ประเภทของเตาฮีด
เรียบเรียงโดย อิสมาอีล กอเซ็ม
มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฮฺผู้อภิบาลแห่งสากลโลก
การยอมรับอัลลอฮฺ เป็นพระเจ้าองค์เดียวที่สร้างทุกสิ่งทุกอย่างในโลกใบนี้ผู้ทรงบริหารทุกสิ่งทุกอย่างในโลกใบนี้ ผู้ทรงให้ชีวิต ผู้ทรงให้ตาย และผู้ทรงประทานปัจจัยยังชีพทั้งหมดให้แก่เรา และอีกมากมายจากความโปรดปรานของพระองค์ นี่คือหนึ่งในหลักความเชื่อของมุสลิมที่มีต่ออัลลอฮฺ แต่การเชื่อเพียงแค่ที่กล่าวมานั้นไม่เป็นการเพียงพอที่จะเรียกคนที่เชื่อแค่นั้นว่าเขาเป็นมุสลิม ในส่วนของหลักความเชื่อสามารถแบ่งออกได้เป็นสามประเภทเพื่อจะได้เข้าใจง่ายๆ
ประเภทที่หนึ่ง เรียกว่า เตาฮีดอัรรูบูบียะห์
คือการให้เอกภาพต่ออัลลอฮฺ ในการเป็นหนึ่งเดียวในด้านการกระทำต่างๆ ของพระองค์ เช่น การสร้าง การมีอำนาจครอบครอง การบริหารจัดการ การให้มีชีวิต การให้ตาย และในทำนองดังกล่าว
ซึ่งใครที่มีหลักความเชื่อแค่ เตาฮีดอัรรูบูบียะห์เพียงอย่างเดียวนั้นยังไม่ถือว่า เขาเป็นมุสลิม เพราะบรรดาผู้ที่นำสิ่งอื่นมาหุ้นส่วนกับอัลลอฮฺในการเคารพภักดี (มุชรีกีน) พวกเขาต่างยอมรับเตาอีดข้อนี้ ซึ่งหลักฐานดังที่ปรากฏในอัลกุรอ่าน
قوله تعالى : ( وَلَئِنْ سَأَلْتَهُمْ مَنْ خَلَقَ السَّمَاوَاتِ وَالأَرْضَ وَسَخَّرَ الشَّمْسَ وَالْقَمَرَ لَيَقُولُنَّ اللَّهُ فَأَنَّى يُؤْفَكُون َ) العنكبوت/61
"และถ้าเจ้าถามพวกเขา ใครเป็นผู้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดิน และเป็นผู้ทำให้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เป็นประโยชน์
แน่นอนพวกเขาจะกล่าวว่าอัลลอฮ์ แล้วทำไมเล่าพวกเขาจึงหันเหออกไปทางอื่น !?"¹
1. คือในเมื่อพวกเขาตระหนักดีแล้วว่า อัลลอฮฺ เป็นผู้สร้างจักรวาลแล้ว ทำไมพวกเขาจึงหันห่างออกจากการให้ความเป็นเอกภาพต่อพระองค์ หลังจากพวกเขาได้ยืนยันและสารภาพเช่นนั้นแล้ว ?
จากอายะห์เราจะเห็นว่า บรรดาผู้ตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ นั้น ยอมรับว่าโลกใบนี้อัลลอฮฺ คือผู้สร้าง พวกเขามีหลักความเชื่อด้านการเป็นพระเจ้าของอัลลอฮฺ แต่ที่ไม่นับว่าพวกเขาเป็นมุสลิมและมีหลักความเชื่อที่ถูกต้องตามหลักความเชื่อของอิสลาม ก็เนื่องจากพวกเขาได้มีการนำบุคคลอื่นมาเคารพภักดีพร้อมกับการเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺ ดังนั้นหากหลักความเชื่อในเตาอีดอัรรูบูบียะถูกต้อง ก็จะส่งผลให้เตาอีดข้ออื่นๆถูกต้องด้วย เพราะหากเรายอมรับการเป็นพระเจ้าของอัลลอฮฺ และการสร้างทุกสิ่งทุกอย่างมา และการบังเกิดเรามาให้มีชีวิต และการกำหนดวาระแห่งความตายให้แก่เรา เราก็ต้องน้อมรับในทุกๆ ความประสงค์ของพระองค์ โดยที่จุดประสงค์ที่อัลลอฮฺ ได้สร้างเรามา ก็เพื่อให้เราได้ทำการเคารพภักดีต่อพระองค์ ดังคำดำรัสของอัลลอฮฺ ผู้ทรงสูงส่งที่ว่า
" และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า "
(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต 56)
นี่คือเป้าหมายของการสร้างมนุษย์และญินให้มาอยู่ในโลกใบนี้ ก็เพื่อทำการเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺ
หากจะพูดถึงความหมาย คำว่าเคารพภักดี (อิบาดะห์) มีครอบคลุมหลายประการ ไม่ได้เจาะจงแค่เพียงการละหมาด การจ่ายซากาต ถือศีลอด ประกอบพิธีฮัจญ์ ดังนั้นความเข้าใจในเรื่องเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺนั้น ก็คือการให้ความยิ่งใหญ่ต่ออัลลอฮฺ มีความนอบน้อมยอมรับ ในทุกๆคำสั่งใช้ของพระองค์ และละทิ้งคำสั่งห้ามที่พระองค์ได้ห้ามไว้ และการเคารพภักดีต่อพระองค์ด้วยความนอบน้อมและมีความรักต่อพระองค์ รักในการเคารพภักดีต่อพระองค์ และจะไม่ยึดเอาอารมณ์ของตัวเองอยู่เหนือหลักการของพระองค์
ประเภทที่สอง เตาฮีดอัลอูลูอียะ
การให้เอกภาพต่ออัลลอฮฺในด้านการเคารพภักดี ก็คือ ให้อัลลอฮฺ เป็นผู้เดียวที่ถูกเคารพภักดี ในทุกๆการเคารพภักดี ไม่ว่าจะเป็นการเคารพภักดีที่แสดงออกมาเป็นการกระทำ และคำพูด และการเคารพภักดีที่อยู่ภายในจิตใจ และปฏิเสธการเคารพภักดีต่อทุกๆสิ่ง เว้นแต่การเคารพภักดีต่ออัลลอฮ์
หลักฐานเกี่ยวกับเตาฮีดข้อนี้มีมากมาย
"และพระเจ้าของเจ้าบัญชาว่า พวกเจ้าอย่าเคารพภักดีผู้ใดนอกจากพระองค์เท่านั้น"
(ซูเราะฮฺ อัลอิสรออฺ 23)
นี่คือคำสั่งใช่ให้ทำการเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺ เพียงผู้เดียว ไม่อนุญาตให้ไปเคารพสิ่งอื่นนอกเหนือจากอัลลอฮฺ และด้วยกับเหตุนี้ที่อัลลอฮฺ ได้ส่งบรรดารอซูลมาในแต่ละยุค เมื่อผู้คนได้หันเหจากการเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺ หรือเคารพภักดีอัลลอฮฺ พร้อมกับการเคารพภักดีต่อสิ่งอื่นด้วย
♦ ในยุคของท่านนบีอาดัมอะลัยอิสสลาม ผู้คนต่างรู้จักอัลลอฮฺ และยอมรับการเป็นพระเจ้าของอัลลอฮฺ พร้อมกับการเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺ เพียงพระองค์เดียว
♦ แต่เมื่อถึงยุคของท่านนบี นุฮฺอะลัยอิสสลาม ผู้คนก็เริ่มได้หันเหการเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺ ไปสู่การเคารพภักดีต่อเจว็ดรูปปั้น อัลลอฮฺ จึงได้ส่งรอซูลคนแรกคือ นุฮฺอะลัยอิสสลามมาเรียกร้องเชิญชวนผู้คนมาสู่การเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺ เพียงพระองค์เดียว และให้ละทิ้งการบูชาเจว็ดรูปปั้นต่างๆ
♦ และอัลลอฮฺ ได้ส่งรอซูลเรื่อยมาจนกระทั่งรอซูลคนสุดท้าย คือ ท่านนบี มูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮูอะลัยอิวะสัลลัม มาทำหน้าที่เหมือนรอซูลคนก่อนที่ผ่านมา คือ มาเรียกร้องผู้คนมาสู่การเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺ เพียงพระองค์เดียว และมาขจัดสิ่งต่างๆที่เป็นการชีริกหุ้นส่วนต่ออัลลอฮฺในการเคารพภักดี หลักฐานในเรื่องนี้คำดำรัสของพระองค์ที่ว่า
قوله تعالى : وَلَقَدْ بَعَثْنَا فِي كُلِّ أُمَّةٍ رَّسُولًا أَنِ اعْبُدُوا اللَّهَ وَاجْتَنِبُوا الطَّاغُوتَ ۖ
"และโดยแน่นอน เราได้ส่งร่อซูลมาในทุกประชาชาติ (โดยบัญชาว่า)
“พวกท่านจงเคารพภักดีอัลลอฮ์ และจงหลีกหนีให้ห่างจากพวกเจว็ด"
ดังนั้นสิ่งที่มุสลิมต้องทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ก็คือหลักความเชื่อที่ถูกต้อง เพราะหากการประกอบอิบาดะห์ของเรานั้นได้มีการหุ้นส่วนกับสิ่งอื่นพร้อมกับอัลลอฮฺ แน่นอนอัลลอฮฺจะไม่ทรงตอบรับการงานของเรา ไม่ว่าจะเป็นการละหมาด การถือศีลอด การวิงวอน และอีกมากมายที่เป็นการเคารพภักดีต่ออัลลอฮ์
หลักฐานในเรื่องนี้
قوله تعالى : إِنَّ اللَّهَ لَا يَغْفِرُ أَنْ يُشْرَكَ بِهِ وَيَغْفِرُ مَا دُونَ ذَلِكَ لِمَنْ يَشَاءُ وَمَنْ يُشْرِكْ بِاللَّهِ فَقَدِ افْتَرَى إِثْمًا عَظِيمًا
"แท้จริงอัลลอฮฺ จะไม่ทรงอภัยโทษให้แก่การที่สิ่งหนึ่งจะถูกให้มีภาคี ขึ้นแก่พระองค์ ¹
และพระองค์ทรงอภัยให้แก่สิ่งอื่นจากนั้น ² สำหรับผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์
และผู้ใดให้มีภาคีขึ้นแก่อัลลอฮฺแล้ว ³ แน่นอนเขาก็ได้อุปโลกน์บาปกรรมอันใหญ่หลวงขึ้น"
(1) ให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดมีหุ้นส่วนได้รับการเคารพสักการะร่วมกับพระองค์ (ชิริก)
(2) ความผิดอย่างอื่นที่มิใช่การให้มีภาคีขึ้นแก่พระองค์ (อัช-ชิริก)
(3) เคารพสักการะสิ่งอื่นใดร่วมกับอัลลอฮฺ เช่น บนบานกับโต๊ะ วะลี หรือโต๊ะกะระมัด หรือหลวงพ่อใด ๆ หรือเจ้าที่ใดๆ ก็ตาม หรือวิงวอนขอความช่วยเหลืออื่นจากอัลลอฮฺเป็นต้น
قوله تعالى : إِنَّهُ مَن يُشْرِكْ بِاللَّهِ فَقَدْ حَرَّمَ اللَّهُ عَلَيْهِ الْجَنَّةَ وَمَأْوَاهُ النَّارُ ۖ
"แท้จริงผู้ใดให้มีภาคีแก่อัลลอฮ์ แน่นอนอัลลอฮ์จะทรงให้สวรรค์เป็นที่ต้องห้ามแก่เขา และที่พำนักของเขานั้นคือนรก"
(ซูเราะฮฺ อัล-มาอิดะฮฺ อายะห์ที่ 72)
นี่คืออันตรายของการตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ หากใครได้ตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ ที่เป็นภาคีประเภทใหญ่ แล้วเขาได้เสียชีวิตลงโดยไม่มีการกลับตัวต่ออัลลอฮฺ เลิกจากการตั้งภาคีดังกล่าวโดยสิ้นเชิงแน่นอนที่พำนักของเขาก็คือนรก และเขาจะไม่ได้รับการอภัยโทษจากอัลลอฮฺ
ประเภทที่สาม เตาฮีดุลอัสมาฮฺวัซซิฟาต
การให้เอกภาพต่ออัลลอฮฺในด้านพระนามที่สวยงามและคุณลักษณะต่างๆของพระองค์ ก็คือการมีหลักความเชื่อว่า ไม่มีอะไรที่เหมือนอัลลอฮฺ ไม่ว่าจะเหมือนด้วยชื่อหรือคุณลักษณะต่างๆของพระองค์ การให้เอกภาพในเรื่องตั้งอยู่บนพื้นฐานสองประการคือ
1. การยืนยันคุณลักษณะของอัลลอฮฺ ตามที่ได้ยืนยันด้วยพระองค์เอง ที่ปรากฎในอัลกุรอ่าน หรือ นบีของพระองค์ ได้ยืนยันต่อพระนามที่สวยงามและคุณลักษณะต่างๆของพระองค์ โดยไม่มีการบิดเบือน ตีความในความหมายเหล่านั้น หรือปฏิเสธข้อเท็จจริงของพระนามและคุณลักษณะของอัลลอฮฺ หรือมีการพรรณนาถึงคุณลักษณะและพระนามเหล่านั้น
2. การให้ความบริสุทธิ์ต่ออัลลอฮฺ โดยขจัดทุกสิ่งที่เป็นข้อบกพร่องที่พาดพิงมายังอัลลอฮฺ ซึงอัลลอฮฺ คือผู้ที่ปฏิเสธความบกพร่องจะไม่เกิดแก่พระองค์ พระองค์คือผู้ที่ปราศจากความบกพร่อง หลักฐานในเรื่องนี้
قوله تعالى : لَيْسَ كَمِثْلِهِ شَيْءٌ ۖ وَهُوَ السَّمِيعُ الْبَصِيرُ
"ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงเห็น"
จากอายะห์ชาวอะลุซซุนนะห์วัลญามาฮะ ได้ยึดมั่นในเรื่องการยืนยันคุณลักษณะของอัลลอฮฺ และปฏิเสธแก่ผู้ที่นำคุณลักษณะของอัลลอฮฺ ผู้ทรงสูงส่งไปเปรียบกับคุณลักษณะของมนุษย์และบรรดาสิ่งต่างที่ถูกสร้างมา