สิทธิของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
เชค มุหัมมัด บิน ศอลิห์ อัล-อุษัยมีน
สิทธิข้อนี้เป็นสิทธิที่ยิ่งใหญ่ที่พึงมีต่อมัคลูก(สรรพสิ่งที่ถูกสร้าง)ด้วยกัน ไม่มีสิทธิของสรรพสิ่งใดๆ ที่จะยิ่งใหญ่ไปกว่าสิทธิที่พึงมีต่อศาสนทูตของอัลลอฮฺ (นบีมุหัมมัด) ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม พระองค์อัลลอฮฺได้ตรัสว่า
( إِنَّآ أَرۡسَلۡنَٰكَ شَٰهِدٗا وَمُبَشِّرٗا وَنَذِيرٗا ٨ لِّتُؤۡمِنُواْ بِٱللَّهِ وَرَسُولِهِۦ وَتُعَزِّرُوهُ وَتُوَقِّرُوهُۚ ﴾ [الفتح: ٨-٩]
“แท้จริงเราได้ส่งเจ้า(มุหัมมัด)มาเพื่อเป็นพยานและผู้แจ้งข่าวดีและผู้แจ้งข่าวร้าย
เพื่อให้พวกเจ้าศรัทธาต่ออัลลอฮฺและศาสนทูตของพระองค์
รวมทั้งเพื่อให้พวกเจ้ามอบความช่วยเหลือสนับสนุนเขา และเทิดทูนให้เกียรติแก่เขา”
(อัล-ฟัตหฺ : 9-8)
ดังนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องมอบความรักแด่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เหนือกว่ามนุษย์คนอื่นๆ แม้กระทั่งตัวท่านเอง ลูกๆ หรือบิดามารดาของท่าน ท่านศาสนทูตของอัลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
«لَا يُؤْمِنُ أَحَدُكُمْ حَتَّى أَكُوْنَ أَحَبَّ إِلَيْهِ مِنْ وَلَدِهِ وَوَالِدِهِ وَالنَّاسِ أَجْمَعِيْنَ»
"คนหนึ่งคนใดจากพวกท่าน จะยังไม่ศรัทธาโดยสมบูรณ์ จนกว่าฉัน(ท่านนบี)จะเป็นที่รักยิ่งสำหรับเขา
มากกว่าบิดาของเขา ลูกของเขา และมนุษย์ทั้งหมด"
(บันทึกโดย อัล-บุคอรีย์ 15, มุสลิม 44, อัน-นะสาอีย์ 5013, อิบนุ มาญะฮฺ 67, อะหฺมัด 3/207, อัด-ดาริมีย์ 2741)
ส่วนหนึ่งจากสิทธิที่พึงมีต่อท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม คือ การให้เกียรติแก่ท่าน การเทิดทูนและเชิดชูที่เหมาะสมกับฐานะโดยไม่เลยเถิดจนเกินไปและไม่ละเลยจนเกินควร รูปแบบการให้เกียรติแก่ท่านในขณะที่ท่านยังมีชีวิต คือ เคารพให้เกียรติแนวทางและตัวท่านเอง ส่วนการให้เกียรติหลังจากที่ท่านได้สิ้นชีวิตไปแล้ว คือ การเคารพและให้เกียรติแนวทางและคำสอนของท่าน หากใครได้เห็นถึงการให้เกียรติและเทิดทูนของบรรดาเศาะหาบะฮฺต่อท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมแล้ว เขาก็จะทราบดีว่าบรรดาเศาะหาบะฮฺผู้ทรงเกียรติเหล่านั้นได้ทำหน้าที่ที่พึงมีต่อศาสนทูตของอัลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไว้อย่างไรบ้าง
อุรวะฮฺ บิน มัสอูด ได้เล่าแก่ชาวกุร็อยชฺ ครั้งที่พวกเขาได้ส่งเขาไปเจรจากับท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ในการทำสนธิสัญญา อัล-หุดัยบิยะฮฺ เขากล่าวว่า
"ฉันเคยเข้าเฝ้าบรรดากษัตริย์หลายองค์ไม่ว่าจะเป็น กิสรอ (คุสโรแห่งเปอร์เซีย), ก็อยศ็อรฺ (ซีซาร์แห่งโรมัน) หรือ อัน-นะญาชีย์ (แห่งอบิสสิเนียหรือเอธิโอเปีย) แต่ฉันไม่เคยพบว่าบรรดาพสกนิกรของกษัตริย์เหล่านั้นจะให้เกียรติแก่กษัตริย์ของพวกเขา เฉกเช่นที่บรรดาเศาะหาบะฮฺของมุหัมมัดได้กระทำกับมุหัมมัด ทั้งนี้ เมื่อเขา(มุหัมมัด)บัญชาสิ่งใดพวกเขารีบสนองคำบัญชาทันที เมื่อเขาจะอาบน้ำละหมาดบรรดาเศาะหาบะฮฺต่างแย่งกันที่จะอำนวยความสะดวกให้ท่านอาบน้ำละหมาด เมื่อเขาพูดจาสนทนา บรรดาเศาะหาบะฮฺจะพากันลดเสียงในขณะที่อยู่ต่อหน้าเขา และพวกเขาจะไม่จ้องมองสายตาไปยังเขาทั้งนี้เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่เขา"
(มุคตะศ็อร สีเราะฮฺ อัร-เราะสูล โดยชัยคฺ อับดุลลอฮฺ บิน มุหัมมัด บิน อับดุลวะฮ์ฮาบ หน้าที่ 300)
เช่นนี้แหละที่บรรดาเศาะหาบะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุม ได้ให้เกียรติและเทิดทูนท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เนื่องจากอัลลอฮฺได้ประทานให้ท่านนบีมีนิสัยและมารยาทที่งดงาม มีความอ่อนน้อม และใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ซึ่งหากท่านนบีเป็นบุคคลที่ก้าวร้าวแน่นอนคนรอบข้างจะพากันเตลิดหนีหายจากท่านไป
และส่วนหนึ่งจากสิทธิที่พึงมีต่อท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม คือ ศรัทธาและเชื่อในสิ่งที่ท่านได้แจ้งให้เราทราบทั้งในเรื่องอดีตกาลและเรื่องที่จะเกิดขึ้นภายภาคหน้า การปฏิบัติตามคำบัญชาของท่าน การหลีกห่างจากสิ่งที่ท่านได้ห้ามและเตือนระวัง ตลอดจนศรัทธาว่าทางนำของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม คือทางนำที่สมบูรณ์ที่สุด บทบัญญัติของท่านนั้นคือบทบัญญัติที่สมบูรณ์แบบที่สุด และไม่เอาบทบัญญัติ หรือกฎระเบียบใดๆมาอยู่เหนือบทบัญญัติหรือคำสอนของท่านไม่ว่าจะมาจากแหล่งใดก็ตาม
อัลลอฮฺ ตรัสว่า
( فَلَا وَرَبِّكَ لَا يُؤۡمِنُونَ حَتَّىٰ يُحَكِّمُوكَ فِيمَا شَجَرَ بَيۡنَهُمۡ ثُمَّ لَا يَجِدُواْ فِيٓ أَنفُسِهِمۡ حَرَجٗا مِّمَّا قَضَيۡتَ وَيُسَلِّمُواْ تَسۡلِيمٗا ٦٥ ﴾ [النساء : ٦٥]
"มิใช่เช่นนั้นดอก ข้าขอสาบานด้วยพระเจ้าของเจ้าว่า เขาเหล่านั้นจะยังไม่ศรัทธา จนกว่าพวกเขาจะให้เจ้าตัดสินในสิ่งที่ขัดแย้งกันระหว่างพวกเขาแล้วพวกเขาไม่พบความคับใจใดๆ ในจิตใจของพวกเขาจากสิ่งที่เจ้าได้ตัดสินใจ และพวกเขายอมจำนนด้วยดี"
(อัน-นิสาอ์ : 65)
( قُلۡ إِن كُنتُمۡ تُحِبُّونَ ٱللَّهَ فَٱتَّبِعُونِي يُحۡبِبۡكُمُ ٱللَّهُ وَيَغۡفِرۡ لَكُمۡ ذُنُوبَكُمۡۚ وَٱللَّهُ غَفُورٞ رَّحِيمٞ ٣١ ﴾ [آل عمران: ٣١]
"จงกล่าวเถิด(มุหัมมัด) ว่า หากพวกท่านรักอัลลอฮฺ ก็จงปฏิบัติตามฉัน อัลลอฮฺก็จะทรงรักพวกท่าน และจะทรงอภัยให้แก่พวกท่านซึ่งโทษทั้งหลายของพวกท่าน และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ"
(อาล อิมรอน : 31 )
และส่วนหนึ่งจากสิทธิที่พึงมีต่อท่านนบีคือปกป้องศาสนบัญญัติ และแนวทางของท่านเท่าที่เขาคนนั้นจะมีความสามารถแม้ว่าในบางกรณีจำเป็นที่จะต้องใช้กำลังและอาวุธต่อสู้ก็ตาม
เมื่อศัตรูโจมตีด้วยปรัชญาและข้อคลุมเครือต่างๆ การปกป้องเกียรติของท่านก็ต้องตอบโต้ด้วยหลักวิชาการและพยามยามหักล้างข้อกล่าวหาต่างๆ และอธิบายเปิดโปงการใส่ร้ายอันมดเท็จ
แต่หากว่าศัตรูโจมตีด้วยอาวุธ การปกป้องก็ต้องเป็นไปตามความเหมาะสมกับเหตุการณ์ และไม่บังควรอย่างยิ่งที่ผู้ศรัทธาคนหนึ่งเมื่อได้ยินคนมาดูหมิ่นท่านนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม หรือหลักการคำสอนของท่าน เขาจะอยู่อย่างนิ่งเฉยไม่ได้แสดงกริยาใดๆ ในการที่จะปกป้องเกียรติของท่าน ทั้งที่สามารถจะปกป้องท่านได้
ผู้แปล: อันวา สะอุ และ อุษมาน อิดรีส
Islam house