สิทธิของผู้นำและประชาชน
  จำนวนคนเข้าชม  2581


สิทธิของผู้นำและประชาชน


 

เชค มุหัมมัด บิน ศอลิห์ อัล-อุษัยมีน

 


          ผู้นำ คือ ผู้ที่ปกครองดูแลกิจการต่างๆ ของชาวมุสลิม ไม่ว่าจะเป็นผู้นำทั่วไป เช่นผู้นำสูงสุดของประเทศ หรือผู้นำเฉพาะด้าน เช่น ประธานหรือผู้อำนวยการขององค์กรหรือการงานเฉพาะด้าน เป็นต้น พวกเขาเหล่านั้นล้วนมีสิทธิที่ประชาชนหรือผู้ที่อยู่ใต้การปกครองของพวกเขาจำเป็นต้องมอบให้ ในทางกลับกันประชาชนก็มีสิทธิอันชอบธรรมที่บรรดาผู้นำ หรือผู้บังคับบัญชาจำเป็นต้องมอบให้เช่นเดียวกัน


 


        สิทธิของพลเมืองที่ผู้นำจำเป็นต้องมอบให้ คือผู้นำต้องปฏิบัติตามอะมานะฮฺ (หน้าที่รับผิดชอบ) ที่อัลลอฮฺทรงมอบให้และกำชับให้ปฏิบัติ อาทิ ตักเตือนด้วยความหวังดีอย่างจริงใจต่อประชาชน ปกครองด้วยแนวทางที่เที่ยงตรงและสามารถให้หลักประกันในผลประโยชน์ที่พวกเขาจะได้รับบนโลกนี้และในวันอาคิเราะฮฺ ด้วยการดำเนินตามแนวทางของบรรดาผู้ศรัทธา นั่นคือแนวทางที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ดำเนินไว้เป็นแบบอย่าง เพราะการดำเนินตามแนวทางดังกล่าวเท่านั้นที่ผู้นำจะได้รับความผาสุก เช่นเดียวกับประชาชนของเขาและทุกคนที่อยู่ภายใต้การปกครองของเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะด้วยการปฏิบัติดังกล่าวทำให้ประชาชนพึงพอใจต่อผู้นำและเกิดความผูกพันระหว่างทั้งสองฝ่าย ทำให้ประชาชนยอมเชื่อฟังต่อคำสั่งต่างๆ ของผู้นำ และช่วยรักษาอะมานะฮ์ ภาระหน้าที่ในสิ่งที่พวกเขาจำเป็นต้องเชื่อฟังและปกป้องผู้นำ 

 

         แท้จริง ผู้ใดยำเกรงอัลลอฮฺ ผู้คนก็จะยำเกรงเขา และผู้ใดทำให้อัลลอฮฺทรงพึงพอใจ อัลลอฮฺจะทรงทำให้เขาได้รับการช่วยเหลือจากผู้คนและทำให้พวกเขาพึงพอใจต่อเขา เพราะหัวใจของผู้คนอยู่ในพระหัตถ์ของอัลลอฮ์ พระองค์จะทรงพลิกผันอย่างไรก็ได้ตามแต่พระองค์ทรงประสงค์ 
 


        ส่วนสิทธิของผู้นำที่พลเมืองจำเป็นต้องมอบให้ คือ ให้คำตักเตือนนะศีหะฮฺหรือหวังดีอย่างบริสุทธิ์ใจแก่เขาในหน้าที่การปกครอง ช่วยสะกิดเตือนเขาเมื่อเกิดการหลงลืม ขอดุอาอ์ให้แก่เขาเมื่อเห็นเขาเบี่ยงเบนออกจากสัจธรรม ปฏิบัติและเชื่อฟังตามคำสั่งของผู้นำในสิ่งที่ไม่เป็นการฝ่าฝืนหรือทรยศต่ออัลลอฮฺ เพราะการเชื่อฟังดังกล่าวจะทำให้เกิดความเข้มแข็งและความเสถียรของสังคม และการไม่เชื่อฟังผู้นำจะก่อให้เกิดความวุ่นวายและสร้างความเสียหายต่อระบบการปกครอง ด้วยเหตุนี้อัลลอฮฺจึงทรงสั่งให้เชื่อฟังพระองค์ เชื่อฟังท่านเราะสูลุลลอฮฺ และเชื่อฟังผู้นำ พระองค์ตรัสว่า


( يَٰٓأَيُّهَا ٱلَّذِينَ ءَامَنُوٓاْ أَطِيعُواْ ٱللَّهَ وَأَطِيعُواْ ٱلرَّسُولَ وَأُوْلِي ٱلۡأَمۡرِ مِنكُمۡۖ ﴾ [النساء : ٥٩]  

 

“โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงเชื่อฟังอัลลอฮฺ เชื่อฟังเราะสูลของพระองค์ และเชื่อฟังผู้นำของพวกเจ้า” 
 

(อัน-นิสาอ์ : 59)

 

ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า


«عَلَى الْمَرْءِ الْمُسْلِمِ السَّمْعُ وَالطَّاعَةُ فِيمَا أَحَبَّ وَكَرِهَ، إِلَّا أَنْ يُؤْمَرَ بِمَعْصِيَةٍ، فَإِنْ أُمِرَ بِمَعْصِيَةٍ، فَلَا سَمْعَ وَلَا طَاعَةَ»

 

“มุสลิมแต่ละคนจำเป็นต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตามผู้นำ ในสิ่งที่ตัวเองพอใจและไม่พอใจ

ยกเว้นเมื่อถูกสั่งใช้ให้กระทำในสิ่งที่เป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของอัลลอฮฺ

ดังนั้นเมื่อเขาถูกสั่งใช้ให้กระทำการฝ่าฝืนอัลลอฮฺ เขาก็ไม่จำเป็นต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสั่งนั้น” 
 

(อัล-บุคอรีย์ 7144, มุสลิม 1839)

          ท่านอับดุลลอฮฺ อิบนุ อุมัรฺ กล่าวว่า "ครั้งหนึ่งเราเคยเดินทางไกลพร้อมกับท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม แล้วเราก็ได้หยุดพัก ณ ที่พักแห่งหนึ่ง หลังจากนั้น ผู้ป่าวประกาศของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ก็ได้เรียกพวกเราว่า อัศ-เศาะลาตะ ญามิอะฮฺ (ได้เวลารวมตัวกันละหมาดแล้ว) พวกเราจึงไปรวมตัวกันที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม แล้วท่านก็ได้กล่าวว่า

     “แท้จริงไม่มีนบีท่านใดที่อัลลอฮฺแต่งตั้งขึ้น (ก่อนหน้าฉัน) นอกจากต้องทำหน้าที่ชี้นำประชาชาติของเขาให้รู้จักสิ่งที่ดีที่สุดตามที่เขาได้รู้มา และต้องเตือนพวกเขาจากความชั่วร้ายที่เลวที่สุดตามที่เขาได้รู้มา 

     และแท้จริง ประชาชาติของพวกเจ้านี้ถูกกำหนดให้มีความปลอดภัยอยู่ในช่วงแรกๆ ของประชาชาติ และประชาชาติช่วงสุดท้ายจะประสบกับภัยพิบัติ และสิ่งต่างๆ อันเลวร้ายมากมายที่พวกเจ้าต้องปฏิเสธมัน 

     และฟิตนะฮฺก็จะมา ซึ่งฟิตนะฮฺบางส่วนที่มาภายหลังจะรุนแรงกว่าจนทำให้ผู้คนคิดว่าฟิตนะฮฺที่มาก่อนหน้ามันเบาบางเล็กน้อยเท่านั้นเอง พอฟิตนะฮฺมา มุสลิมก็จะกล่าวว่า นี่คือหายนะที่เป็นจุดจบของฉันแล้วกระมัง (แล้วฟิตนะฮฺนั้นก็หายไป) พอฟิตนะฮฺใหม่มา มุสลิมก็จะกล่าวซ้ำเหมือนเดิมว่า ครั้งนี้แหละ ครั้งนี้แล้วกระมังที่จะเป็นจุดจบของฉัน 

     ดังนั้น ผู้ใดปรารถนาจะหลีกห่างจากไฟนรกและอยากจะเข้าสวนสวรรค์ เขาก็จงเตรียมพร้อมพยายามให้เสียชีวิตในสภาพที่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันอาคิเราะฮฺ และจงปฏิบัติต่อคนอื่นเฉกเช่นที่เขาชอบจะให้คนอื่นปฏิบัติต่อเขาด้วย 

     และผู้ใดได้จับมือให้สัตยาบันกับผู้นำคนใดและมีความบริสุทธิ์ใจในสัญญา เขาก็จงเชื่อฟังเขาเท่าที่สามารถจะทำได้ และหากมีผู้ใดขึ้นประกาศเป็นผู้นำหรือคิดแย่งชิงตำแหน่งจากผู้นำที่ได้รับการให้สัตยาบันมา พวกเจ้าก็จงต่อสู้ประหัตประหารคนที่มาแย่งอำนาจนั้น” 

(มุสลิม 1844) 

         ชายคนหนึ่งได้ถามท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ว่า โอ้ท่านนบีของอัลลอฮฺ ท่านเห็นเป็นอย่างไร หากบรรดาผู้นำบังคับและขอให้เราเติมเต็มในสิทธิของพวกเขา แต่พวกเขากลับปิดกั้นไม่ยอมมอบสิทธิของพวกเรา ท่านจะสั่งให้เราทำอย่างไร? 

แต่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไม่ตอบ หลังจากนั้นเขาก็ถามท่านอีกครั้ง 

ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จึงตอบว่า


«اسْمَعْوا وَأَطِيعُوا، فإنَّمَا عَلَيْهِمْ مَا حُمِّلُوا، وَعَلَيْكُمْ مَا حُمِّلْتُمْ» 

“พวกเจ้าจงเชื่อฟังและปฏิบัติตามพวกเขา

เพราะแท้จริง บรรดาผู้นำเหล่านั้นต้องรับผิดชอบหน้าที่ในส่วนที่พวกเขาต้องปฏิบัติ

ส่วนพวกเจ้าก็ต้องแบกรับผิดชอบต่อหน้าที่ในส่วนที่พวกเจ้าต้องปฏิบัติ” 

(มุสลิม 1846) 


         และส่วนหนึ่งของสิทธิที่ผู้นำพึงได้รับจากประชาชน คือ ประชาชนต้องคอยให้ความช่วยเหลือสนับสนุนภารกิจและหน้าที่ของผู้นำ ด้วยการช่วยเหลือผู้นำในการดำเนินกิจการที่พวกเขาได้รับอะมานะฮฺมา และให้แต่ละคนรู้จักบทบาทและหน้าที่รับผิดชอบในสังคมของตัวเอง จนกระทั่งทุกๆ อย่างสามารถดำเนินไปตามแนวทางที่พึงประสงค์ เพราะหากผู้นำไม่ได้รับการช่วยเหลือจากประชาชนในภารกิจและหน้าที่รับผิดชอบของพวกเขา ภารกิจของพวกเขาก็จะไม่สามารถดำเนินไปตามแนวทางที่พึงประสงค์ได้




ผู้แปล: อันวา สะอุ และ อุษมาน อิดรีส 

Islam House