่านั้นไม่ใช้กฎหมายอิสลามปกครองประเทศ


 

     5. แบ่งแยกมุสลิมออกจากบรรดาปราชญ์มุสลิมผู้ยืนหยัดในแนวทางสลัฟ โดยการสร้างภาพในด้านลบ และกล่าวหาใส่ร้ายพวกท่านเหล่านั้นว่าเป็นอุละมาอฺ สลาฏีน(ผู้รู้ที่เป็นหุ่นเชิดของกษัตริย์และผู้นำประเทศ โดยตอบปัญหาหรือสอนอิสลามให้แก่ผู้คนตามอารมณ์และความต้องการของกษัตริย์, ผู้นำประเทศ) ดังที่เราจะเห็นในปัจจุบันว่า มีคนบางกลุ่มที่พยายามดิสเครดิต และสร้างภาพลบให้แก่ปราชญ์มุสลิมหลายท่าน เช่น ชัยคฺอับดุลอะซีซ บินบาซ ฯลฯ


 

          แม้อบุลอะอฺลา เมาดูดีย์ และ สัยยิด กุฏุบจะตายจากไปโดย สัยยิดถูกตัดสินแขวนคอ แต่ผู้สืบทอดแนวคิดและเจตนารมย์ของเขายังคงมีอยู่จวบจนทุกวันนี้ ทั้งที่เปิดเผยและอำพรางตน และทั้งที่เป็นองค์กรหรือส่วนบุคคล

 

วัลลอฮุ อะอฺลัม


อ้างอิงและสรุปจากตำรา อัลกิศเศาะฮฺ อัลกามิละฮฺ ลิเคาะวาริจ อัศรินา โดยชัยคฺ อิบรอฮีม ศอลิหฺ อัลมุฮัยมีด หน้าที่ 35-57 และหน้าที่ 71