6 ทางลัด เติมความดีบนตาชั่งให้หนัก
มิฟตาฮุล-ค็อยรฺ เรียบเรียง
1. เติมด้วยสองถ้อยคำที่เบาลิ้น
ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
(كَلِمَتَانِ خَفِيفَتَانِ عَلَى اللِّسَانِ ، ثَقِيلَتَانِ فِي الْمِيزَانِ ، حَبِيبَتَانِ إِلَى الرَّحْمَنِ : سُبْحَانَ اللَّهِ وَبِحَمْدِهِ ، سُبْحَانَ اللَّهِ الْعَظِيمِ)
“สองคำที่เบาลิ้นแต่หนักบนตราชั่ง ทั้งยังเป็นที่รัก ณ ที่อัรเราะหฺมานอีกด้วย คือ
สุบหานัลลอฮิวะบิฮัมดิฮฺ วะสุบหานัลลอฮุลอะซีม
(มหาบริสุทธิ์แด่อัลลอฮฺและด้วยการสรรเสริญต่อพระองค์ มหาบริสุทธิ์แด่อัลลอฮฺผู้ทรงยิ่งใหญ่)”
[บันทึกโดยอัลบุคอรีย์และมุสลิม]
2. เติมด้วยสี่ถ้อยคำยามเช้า สามครั้ง
จากท่านหญิงญุวัยริ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา เล่าว่า
(أَنَّ النَّبِيَّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ خَرَجَ مِنْ عِنْدِهَا بُكْرَةً حِينَ صَلَّى الصُّبْحَ، وَهِيَ فِي مَسْجِدِهَا، ثُمَّ رَجَعَ بَعْدَ أَنْ أَضْحَى، وَهِيَ جَالِسَةٌ، فَقَالَ: «مَا زِلْتِ عَلَى الْحَالِ الَّتِي فَارَقْتُكِ عَلَيْهَا؟» قَالَتْ: نَعَمْ، قَالَ النَّبِيُّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ: لَقَدْ قُلْتُ بَعْدَكِ أَرْبَعَ كَلِمَاتٍ، ثَلَاثَ مَرَّاتٍ، لَوْ وُزِنَتْ بِمَا قُلْتِ مُنْذُ الْيَوْمِ لَوَزَنَتْهُنَّ: سُبْحَانَ اللهِ وَبِحَمْدِهِ، عَدَدَ خَلْقِهِ وَرِضَا نَفْسِهِ وَزِنَةَ عَرْشِهِ وَمِدَادَ كَلِمَاتِه)
“ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ออกไปจากบ้านของนางในยามเช้าตรู่ช่วงเวลาละหมาดศุบหฺ ในขณะที่นางนั่งในที่ละหมาดของนาง แล้วท่านก็กลับมาในยามสายในขณะที่นางยังนั่งอยู่ที่เดิม
ท่านกล่าวว่า ‘เธอยังนั่งเช่นในสภาพเดิมตอนที่ฉันออกไปกระนั้นหรือ?’
นางตอบว่า ‘ใช่’
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จึงกล่าวว่า แท้จริง หลังจากที่ออกไป ฉันได้กล่าวถ้อยคำสี่คำจำนวนสามครั้ง ซึ่งถ้านำไปชั่งเทียบกับสิ่งที่เธอกล่าวทั้งหมดตั้งแต่เริ่มวันนี้ แน่นอนสี่คำนั้นย่อมหนักกว่า นั่นคือ ‘สุบหานัลลอฮิวะบิหัมดิฮฺ อะดะดาค็อลกิฮฺ วะริฎอนัฟสิฮฺ วะซินะตะอัรชิฮฺ วะมิดาดะกะลิมาติฮฺ’ (มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่อัลลอฮฺและการสรรเสริญต่อพระองค์ มากเท่าสิ่งถูกสร้างของพระองค์ และเท่าที่พระองค์โปรดปรานและเท่ากับน้ำหนักของอัรชแห่งพระองค์ และเท่ากับน้ำหมึกที่ใช้บันทึกพจนารถของพระองค์)
[บันทึกโดยมุสลิม]
3. เติมด้วย 4 ถ้อยคำที่อัลลอฮฺรักยิ่ง
ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวถึงสี่ถ้อยคำที่อัลลอฮฺทรงรักยิ่งว่า
(أَحَبُّ الْكَلَامِ إِلَى اللهِ أَرْبَعٌ: سُبْحَانَ اللهِ، وَالْحَمْدُ لِلَّهِ، وَلَا إِلَهَ إِلَّا اللهُ، وَاللهُ أَكْبَرُ. لَا يَضُرُّكَ بِأَيِّهِنَّ بَدَأْتَ)
“ถ้อยคำที่เป็นที่รักยิ่งสำหรับอัลลอฮฺนั้นมีสี่ถ้อยคำ นั่นคือ ‘สุบหานัลลอฮฺ วัลหัมดุลิลลาฮฺ วะลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ วัลลอฮุอักบัร’ (มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่อัลลอฮฺ การสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์แด่อัลลอฮฺ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺแต่เพียงพระองค์เดียว และอัลลอฮฺทรงยิ่งใหญ่ที่สุด) จะไม่เป็นปัญหาที่ท่านจะเริ่มกล่าวด้วยคำใดก่อน”
[บันทึกโดยมุสลิม]
ภาคผลของการกล่าวถ้อยคำทั้ง 4
หะดีษที่ 1 เป็นคำกล่าวที่หนักยิ่งบนตราชั่ง
ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวขึ้นอุทานหนึ่งขึ้นมาว่าพร้อมกับกล่าวว่า
(ما أثقَلَهنَّ في الميزانِ سُبحانَ اللهِ والحمدُ للهِ ولا إلهَ إلَّا اللهُ واللهُ أكبَرُ والولَدُ الصَّالحُ يُتوفَّى للمرءِ المُسلِمِ فيحتسِبُه)
“ไม่มีสิ่งใดที่จะหนักยิ่งบนตราชั่งมากไปกว่า (การกล่าว)
‘สุบหานัลลอฮฺ วัลอัลหัมดุลิลลาฮฺ วะลาอิลาฮา อิลลัลลอฮฺ วัลลอฮุอักบัร’
และการที่ลูกศอลิหฺ ของบุคคลหนึ่งเสียชีวิตไปแล้วเขาก็หวังผลบุญ (ในการสูญเสียนั้น)”
[บันทึกโดยอิมามอะหฺมัด และชัยค์อัลอัลบานีย์บันทึกในซิลซิละฮฺ อัศเศาะฮีหะฮฺของท่าน และกล่าวว่าสายรายงานของหะดีษนี้ถูกต้อง]
หะดีษที่ 2 ได้รับ 1,500 ความดีบนตราชั่งในวันกิยามะฮฺ ต่อการกล่าว 100 ครั้ง
ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า
( خَصْلَتَانِ أَوْ خَلَّتَانِ لَا يُحَافِظُ عَلَيْهِمَا عَبْدٌ مُسْلِمٌ إِلَّا دَخَلَ الْجَنَّةَ هُمَا يَسِيرٌ وَمَنْ يَعْمَلُ بِهِمَا قَلِيلٌ يُسَبِّحُ فِي دُبُرِ كُلِّ صَلَاةٍ عَشْرًا وَيَحْمَدُ عَشْرًا وَيُكَبِّرُ عَشْرًا فَذَلِكَ خَمْسُونَ وَمِائَةٌ بِاللِّسَانِ وَأَلْفٌ وَخَمْسُ مِائَةٍ فِي الْمِيزَانِ وَيُكَبِّرُ أَرْبَعًا وَثَلَاثِينَ إِذَا أَخَذَ مَضْجَعَهُ وَيَحْمَدُ ثَلَاثًا وَثَلَاثِينَ وَيُسَبِّحُ ثَلَاثًا وَثَلَاثِينَ فَذَلِكَ مِائَةٌ بِاللِّسَانِ وَأَلْفٌ فِي الْمِيزَانِ فَلَقَدْ رَأَيْتُ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَعْقِدُهَا بِيَدِهِ قَالُوا يَا رَسُولَ اللَّهِ كَيْفَ هُمَا يَسِيرٌ وَمَنْ يَعْمَلُ بِهِمَا قَلِيلٌ قَالَ يَأْتِي أَحَدَكُمْ يَعْنِي الشَّيْطَانَ فِي مَنَامِهِ فَيُنَوِّمُهُ قَبْلَ أَنْ يَقُولَهُ وَيَأْتِيهِ فِي صَلَاتِهِ فَيُذَكِّرُهُ حَاجَةً قَبْلَ أَنْ يَقُولَهَا )
“มีสองสิ่ง ซึ่งไม่มีมุสลิมคนใดที่รักษาสองสิ่งนี้แล้ว เว้นแต่เขาจะได้เข้าสวนสวรรค์ ทั้งสองเป็นสิ่งที่ง่ายแต่มีคนปฏิบัติน้อย นั่นคือ
ในทุกๆ หลังละหมาดห้าเวลาให้ท่านกล่าว ตัสบีหฺ 10 ครั้ง แล้วกล่าวตะหฺมีด 10 ครั้ง แล้วตักบีรฺอีก 10 ครั้ง ซึ่งจะรวมเป็น 150 คำที่ออกมาจากลิ้น และเป็น 1,500 ความดีบนตราชั่งในวันกิยามะฮฺ
และให้กล่าว ตักบีร 34 ครั้งเมื่อต้องการนอน ตะหฺมีด 33 ครั้ง และตัสบีหฺ 33 ครั้ง ซึ่งจะรวมเป็น 100 คำที่ออกมาจากลิ้น และเป็น 1,000 ความดีบนตราชั่งในวันกิยามะฮฺ”
ท่านอับดุลลอฮฺ เล่าอีกว่า“ฉันเห็นท่านเราะสูลุลลอฮฺ ได้นับด้วยมือขวาของท่าน”
บรรดาเศาะหาบะฮฺได้กล่าวว่า “โอ้ท่านเราะสูลุลลอฮฺ มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่สองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ง่าย แต่ก็มีคนที่ปฏิบัติน้อยมาก”
ท่านเราะสูลได้กล่าวว่า “ชัยฏอนจะมายังคนหนึ่งคนใดในหมู่พวกท่านในขณะที่จะนอน แล้วมันก็ทำให้เขาหลับไปก่อนที่จะกล่าวมัน และชัยฏอนจะมายังเขาในละหมาด แล้วมันทำให้เขานึกถึงภารกิจหรือความต้องการของเขาก่อนที่เขาจะกล่าวมัน”
[บันทึกโดยอัต-ติรมิซีย์ ท่านกล่าวว่าเป็นหะดีษหะสันเศาะฮีหฺ และชัยคฺอัล-อัลบานีย์กล่าวในเศาะฮีหฺ อัล-ญามิอฺว่าเป็นหะดีษที่เศาะฮีหฺ]
หะดีษที่ 3 ความหนักยิ่งของถ้อยคำชะฮาดะฮฺ
ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
(إِنَّ اللهَ تَعَالَى يَسْتَخْلِصُ رَجُلًا مِنْ أُمَّتِيْ عَلَى رُؤُوْسِ الخَلَائِقِ يَوْمَ الْقِيَامَةِ، فَيَنْشُرُ عَلَيْهِ تِسْعَةً وَتِسْعِيْنَ سِجِلًّا، كُلُّ سِجِلٍّ مَدُّ الْبَصَرِ، ثُمَّ يَقُوْلُ لَهُ : أَتُنْكِرُ مِنْ هَذَا شَيْئاً؟ أَظَلَمَكَ كَتَبَتِي الْحاَفِظُوْنَ؟ قَالَ : لَا يَارَبِّ. فَيَقُوْلُ : أَلَكَ عُذْرٌ أَوْ حَسَنَةٌ؟ فَيُبْهَتُ الرَّجُلُ، فَيَقُوْلُ : لَا يَارَبِّ فَيَقُوْلُ : بَلَى إِنَّ لَكَ عِنْدَنَا حَسَنَةً وَاحِدَةً، لَا ظُلْمَ الْيَوْمَ عَلَيْكَ، فَتُخْرَجُ لَهُ بِطَاقَةٌ، فِيْهَا : أَشْهَدُ أَنْ لَا إِلَهَ إِلَّا اللهُ وَأَنَّ مُحَمَّدًا عَبْدُهُ وَرَسُوْلُهُ؛ فَيَقُوْلُ : أَحْضِرُوْهُ، فَيَقُوْلُ : يَارَبِّ مَا هَذِهِ الْبِطَاقَةُ مَعَ هَذِهِ السِّجِلَّاتِ؟! فَيُقَالُ : إِنَّكَ لَا تُظْلَمُ، قَالَ : فَتُوْضَعُ السِّجِلَّاتُ فِي كِفَّةٍ، قَالَ : فَطَاشَتِ السِّجِلَّاتُ، وَثَقُلَتِ الْبِطَاقَةُ، وَلَا يَثْقُلُ شَيْءٌ بِسْمِ اللهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ)
“ในวันกิยามะฮฺ อัลลอฮฺตะอาลาจะทรงแยกชายคนหนึ่งจากประชาชาติของฉันมาอยู่ต่อหน้ามวลมนุษยชาติทั้งหมด และเขาก็จะได้รับบันทึกจำนวนเก้าสิบเก้าฉบับ แต่ละฉบับยาวสุดสายตา
จากนั้นพระองค์ก็จะตรัสแก่เขาว่า“เจ้ามีข้อโต้แย้งใด ๆ หรือไม่? ผู้บันทึกของข้าได้อธรรมต่อเจ้าหรือไม่?”
เขาจึงตอบว่า “ไม่เลย โอ้พระผู้เป็นเจ้าของฉัน”
พระองค์จึงตรัสแก่เขาว่า “เจ้ามีข้อแก้ต่างหรือความดีใด ๆ หรือไม่?”
ชายคนนั้นจึงกล่าวอย่างผิดหวังว่า “ไม่มีเลย โอ้พระผู้เป็นเจ้าของฉัน”
พระองค์จึงตรัสว่า “หามิได้ ณ ที่เรา เจ้ามีอยู่หนึ่งความดี และจะไม่มีการอธรรมใด ๆ แก่เจ้าในวันนี้”
จากนั้นจึงมีแผ่นบันทึกหนึ่งว่า “อัชฮะดุ อันลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ วะอัชฮะดุ อันนะมุหัมมะดันอับดุฮู วะเราะสูลุฮฺ” (ข้าพเจ้าขอปฏิญานตนว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ และข้าพเจ้าขอปฏิญานตนว่ามุหัมมัดเป็นบ่าวและเราะสูลของพระองค์)
แล้วพระองค์จึงสั่งแก่บรรดามลาอิกะฮฺว่า “เจ้าทั้งหลายจงนำตัวชายคนนี้มา"
และชายผู้นั้นก็กล่าวแก่พระองค์ว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน แผ่นบันทึกเพียงใบเดียวนี้หาเปรียบกับบันทึกอันมากมายเหล่านี้ได้ไม่?!”
ทันใดนั้นจะมีผู้กล่าวแก่ชายคนนั้นว่า “แท้จริงเจ้าจะไม่ถูกอธรรม”
จากนั้นบันทึกทั้งหมดก็จะถูกวางลงบนตาชั่งข้างหนึ่ง และบันทึกเหล่านั้นก็ลอยขึ้นจากน้ำหนักของแผ่นบันทึกแผ่นนั้น และไม่มีสิ่งใดที่จะมีน้ำหนักมากกว่าพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงกรุณา ผู้ทรงเมตตา”
[บันทึกโดยอัตติรมิซีย์และอะหฺมัด ชัยค์อัล-อัลบานีย์ กล่าวว่าหะดีษนี้เศาะฮีหฺ]
4. เติมด้วยจรรยามารยาทและอุปนิสัยที่ดีงาม (หุสนุลคุลุก)
ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า
(مَاشَيْءٌ أَثْقَلُ فِي مِيزَانِ الْمُؤْمِنِ يَوْمَ الْقِيَامَةِ مِنْ خُلُقٍ حَسَنٍ…)
“ไม่มีการงานที่ดีใดๆ จะหนักยิ่ง (คือมีคุณค่ายิ่ง) ในตาชั่งของบรรดาผู้ศรัทธาในวันแห่งการพิพากษา
มากไปกว่า อัคลากที่ดีงาม…”
[บันทึกโดยอัตติรมิซีย์ ชัยค์อัล-อัลบานีย์ กล่าวว่าหะดีษนี้เศาะฮีหฺ]
5. เติมด้วยการติดตามศพ จนแล้วเสร็จจากการละหมาดและฝังศพ
(مَنْ تَبِعَ جَنَازَةً حَتَّى يُصَلَّى عَلَيْهَا وَيُفْرَغَ مِنْهَا فَلَهُ قِيرَاطَانِ وَمَنْ تَبِعَهَا حَتَّى يُصَلَّى عَلَيْهَا فَلَهُ قِيرَاطٌ وَالَّذِي نَفْسُ مُحَمَّدٍ بِيَدِهِ لَهُوَ أَثْقَلُ فِي مِيزَانِهِ مِنْ أُحُدٍ)
“ผู้ใดที่ติดตามญะนาซะฮฺ (ศพ) จนศพนั้นถูกละหมาดให้และจัดการฝังจนแล้วเสร็จ เขาจะได้รับสองกีรอฏ
และผู้ใดที่ติดตามศพ จนศพนั้นถูกละหมาดให้ เขาจะได้รับหนึ่งกีรอฏ
ขอสาบานด้วยชีวิตของมุหัมมัดที่อยู่ในพระหัตของพระองค์ หนึ่งกีรอฏนั้นมีนำหนักบนตาชั่งมากกว่าภูเขาอุหุดเสียอีก”
[บันทึกโดยอะหฺมัด และชัยค์อัล-อัลบานีย์กล่าวในหนังสือเศาะฮีหฺ อัลญามิอฺ อัศเศาะฆีรของท่านว่าหะดีษนี้เศาะฮีหฺ]
6. เติมด้วยการดูแลพาหนะออกศึก
(مَنْ احْتَبَسَ فَرَسًا فِي سَبِيلِ اللَّهِ إِيمَانًا بِاللَّهِ وَتَصْدِيقًا بِوَعْدِهِ فَإِنَّ شِبَعَهُ وَرِيَّهُ وَرَوْثَهُ وَبَوْلَهُ فِي مِيزَانِهِ يَوْمَ الْقِيَامَةِ)
“ผู้ใดที่ดูแลม้าตัวหนึ่งในหนทางของอัลลอฮฺ ด้วยความศรัทธาต่อพระองค์ และเชื่อมั่นกับสัญญาของพระองค์
แท้จริงแล้ว อาหาร น้ำ มูล และปัสสาวะของมัน จะอยู่ในตราชั่งในวันกิยามะฮฺ”
(ทั้งหมดจะเป็นความดีในวันแห่งการพิพากษา)
(บันทึกโดยอัลบุคอรีย์และมุสลิม)