การมองสตรีตามหลักการอิสลาม
  จำนวนคนเข้าชม  8005


การมองสตรีตามหลักการอิสลาม


 

แปลเรียบเรียง ตุวัยลิบุ้ลอิลมฺ

 

การที่บุรุษจะมองสตรีตามหลักการอิสลามมี  7 ประเภท

 

หนึ่ง  : พื้นฐานเดิมนั้น ถือเป็นที่ต้องห้ามที่ผู้ชายจะมองไปยังผู้หญิง

ดังคำตรัสของอัลลอฮ์ตะอาลาที่ว่า :


قُل لِّلْمُؤْمِنِينَ يَغُضُّوا مِنْ أَبْصَارِهِمْ وَيَحْفَظُوا فُرُوجَهُمْ ۚ ذَٰلِكَ أَزْكَىٰ لَهُمْ ۗ

"จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดแก่บรรดามุอ์มิน ให้พวกเขาลดสายตาของพวกเขาลงต่ำ

และให้พวกเขารักษาทวารของพวกเขา นั่นเป็นการบริสุทธิ์ยิ่งแก่พวกเขา"
 

(ซูเราะห์อันนูร อายะห์ที่ 30)


 

สอง  : อนุญาตให้มองไปยังร่างกายทั้งหมดของภรรยาตัวเอง และทาสหญิง


สาม  : อนุญาตให้มองไปยังสตรีที่เป็นมะฮฺรอม(หญิงที่ไม่สามารถแต่งงานกันได้)ในอวัยวะที่เปิดเผยได้เป็นส่วนใหญ่(เช่นใบหน้า และฝ่ามือ)


สี่  : อนุญาตให้มองไปยังสตรีที่ต้องการจะทำการสู่ขอ โดยมีเงื่อนไขคือ

 

1. มองไปยังอวัยวะที่เปิดเผยได้โดยส่วนใหญ่(ใบหน้าและฝ่ามือ) 

2. จะต้องไม่อยู่ตามลำพัง

3. มีความตั้งใจจะแต่งงานจริงๆ

4. วะลีย์ของเจ้าสาวเห็นชอบด้วยในการที่จะให้ลูกสาวแต่งงาน


 

ห้า  : อนุญาตให้มองได้ในขณะทำการรักษา โดยมองเฉพาะอวัยวะที่จำเป็นเท่านั้น โดยมีเงื่อนไขว่า หาแพทย์หญิงไม่ได้แล้ว


หก  : อนุญาตให้มองไปยังใบหน้าของสตรี เพื่อเป็นพยาน หรือ เพื่อทำธุรกิจร่วมกันโดยจะต้องไม่เกิดอารมณ์


เจ็ด  : อนุญาตให้มองไปยังทาสหญิงที่จะทำการซื้อขายในอวัยวะที่เปิดเผยได้โดยส่วนใหญ่

 


         สรุปจากบทเรียนวิชาฟิกฮฺที่มหาวิทยาลัย จริงๆแล้วยังมีทัศนะต่างๆที่เป็นข้อปลีกย่อยในบางข้ออีก แต่เลือกทัศนะที่มีน้ำหนักมากที่สุด ตามการอธิบายของอาจารย์ผู้สอน หนังสือ "มะตั่นฆอยะห์ วัตตักรีบ" บทว่าด้วยเรื่องการ นิกาฮฺ



 

          จากข้อตัดสินทางศาสนาอิสลามเกี่ยวกับการที่ผู้ชายมองไปยังสตรีที่ไม่ใช่มะฮฺรอม จะเห็นได้ว่า ศาสนาได้ปิดกั้นประตูที่จะก่อให้เกิดฟิตนะห์ระหว่างชายหญิงขึ้น โดยสิ่งนี้ไม่ถือว่าเป็นการกีดกันสิทธิใดๆ และไม่ถือว่าเป็นการเลยเถิดในเรื่องศาสนาด้วย หากแต่เป็นการป้องกันปัญหาที่จะเกิดตามมาได้จากการมองเพศตรงข้ามที่อาจจะก่อให้เกิดอารมณ์และนำไปสู่การทำซินา(การผิดประเวณี)ในท้ายที่สุด วั้ลอิญาซุบิ้ลละห์ และยังมีหลักฐานจากอัลกุรอ่านและฮะดิษที่ห้ามถึงสิ่งดังกล่าวนี้ดังมีรายงานว่า :

 

     จากท่าน ญะรีร บิน อับดุลลอฮ รอดิยั้ลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า : ฉันได้ถามท่านร่อซู้ลศ็อลลั้ลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัม เกี่ยวกับการมองโดยกระทันหัน(โดยไม่ได้ตั้งใจ) 
 

     ท่านร่อซู้ล  จึงกล่าวว่า : "จงละสายตาของเธอไปทางอื่นซะ"

 

          มีฮะดิษอีกบทนึงที่รายงานถึงการมองไปยังสตรีอื่น ซึ่งท่านนบี ศ็อลลั้ลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัม ได้กล่าวกับ ท่านอาลีรอดิยั้ลลอฮุอันฮุว่า
 

"โอ้อาลีเอ๋ย เธออย่าได้มองติดต่อกัน 2 ครั้ง เพราะการมองครั้งแรกนั้นเป็นสิทธิของเธอ แต่สำหรับครั้งที่สองนั้นไม่ใช่"
 

(รายงานโดยอิหม่าม ติรมีซีย์)

 

         ปิดท้ายด้วยกับฮะดิษของท่านนบีศ็อลลั้ลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัม ที่รายงานโดย อิหม่ามบุคอรี และมุสลิม ที่ว่า :


إن الله كتب على ابن آدم حظه من الزنا، أدرك ذلك لا محالة، فزنا العينين النظر، وزنا اللسان المنطق، والنفس تمنى وتشتهي، والفرج يصدق ذلك كله ويكذبه

 

          "แท้จริงอัลลอฮได้ทรงกำหนดแก่ลูกหลานของอาดัมส่วนหนึ่งของเขา จากการซินา (คือ ทรงสร้างความรู้สึกที่จะรับรู้ถึงความหอมหวานของการซินา) ซึ่งมันจะประสบกับเขาอย่างไม่มีทางเลี่ยงได้ ซินาของสายตา คือ การมอง ซินาของลิ้น คือ คำพูด และ ซินาทางจิตใจ คือ ความปราถนา ความอยาก(ในการทำซินา) และอวัยวะเพศจะทำให้สิ่งดังกล่าวทั้งหมดเป็นจริง และก็จะปฏิเสธสิ่งดังกล่าวด้วยเช่นกัน(หากเขายับยั้งจิตใจได้)"

 


          ดังนั้น เมื่อการมองถือเป็นการซินาทางสายตาตามที่ปรากฏในฮะดิษดังกล่าว การที่สตรีลงรูปตัวเองเพื่อให้คนอื่นมาดู มากดไลค์ มากดชอบ มากดว้าว หรืออื่นๆ ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของการทำให้ผู้อื่นได้ทำซินาทางสายตาด้วยเช่นกัน วั้ลลอฮุอะอฺลัม และก็ยังรวมถึงสตรีที่ไม่อนุญาติให้มองไปยังชายที่ไม่ใช่มะฮฺรอมด้วยเช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้ มัสฮับ ชาฟีอีย์ถือว่าไม่อนุญาตเช่นกัน