การอีมานต่อบรรดาคัมภีร์ของอัลลอฮฺ(อัสสะมาวียะฮฺ)
แปลเรียบเรียง อ.ยะห์ยา หัสการณ์บัญชา
คำถาม :
ข้อตัดสินชี้ขาดเกี่ยวกับการอีมานศรัทธาต่อบรรดาคัมภีร์ของอัลลอฮฺ (อัสสะมาวียะฮฺ)คืออะไร? และคัมภีร์เหล่านั้นมีจำนวนเท่าไหร่?
คำตอบ :
การอีมานศรัทธาต่อบรรดาคัมภีร์ของอัลลอฮฺ นั้นเป็นเรื่องที่จำเป็น(วาญิบ) ทั้งโดยภาพรวมและโดยละเอียด ซึ่งการอีมานศรัทธาต่อคัมภีร์เหล่านั้นโดยภาพรวมคือ ศรัทธาต่อบรรดาคัมภีร์ที่อัลลอฮฺ มิได้แจ้งชื่อ หรือเรียกชื่อให้ทราบ โดยเราศรัทธาว่าอัลลอฮ์ ประทานบรรดาคัมภีร์ให้แก่บรรดานบี และเราะสูล
ดังที่อัลลอฮ์ ตรัสความว่า
"และแน่แท้เราได้แต่งตั้งบรรดาเราะสูล(ศาสนทูต)ของเรามาพร้อมหลักฐานอันชัดแจ้ง
และเราได้ประทานคัมภีร์ให้แก่พวกเขา"
มุอฺมินผู้ศรัทธานั้นจะเชื่อมั่นศรัทธาว่าอัลลอฮ์ ประทานบรรดาคัมภีร์ของพระองค์มาให้แก่บรรดาศาสนทูตของพระองค์ โดยในคัมภีร์เหล่านั้นมีทั้ง หลักความยุติธรรม , บทบัญญัติต่างๆ และการศรัทธาต่อบรรดาคัมภีร์ที่อัลลอฮฺ ทรงเรียกชื่อให้ทราบ ทั้งคัมภีร์อัตเตารอต , อัลอินญีล(ไบเบิล) , อัซซะบูร ซึ่งคัมภีร์อัตเตารอตอัลลอฮฺ ประทานให้แก่นบีมูซา คัมภีร์อัลอิลญีลให้แก่นบีอีซา และ คัมภีร์อัซซะบูรให้แก่นบีดาวูด โดยศรัทธาต่อคัมภีร์เหล่านี้ที่อัลลอฮฺ ทรงเรียกชื่อให้ทราบและจำแนกให้เป็นพิเศษ และ คัมภีร์อัลกุรอานอัลลอฮ์ ประทานให้แก่นบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม
ดังนั้นด้วยเหตุนี้ คัมภีร์ใดก็ตามที่อัลลอฮฺ ทรงเรียกชื่อให้ทราบ เราก็จะเรียกชื่อตามที่พระองค์เรียก ดังที่หลักฐานทางบทบัญญัติได้ระบุไว้ และคัมภีร์ใดก็ตามที่พระองค์มิได้ระบุชื่อและรายละเอียดเอาไว้ เราก็จะไม่ระบุชื่อและรายละเอียด และเราจะกล่าวว่า อัลลอฮฺ ประทานบรรดาคัมภีร์ให้แก่บรรดานบีและศาสนทูต(เราะสูล)ของพระองค์ เราจะศรัทธาและเชื่อมั่นต่อคัมภีร์เหล่านั้น(ศรัทธาเชื่อว่ามาจากอัลลอฮฺ แต่ไม่ได้ปฏิบัติตาม เพราะคัมภีร์ของมุสลิมที่ต้องปฏิบัติตามคืออัลกุรอานเท่านั้น) และเรารู้ว่า คัมภีร์เหล่านั้นมาจากอัลลอฮฺ อย่างแท้จริง แต่ว่าเราไม่รู้ถึงรายละเอียดของคัมภีร์เหล่านั้น เรารู้เพียงแค่อัลลอฮฺ ประทานคัมภีร์เหล่านั้นมาเพื่อเป็นหลักฐานอันประจักษ์แจ้ง และหักล้างข้ออ้าง ซึ่งส่วนหนึ่งจากคัมภีร์เหล่านั้นคือ คัมภีร์อัตเตารอต คัมภีร์อัลอินญีล คัมภีร์อัซซะบูร และอัลกุรอาน
สรุปประเด็นสำคัญจากฟัตวานูรอะลัดดัรบฺ(แสงส่องทาง)ที่ตอบโดยปราชญ์ผู้ทรงคุณวุฒิในโลกอิสลาม นำโดยชัยคฺอับดุลอะซีซ บิน บาซในประเด็นนี้คือ
การอีมานศรัทธาต่อบรรดาคัมภีร์ของอัลลอฮฺนั้นเป็นเรื่องเตากีฟีย์ คือ จะต้องเชื่อไปตามที่อัลลอฮฺ ทรงบอกไว้ ส่วนในสิ่งที่อัลลอฮฺ มิได้บอกหรือระบุรายละเอียดเอาไว้ เราต้องอีมานศรัทธาโดยภาพรวมเท่านั้นโดยต้องไม่ระบุรายละเอียด ซึ่งคัมภีร์ที่อัลลอฮฺ ทรงระบุชื่อให้เราทราบก็คือ อัตเตารอต ,อัลอินญีล ,อัซซะบูร และอัลกุรอาน ส่วนคัมภีร์อื่นจากนี้เราจะศรัทธาโดยภาพรวมว่ามีจริงและอัลลอฮ์ ประทานให้แก่บรรดาศาสทูตและนบีของพระองค์ โดยไม่ระบุชื่อและรายละเอียดลงไปว่าเป็นคัมภีร์ใดบ้าง และเราจะไม่นำคัมภีร์ใดๆนอกจากที่อัลลอฮฺ ระบุชื่อมาเชื่อมโยง ผูกเรื่องให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบรรดาคัมภีร์ของอัลลอฮฺ
ทำไมนะหรือ ? เพราะมันมีผลอย่างมากต่อประเด็นถัดมา ซึ่งถือว่าเป็นประเด็นที่อันตรายมาก
ประเด็นที่ว่าคือ การที่เรานำคัมภีร์ใดก็ตามที่เราคิดเอาว่ามันเชื่อมโยงและมีความสัมพันธ์ต่ออัลลอฮฺ และอิสลามโดยที่อัลลอฮฺ มิได้ระบุชื่อและรายละเอียดเอาไว้ (เช่นพระไตยปิฎก และพระเวทของฮินดู) มันจะมีผลให้เราต้องศรัทธาต่อคัมภีร์เหล่านั้นไปด้วย เนื่องจากเราพาดพิงคัมภีร์เหล่านั้นมาหาอิสลาม และผลที่ตามมาคือ แล้วมุสลิมที่ไม่ศรัทธาต่อคัมภีร์เหล่านี้จะเป็นกาฟิร สิ้นสภาพจากการเป็นมุสลิมหรือไม่ ! เนื่องจากปฏิเสธที่จะอีมานศรัทธาต่อคัมภีร์เหล่านี้(เช่นพระไตยปิฎก และพระเวทของฮินดู)?
ดังนั้น เรื่องศาสนาโดยเฉพาะเรื่องอะกีดะฮฺ(หลักยึดมั่นศรัทธา)ที่ถือเป็นเรื่องเตากีฟีย์ เราในฐานะมุสลิมผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ จะต้องระมัดระวังให้มากๆ เพราะไม่ใช่เรื่องที่ใครก็ตามจะเอาความคิดหรือทัศนะของตนเองที่มองว่าถูก ดี เข้าท่า มาคิดวิเคราะห์ หรือตัดสิน
อ้างอิงจากเว็บไซต์ ฟัตวา นูรอะลัดดัรบฺ และเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของชัคฺอับดุลอะซีซ บินบาซ
http://www.alifta.net/fatawa/fatawaDetails.aspx
https://www.binbaz.org.sa/noor/11395