พระเจ้าทรงสถิตอยู่เบื้องบน (1)
เรียบเรียงโดย... อาบีดีณ โยธาสมุทร
بسم الله الرحمن الرحيم
หนึ่งในเรื่องที่เป็นหลักสำคัญของแนวทางซุนนะฮฺก็คือ การเชื่อถือในทุกๆข้อมูลที่อัลลอฮฺ ﷻ และร่อซู้ลของพระองค์ ﷺ ได้ทรงแจ้งเอาไว้ ทั้งที่ถูกระบุในอั้ลกุ้รอ่านหรือในอั้ลฮะดีษที่เชื่อถือได้ โดยจะต้องเชื่อว่า ทุกๆข้อมูลที่พระองค์ได้ทรงแจ้งเอาไว้นั้นล้วนเป็นความจริง ตรงกับข้อเท็จจริง และถูกสื่อสารไว้ด้วยถ้อยคำที่เหมาะสม ชัดเจนและยังเป็นคำที่สามารถบ่งบอกถึงจุดมุ่งหมายของข้อมูลนั้นๆไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้วอีกด้วย
ซึ่งหนึ่งในจำนวนข้อมูลที่อัลลอฮฺ ﷻ ทรงแจ้งไว้ให้พวกเราได้รับทราบ ก็ได้แก่ ข้อมูลที่ได้ทรงแจ้งไว้ให้พวกเราได้รับรู้และศรัทธากันว่า พระเจ้า ﷻ นั้นทรงอยู่เบื้องบน ทรงอยู่เหนือสิ่งถูกสร้างทั้งมวล ซึ่งเป็นการอยู่เหนือขึ้นไปที่เหมาะสมและคู่ควรกับความยิ่งใหญ่ของพระองค์แต่เพียงผู้เดียว ไม่มีสิ่งใดทั้งสิ้นเหมือนกับพระองค์
หลักฐานที่ยืนยันในเรื่องนี้มีอยู่หลายประเภทด้วยกันดังนี้
๑. ♦ ข้อมูลที่พระองค์ทรงแจ้งถึงพระนามของพระองค์ที่มีความหมายยืนยันว่า พระองค์นั้นทรงสูงส่ง เช่น พระนามที่ว่า “อั้ลอะลี, อั้ลอะอฺลา และอั้ลมุตะอาล” ดังที่ถูกระบุไว้ใน ซูเราะฮฺอั้ลอะอฺลา/1 , อั้ลบะกอเราะฮฺ/255 (อายะฮฺ อั้ลกุ้รซีย์) และอั้รเราะอฺดุ/9 เป็นต้น.
๒. ♦ ข้อมูลที่ให้การยืนยันไว้อย่างชัดเจนว่า พระองค์ทรงประทับอยู่เหนือบัลลังก์
ดังที่ปรากฏใน ดำรัสของพระองค์ที่ว่า
( إِنَّ رَبَّكُمُ اللَّهُ الَّذِي خَلَقَ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضَ فِي سِتَّةِ أَيَّامٍ ثُمَّ اسْتَوَىٰ عَلَى الْعَرْشِ...)
"แน่นอนว่า พระเจ้าของพวกเจ้านั้นคือ อัลลอฮฺ พระผู้ทรงสร้างบรรดาฟากฟ้าและแผ่นดินขึ้นในหกวัน
จากนั้น พระองค์ก็ทรงประทับอยู่เหนือบัลลังก์"
(อั้ลอะอฺร้อฟ/54)
และข้อมูลข้างต้นนี้ยังได้ถูกระบุไว้ในอีกหลายซูเราะฮฺในอั้ลกุรอ่านดังต่อไปนี้ ซึ่งได้แก่ ซูเราะฮฺ ยูนุส/3 , อั้รเราะอฺดุ/2 , ตอฮา/ 5, อั้ลฟุรกอน/ 59, อั้ซซัจดะฮฺ/ 4-5 และอั้ลฮะดี้ด/4. และยังรวมไปถึงข้อมูลที่ถูกระบุไว้ในฮะดี้ษรายงานโดยท่านอนัส เล่าถึงความประเสริฐของ วันศุกร์เอาไว้ความว่า
“เป็นวันที่พระเจ้าของเจ้าทรงประทับบนบัลลังก์ในวันนั้น”
(ดู ศ่อฮี้ฮฺอั้ตตั้รฆีบ เลขที่ 694 และดูฟะตาวา ชัยคุ้ลอิสลาม 6 /410-416)
๓. ♦ ข้อมูลที่ระบุโดยตรงว่า พระองค์ทรงอยู่เบื้องบน
อัลลอฮฺ ﷻ ตรัสว่า
( وَهُوَ الْقَاهِرُ فَوْقَ عِبَادِهِ وَهُوَ الْحَكِيمُ الْخَبِيرُ )
"พระองค์คือ พระผู้ทรงอำนาจเด็ดขาดเหนือปวงบ่าวของพระองค์"
(อั้ลอันอาม/18)
และตรัสว่า
( يَخَافُونَ رَبَّهُم مِّن فَوْقِهِمْ وَيَفْعَلُونَ مَا يُؤْمَرُونَ )
"และพวกเขาต่างกลัวพระเจ้าของพวกเขา จากทางเบื้องบนของพวกเขา และพวกเขาก็จะกระทำในสิ่งที่พระองค์ทรงสั่งใช้"
(อันนะฮลฺ/50)
และฮะดี้ษที่ท่านนบี ﷺ กล่าวถึงการตัดสินของท่านซะอดฺที่ว่า
“ท่านได้ทำการตัดสินพวกเขาด้วยคำตัดสินของพระผู้ทรงครอบครองอำนาจ จากเบื้องบนของฟ้าทั้งเจ็ด”
(ดู อั้ลบุคอรีย์เลขที่4121/ มุสลิมเลขที่ 1769)
ในศ่อฮีฮุ้ลบุคอรีย์ / ฮะดี้ษที่รายงานโดยท่านอนัสที่เล่าถึงคำพูดของท่านหญิงไซหนับที่ว่า “พวกเธอนี้ ทางครอบครัวของพวกเธอเป็นผู้ทำการสมรสให้พวกเธอ แต่ตัวฉัน อัลลอฮฺทรงทำการสมรสให้ฉันจากเบื้องบนฟากฟ้าทั้งเจ็ด”
(ดู เลขที่7420)
ท่านอับดุลลอฮฺอิบนุมัสอู้ด กล่าวว่า “ผู้เป็นบ่าวนั้นจะพยายามจัดแจงและดูแลกิจการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องธุรกิจหรือเรื่องการเมืองการปกครอง เพื่อให้มันดำเนินไปได้อย่างสะดวก โดยที่อัลลอฮฺทรงมองดูเขาอยู่เหนือฟ้าทั้งเจ็ด
แล้วพระองค์ก็ตรัสกับมะลาอิกะฮฺว่า จงผันเรื่องนี้ให้พ้นเขาไปเสีย เพราะถ้าหากข้าอำนวยให้เขาได้รับเรื่องนี้ไว้ล่ะก็ ข้าก็จะจัดให้เขาต้องเข้าสู่นรก”
(ดู อั้ลลาละกาอีย์/ เลขที่ 1219)
ท่านอิบนุมัสอู้ด ยังได้กล่าวไว้อีกว่า “บัลลังก์นั้นอยู่เหนือน้ำ และอัลลอฮฺทรงอยู่เหนือบัลลังก์ ไม่มีการกระทำใดๆเลยของพวกเจ้าแม้แต่การกระทำเดียวที่จะอำพรางให้หลุดรอดจากพระองค์ไปได้”
(อั้ลลาละกาอีย์/ เลขที่ 659)
๔. ♦ ข้อมูลที่มีการระบุไว้โดยชัดเจนว่าพระองค์ทรงอยู่บนฟากฟ้า/ทรงอยู่เบื้องบน
พระองค์ ﷻ ตรัสว่า
( أَأَمِنتُم مَّن فِي السَّمَاءِ أَن يَخْسِفَ بِكُمُ الْأَرْضَ فَإِذَا هِيَ تَمُورُ . أَمْ أَمِنتُم مَّن فِي السَّمَاءِ أَن يُرْسِلَ عَلَيْكُمْ حَاصِبًا فَسَتَعْلَمُونَ كَيْفَ نَذِيرِ )
"พวกเจ้ารู้ถึงวางใจกับการที่พระผู้ที่ทรงอยู่บนฟากฟ้าจะทรงให้แผ่นดินสูบพวกเจ้าลงไป แล้วมันก็จะสั่นสะท้านกันอย่างนั้นหรือ?
หรือว่าพวกเจ้ารู้สึก วางใจกัน กับการที่พระผู้ที่ทรงอยู่บนฟากฟ้า จะทรงส่งพายุที่หอบเอาการลงโทษมาจัดการกับพวกเจ้า
แล้วพวกเจ้าก็จะได้รู้ว่าการตักเตือนนั้นเป็นเช่นไร"
(ดู อั้ลมุ้ลกฺ /16-17)
ท่านร่อซู้ล ﷺ กล่าวว่า
“พวกท่านจะไม่ไว้ใจข้าพเจ้ากันหรอกหรือ ทั้งๆที่ข้าพเจ้านี้ คือ ผู้ที่เป็นที่ได้รับความไว้วางใจ ของพระผู้ทรงอยู่บนฟ้า”
(ดู อั้ลบุคอรีย์ เลขที่ 3344และ มุสลิม เลขที่ 1064)
มีรายงานจากท่าน มุอาวิยะฮฺ อิบนิ้ล ฮะกัม เล่าว่า ท่านกล่าวว่า ผมเคยมีทาสที่เป็นเด็กผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง ทำหน้าที่ออกไปเลี้ยงแกะให้ผมตรงแถวๆภูเขาอุฮุดและอั้ลยู้วานะฮฺ (พื้นที่ใกล้เคียงกับภูเขาอุฮุด ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของมะดีนะฮฺ ) ปรากฏว่ามีอยู่วันหนึ่ง หมาป่าได้เข้ามาจับแกะที่เธอเลี้ยงอยู่ไปหนึ่งตัว ซึ่งตัวผมเองก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งเหมือนกันกับคนอื่นๆ ก็โกรธเป็นเหมือนกับที่คนอื่นเขาโกรธ แต่ประเด็นคือ ผมได้เข้าไปทำการตบหน้าเด็กหญิงคนนั้นหนึ่งทีน่ะสิครับ ผมจึงไปหาท่านร่อซูลลุ่ลลอฮฺ ﷺ โดยที่ผมรู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้มันเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก
ผมได้พูดกับท่านไปว่า ท่านร่อซูลุ่ลลอฮฺ ครับ จะให้ผมปล่อยทาสคนนั้นให้เป็นไทเลยหรือไม่ครับ?
ท่านบอกว่า “เธอจงไปพาตัวทาสคนนั้นมาหาฉัน”
ผมจึงนำทาสคนนั้นมาหาท่าน แล้วท่านก็พูดกับทาสคนนั้นว่า “อัลลอฮฺอยู่ที่ไหน?”
นางตอบว่า “อยู่บนฟ้าค่ะ”
ท่านถามต่อว่า “ฉันคือใคร?”
นางตอบว่า “ท่านคือ ร่อซู้ลของอัลลอฮฺ ﷺ ค่ะ”.
ท่านกล่าวว่า “จงปล่อยนางให้เป็นอิสระได้ เพราะนางคือ ผู้ศรัทธา”
บันทึกโดย มุสลิม ( ดู เลขที่ 33 และ 537 , อบูดาวู้ด เลขที่930 , อันนะซาอียฺ เลขที่ 1218 และท่านอื่นๆ)
มีรายงานจากท่าน อบี ฮุรอยเราะฮฺ ร่อดิยั้ลลอฮุอันฮุ แจ้งว่า ท่านกล่าวว่า ท่านร่อซูลุ่ลลอฮฺ ﷺ กล่าวว่า
“ขอสาบานต่อพระผู้ที่ชีวิตของฉันอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ว่า ไม่มีผู้ชายคนใดที่เรียกผู้หญิงของตัวเองให้ไปที่ที่นอนของนางแล้วนางกลับปฏิเสธ นอกเสียแต่พระผู้ที่ทรงอยู่บนฟากฟ้าจะทรงโกรธกริ้วผู้หญิงคนนั้น จนกว่าเขาจะกลับมารู้สึกพอใจกับนาง”
บันทึกโดย มุสลิม (ดู เลขที่ 1436)
มีรายงานจากท่าน อับดุลลอฮฺ อิบนุ อั้มรฺ ร่อดิยั้ลลอฮุอันฮุมา แจ้งว่า ท่านได้กล่าวไว้ว่า ท่านร่อซูลุ่ลลอฮฺ ﷺ ได้กล่าวไว้ว่า
“บรรดาคนที่มีความเมตตานั้น พระผู้ทรงเมตตาจะทรงเมตตาพวกเขา
พวกท่านจงเมตตาต่อคนที่อยู่บนผืนแผ่นดิน แล้วพระผู้ที่ทรงอยู่บนฟากฟ้าก็จะทรงเมตตาต่อพวกท่าน”
บันทึกโดย อั้ตติ้รมิซีย์ (ดูเลขที่ 1924 )โดยท่านกล่าวไว้ว่า “เป็น ฮะดี้ษฮะซันศ่อฮี้ฮฺ”
(หมายเหตุ ในฮะดี้ษบทนี้เป็นอีกหนึ่งข้อยืนยันที่ ให้การยืนยันว่า คำว่า “ฟี” ที่แปลว่า “ใน” ในอายะฮฺและในฮะดี้ษ ที่ระบุว่า “ฟี้ซซะม้าอฺ” นั้น หมายถึง “อะลา” ที่แปลว่า “บน” เพราะในฮะดี้ษท่านร่อซู้ล ﷺ สั่งให้เราเมตตาต่อคนซึ่งอยู่บนแผ่นดิน ไม่ได้บอกให้เราไปเมตตาต่อสิ่งที่อยู่ใต้ดิน ซึ่งการจะรับทราบถึงความหมายของคำเหล่านี้ได้ ต้องอาศัยรูปสำนวน (สิย้าก) ของประโยคนั้นๆที่ได้ทำการบังคับจุดมุ่งหมายของคำๆนั้นไว้ด้วยนั่นเอง หรือ อาจกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า คำว่า ซะม้าอฺ ในภาษาอรับ นั้น หมายถึง ทุกสิ่งที่อยู่เหนือขึ้นไป หรืออยู่เบื้องบน วั้ลลอฮุอะอฺลัม)
มีรายงานจากท่าน อบี ฮุรอยเราะฮฺ ร่อดิยั้ลลอฮุอันฮุ แจ้งว่า ท่านร่อซูลุ่ลลอฮฺ ﷺ กล่าวว่า
“คนที่เสียชีวิตนั้น บรรดามะลาอิกะฮฺจะมาหาเขา ถ้าหากเขาเป็นคนดี พวกท่านก็จะพูดกับเขาว่า ชีวิตที่สงบที่เคยอยู่ในร่างอันดีงาม เธอจงออกมาเถิด จงออกมาอย่างมีเกียรติ และจงมีความปราบปลื้มกับความร่มรื่น ความหอมหวน และพระผู้เป็นเจ้าที่ไม่ทรงโกรธกริ้ว พวกท่านจะกล่าวเช่นนี้เรื่อยไป จนกระทั่งเขาได้ถูกนำขึ้นไปสู่ฟ้าที่อัลลอฮฺ อั้ซซะวะญั้ล ทรงอยู่บนนั้น”
บันทึกโดย อะฮฺหมัด เลขที่ 8754 โดยท่านเชค อะฮฺหมัด ชากิร ได้กล่าวไว้ว่า “สายรายงานของฮะดี้ษบทนี้ ศ่อฮี้ฮฺ” ,และอิบนุมายะฮฺ เลขที่ 4268 , และอิบนุญะรี้ร ซึ่งท่านเป็นเจ้าของสำนวนนี้ เลขที่ 14615 ,ท่านอั้ซซะฮะบี้ย์ ได้ระบุฮะดี้ษบทนี้ไว้ในหนังสือ “อั้ลอุลู่วฺ” หน้า 22 โดยท่านได้อ้างกลับไปหา ท่านอะฮฺหมัดและท่านอั้ลฮากิม และได้กล่าวว่า “เป็นฮะดี้ษที่อยู่บนเงื่อนไขของอั้ลบุคอรีย์และมุสลิม” , เชคอั้ลอั้ลบานียฺ ได้กล่าวไว้ใน “มุคตะศ้อร อั้ลอุลู่” ว่า “จริงเหมือนที่ท่าน (อั้ซซะฮะบีย์) ได้ว่าไว้”
๕. ♦ ข้อมูลที่ระบุถึงการที่พระองค์ทรงเจาะจงให้มีสิ่งบางสิ่งอยู่ ณ ที่พระองค์
อัลลอฮฺ ﷻ ตรัสว่า
( وَلَهُ مَن فِي السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضِ وَمَنْ عِندَهُ لَا يَسْتَكْبِرُونَ عَنْ عِبَادَتِهِ وَلَا يَسْتَحْسِرُونَ )
"และบุคคลที่อยู่ในบรรดาฟากฟ้าและแผ่นดินนั้นล้วนเป็นของพระองค์
ส่วนผู้ที่อยู่ ณ ที่พระองค์นั้น พวกเขาจะไม่โอหังต่อการทำการสักการะและภักดีต่อพระองค์ และจะไม่เฉื่อยชา"
( อั้ลอันบิย้าอฺ /19)
พระองค์ ﷻ ตรัสว่า
( وَلَا تَحْسَبَنَّ الَّذِينَ قُتِلُوا فِي سَبِيلِ اللَّهِ أَمْوَاتًا بَلْ أَحْيَاءٌ عِندَ رَبِّهِمْ يُرْزَقُونَ )
"และเจ้าอย่าได้คิดไปว่า บรรดาบุคคลที่ถูกสังหารในหนทางของอัลลอฮฺนั้นคือ คนตาย ไม่ได้เป็นเช่นนั้น
แต่พวกเขาคือ คนที่มีชีวิต อยู่ ณ ที่พระเจ้าของพวกเขา โดยที่พวกเขาได้รับการมอบปัจจัยให้"
(อาละอิมรอน /169)
อัลลอฮฺ ﷻ ตรัสว่า
( ...إِذْ قَالَتْ رَبِّ ابْنِ لِي عِندَكَ بَيْتًا فِي الْجَنَّةِ...)
"เมื่อครั้งที่นางได้กล่าวว่า พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์
ขอพระองค์ทรงโปรดสร้างบ้านหลังหนึ่งในสวรรค์ให้แก่ข้าพระองค์ไว้ ณ ที่พระองค์ด้วยเถิด "
( อั้ตตะฮฺรีม/ 11)
มีรายงานจากท่าน ญาบิ้ร อิบนุ ซะมุเราะฮฺ ระบุถึงคำพูดของท่านร่อซู้ล ﷺ ไว้ว่า "พวกท่านจะไม่ยืนเรียงแถวให้เหมือนกับที่บรรดามะลาอิกะฮฺได้ยืนเรียงแถวกัน ณ ที่พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขากันหรอกหรือ? "
(มุสลิม เลขที่ 430)
๖. ♦ ข้อมูลที่ระบุไว้ว่า อัลลอฮฺ ทรงยกท่านนบีอีซา ﷺ ขึ้นไปสู่พระองค์
อัลลอฮฺ ﷻ ตรัสว่า
( وَمَا قَتَلُوهُ يَقِينًا . بَل رَّفَعَهُ اللَّهُ إِلَيْهِ وَكَانَ اللَّهُ عَزِيزًا حَكِيمًا )
"และพวกเขาไม่ได้สังหารท่านแต่อย่างใดเลยอย่างแน่นอน แต่อัลลอฮฺ ทรงยกท่านขึ้นไปสู่พระองค์ต่างหาก
และอัลลอฮฺทรงเป็นพระผู้ทรงเกียรติ พระผู้ทรงมีเหตุผลอันลึกซึ้งและเหมาะสม"
(อันนิสาอฺ/ 157-158)
๗. ♦ ข้อมูลที่ระบุไว้ว่า การงานจะขึ้นไปสู่พระองค์
อัลลอฮฺ ﷻ ตรัสว่า
(...إِلَيْهِ يَصْعَدُ الْكَلِمُ الطَّيِّبُ وَالْعَمَلُ الصَّالِحُ يَرْفَعُهُ... )
"คำพูดที่ดีๆ นั้นจะขึ้นไปหาพระองค์ และการงานที่ดีๆนั้นพระองค์ก็จะยกมันขึ้น"
( ฟาฏิร/10)
ใน ศ่อฮีฮุ้ลบุคอรีย์ ได้ระบุรายงานถึงท่าน อบี ฮุรอยเราะฮฺ แจ้งว่า ท่าน กล่าวว่า ท่านร่อซูลุ่ลลอฮฺ ﷺ กล่าวว่า
“ใครก็ตามที่บริจาคทานเป็นจำนวนเท่ากับอินทผลัม หนึ่งผล
โดยเป็นทานที่เกิดขึ้นจากการทำมาหากินที่ดี ซึ่งจะมีเฉพาะสิ่งที่ดีๆเท่านั้นที่จะขึ้นไปสู่อัลลอฮฺได้
อัลลอฮฺ ตะอาลา ก็จะทรงรับทานนั้นไว้ด้วยพระหัตถ์ขวาของพระองค์
จากนั้นพระองค์ก็จะทรงทำให้มันเพิ่มพูนขึ้นให้แก่เจ้าของของมัน
เหมือนกับที่คนๆหนึ่งในพวกท่านเลี้ยงดูลูกม้าของตัวเอง
กระทั่งทานนั้นจะเป็นเหมือนกับภูเขาอุฮุดเลยทีเดียว"
จนกระทั่งจบฮะดี้ษ เลขที่ 7430
ใน ศ่อฮี้ฮฺ มุสลิม ไเลขที่ 179 ด้ระบุรายงานถึงท่าน อบี มูซา อั้ลอั้ชอารีย์ แจ้งว่า ท่าน กล่าวว่า ท่านร่อซูลุ่ลลอฮฺ ﷺ กล่าวว่า
“อัลลอฮฺ อั้ซซะวะญั้ล นั้น ไม่ทรงหลับ และเป็นไปไม่ได้ที่พระองค์จะทรงหลับ..” กระทั่งถึงคำพูดของท่านที่ว่า “ผลงานของช่วงกลางคืนจะถูกยกขึ้นไปสู่พระองค์ก่อนผลงานของช่วงกลางวัน และ ผลงานของช่วงกลางวันก็จะถูกยกขึ้นไปสู่พระองค์ก่อนผลงานของช่วงกลางคืน ฉากกั้นของพระองค์คือ รัศมี –(ในกระแสรายงานของ อบูบักร ระบุว่า คือ เพลิง)- หากพระองค์ทรงเปิดมันออก ความเจิดจรัสของใบหน้าของพระองค์ก็จะแผดเผาสิ่งที่สายพระเนตรของพระองค์ไปสิ้นสุดอยู่จากบรรดาสิ่งถูกสร้างของพระองค์”
๘. ♦ ข้อมูลที่ยืนยันให้ทราบว่า วิญญาณของผู้ศรัทธาจะขึ้นไปสู่พระองค์
ในมุซนัด เล่มที่ 4 หน้า 287 – 288 ของ ท่านอิหม่าม อะฮฺหมัด ได้ระบุ ฮะดี้ษ ที่รายงานโดยท่าน อั้ลบะร้ออฺ อิบนุ อาซิบ ไว้ว่า
“เมื่อบ่าวผู้ศรัทธาถึงช่วงที่จะต้องตัดขาดจากดุนยาและมุ่งสู่อาคิเราะฮฺ......”
กระทั่งถึงข้อความที่ว่า “กระทั่งพวกท่านได้นำวิญญาณนั้นให้มาหยุด อยู่ที่ฟ้าชั้นที่เจ็ด
แล้วอัลลอฮฺ ตะอาลา ก็ตรัสว่า “พวกเจ้าจงบันทึกบัญชีของบ่าวของข้าไว้กับบรรดาผู้ที่มีความสูงส่งเสีย และจงนำเขากลับไปที่ผืนดิน"
” กระทั่งจบฮะดี้ษ
อั้ลฮัยซะมีย์ ได้นำฮะดี้ษบทนี้มากล่าวไว้ใน อั้ลมั้จมะอฺ เล่ม 3 หน้า49 – 50 และได้กล่าวว่า “รายงานโดย อะฮฺหมัด ซึ่งบรรดาผู้รายงานของท่าน คือ บรรดาผู้รายงานของ หนังสือ อั้ศศ่อฮี้ฮฺ”
(หมายเหตุ ก่อนหน้านี้ได้กล่าวถึงฮะดี้ษ ที่ท่านอะบีฮุรอยเราะฮฺ ได้รายงานไว้เกี่ยวกับเรื่องๆนี้แล้ว ลองย้อนกลับไปดู)