การมองสตรีตามหลักการอิสลาม
แปลเรียบเรียง ตุวัยลิบุ้ลอิลมฺ
การที่บุรุษจะมองสตรีตามหลักการอิสลามมี 7 ประเภท
หนึ่ง : พื้นฐานเดิมนั้น ถือเป็นที่ต้องห้ามที่ผู้ชายจะมองไปยังผู้หญิง
ดังคำตรัสของอัลลอฮ์ตะอาลาที่ว่า :
قُل لِّلْمُؤْمِنِينَ يَغُضُّوا مِنْ أَبْصَارِهِمْ وَيَحْفَظُوا فُرُوجَهُمْ ۚ ذَٰلِكَ أَزْكَىٰ لَهُمْ ۗ
"จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดแก่บรรดามุอ์มิน ให้พวกเขาลดสายตาของพวกเขาลงต่ำ
และให้พวกเขารักษาทวารของพวกเขา นั่นเป็นการบริสุทธิ์ยิ่งแก่พวกเขา"
(ซูเราะห์อันนูร อายะห์ที่ 30)
สอง : อนุญาตให้มองไปยังร่างกายทั้งหมดของภรรยาตัวเอง และทาสหญิง
สาม : อนุญาตให้มองไปยังสตรีที่เป็นมะฮฺรอม(หญิงที่ไม่สามารถแต่งงานกันได้)ในอวัยวะที่เปิดเผยได้เป็นส่วนใหญ่(เช่นใบหน้า และฝ่ามือ)
สี่ : อนุญาตให้มองไปยังสตรีที่ต้องการจะทำการสู่ขอ โดยมีเงื่อนไขคือ
1. มองไปยังอวัยวะที่เปิดเผยได้โดยส่วนใหญ่(ใบหน้าและฝ่ามือ)
2. จะต้องไม่อยู่ตามลำพัง
3. มีความตั้งใจจะแต่งงานจริงๆ
4. วะลีย์ของเจ้าสาวเห็นชอบด้วยในการที่จะให้ลูกสาวแต่งงาน
ห้า : อนุญาตให้มองได้ในขณะทำการรักษา โดยมองเฉพาะอวัยวะที่จำเป็นเท่านั้น โดยมีเงื่อนไขว่า หาแพทย์หญิงไม่ได้แล้ว
หก : อนุญาตให้มองไปยังใบหน้าของสตรี เพื่อเป็นพยาน หรือ เพื่อทำธุรกิจร่วมกันโดยจะต้องไม่เกิดอารมณ์
เจ็ด : อนุญาตให้มองไปยังทาสหญิงที่จะทำการซื้อขายในอวัยวะที่เปิดเผยได้โดยส่วนใหญ่
สรุปจากบทเรียนวิชาฟิกฮฺที่มหาวิทยาลัย จริงๆแล้วยังมีทัศนะต่างๆที่เป็นข้อปลีกย่อยในบางข้ออีก แต่เลือกทัศนะที่มีน้ำหนักมากที่สุด ตามการอธิบายของอาจารย์ผู้สอน หนังสือ "มะตั่นฆอยะห์ วัตตักรีบ" บทว่าด้วยเรื่องการ นิกาฮฺ
จากข้อตัดสินทางศาสนาอิสลามเกี่ยวกับการที่ผู้ชายมองไปยังสตรีที่ไม่ใช่มะฮฺรอม จะเห็นได้ว่า ศาสนาได้ปิดกั้นประตูที่จะก่อให้เกิดฟิตนะห์ระหว่างชายหญิงขึ้น โดยสิ่งนี้ไม่ถือว่าเป็นการกีดกันสิทธิใดๆ และไม่ถือว่าเป็นการเลยเถิดในเรื่องศาสนาด้วย หากแต่เป็นการป้องกันปัญหาที่จะเกิดตามมาได้จากการมองเพศตรงข้ามที่อาจจะก่อให้เกิดอารมณ์และนำไปสู่การทำซินา(การผิดประเวณี)ในท้ายที่สุด วั้ลอิญาซุบิ้ลละห์ และยังมีหลักฐานจากอัลกุรอ่านและฮะดิษที่ห้ามถึงสิ่งดังกล่าวนี้ดังมีรายงานว่า :
จากท่าน ญะรีร บิน อับดุลลอฮ รอดิยั้ลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า : ฉันได้ถามท่านร่อซู้ลศ็อลลั้ลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัม เกี่ยวกับการมองโดยกระทันหัน(โดยไม่ได้ตั้งใจ)
ท่านร่อซู้ล จึงกล่าวว่า : "จงละสายตาของเธอไปทางอื่นซะ"
มีฮะดิษอีกบทนึงที่รายงานถึงการมองไปยังสตรีอื่น ซึ่งท่านนบี ศ็อลลั้ลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัม ได้กล่าวกับ ท่านอาลีรอดิยั้ลลอฮุอันฮุว่า
"โอ้อาลีเอ๋ย เธออย่าได้มองติดต่อกัน 2 ครั้ง เพราะการมองครั้งแรกนั้นเป็นสิทธิของเธอ แต่สำหรับครั้งที่สองนั้นไม่ใช่"
(รายงานโดยอิหม่าม ติรมีซีย์)
ปิดท้ายด้วยกับฮะดิษของท่านนบีศ็อลลั้ลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัม ที่รายงานโดย อิหม่ามบุคอรี และมุสลิม ที่ว่า :
إن الله كتب على ابن آدم حظه من الزنا، أدرك ذلك لا محالة، فزنا العينين النظر، وزنا اللسان المنطق، والنفس تمنى وتشتهي، والفرج يصدق ذلك كله ويكذبه
"แท้จริงอัลลอฮได้ทรงกำหนดแก่ลูกหลานของอาดัมส่วนหนึ่งของเขา จากการซินา (คือ ทรงสร้างความรู้สึกที่จะรับรู้ถึงความหอมหวานของการซินา) ซึ่งมันจะประสบกับเขาอย่างไม่มีทางเลี่ยงได้ ซินาของสายตา คือ การมอง ซินาของลิ้น คือ คำพูด และ ซินาทางจิตใจ คือ ความปราถนา ความอยาก(ในการทำซินา) และอวัยวะเพศจะทำให้สิ่งดังกล่าวทั้งหมดเป็นจริง และก็จะปฏิเสธสิ่งดังกล่าวด้วยเช่นกัน(หากเขายับยั้งจิตใจได้)"
ดังนั้น เมื่อการมองถือเป็นการซินาทางสายตาตามที่ปรากฏในฮะดิษดังกล่าว การที่สตรีลงรูปตัวเองเพื่อให้คนอื่นมาดู มากดไลค์ มากดชอบ มากดว้าว หรืออื่นๆ ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของการทำให้ผู้อื่นได้ทำซินาทางสายตาด้วยเช่นกัน วั้ลลอฮุอะอฺลัม และก็ยังรวมถึงสตรีที่ไม่อนุญาติให้มองไปยังชายที่ไม่ใช่มะฮฺรอมด้วยเช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้ มัสฮับ ชาฟีอีย์ถือว่าไม่อนุญาตเช่นกัน