ทรรศนะของเชคบินบาซ ในประเด็นเรื่องการดูเดือน
แปลโดย อ.ซูโกด ดาณีสมาน
ทรรศนะของเชคบินบาสในเรื่องดูเดือนมาให้เรียนรู้ถึงจุดยืนของนักวิชาการรุ่นใหญ่ หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่พี่น้องที่กำลังค้นคว้าเรื่องนี้เพื่อเป็นกรณีศึกษา ไม่ได้เพื่อมาขัดแย้งกันตอนดูเดือน
เชคบินบาซได้ให้น้ำหนักไปในทรรศนะที่ว่า เมื่อมีการเห็นเดือนที่ถูกต้องตามหลักการในประเทศใดก็ตาม ก็จำเป็นที่ประเทศอื่นๆทั้งหมดต้องปฏิบัติตามการเห็นเดือนนี้ด้วย(หมายความว่าให้มุสลิมทั้งหมดเข้าบวช และออกบวชพร้อมกันทั่วโลก)
เพราะท่านนบี ได้กล่าวไว้ว่า
"พวกเจ้าทั้งหลายจงเริ่มถือศีลอดด้วยการเห็นเดือน และจงออกอีด(ฟิตรี่) ด้วยการเห็นเดือน"
หะดีษนี้ท่านนบี ไม่ได้เจาะจงบอกเฉพาะชาวมะดีนะห์เท่านั้น แต่ว่าหะดีษนี้ได้บอกมุสลิมทั้งหมดเลย
เชคบินบาซ ยังได้ให้ความเห็นว่า การที่ตำแหน่งของแต่ละประเทศไม่ตรงกัน ไม่มีผลกับการดูเดือน เพราะท่านนบี สั่งให้ดูเดือน แล้วท่านก็ไม่ได้สั่งให้แบ่งแต่อย่างใด ทั้งๆที่ท่านนบี นั้นได้รู้ว่าแต่ละประเทศต่างตำแหน่งกัน (และนี่คือทรรศนะที่เชคบินบาซให้น้ำหนัก)
อีกทรรศนะหนึ่งที่ว่าด้วยการดูเดือนในแต่ละประเทศ
เชคบินบาซ ได้พูดถึงว่ามีอุลามาอฺจำนวนหนึ่ง ได้เห็นว่าให้ดูเดือนประเทศใครประเทศมันหากว่าตำแหน่งต่างที่กัน โดยใช้หลักฐานที่มาจากอิบนุอับบาส ว่าท่านไม่ปฏิบัติด้วยการเห็นเดือนของชาวเมืองชาม ในขณะที่อิบนุอับบาสอยู่ที่นครมะดีนะห์ โดยที่ชาวเมืองชามเห็นเดือนกันคืนวันศุกร์และได้เริ่มถือศิลอดกันในวันนั้น ในสมัยที่มุอาวียะห์เป็นผู้นำมุสลิม, ส่วนชาวเมืองมะดีนะห์เห็นเดือนกันคืนวันเสาร์,
เมื่อกุเรบได้มาบอกอิบนุอับบาสถึงการเห็นเดือนของชาวเมืองชาม และการเริ่มถือศิลอดของพวกเขา อิบนุอับบาสได้กล่าวว่า
"พวกเราเห็นเดือนกันในคืนวันเสาร์ และเราก็ยังคงถือศิลอดกันต่อไปจนกว่าจะเห็นเดือน หรือนับให้ครบ(30วัน)"
และอุลามาอฺกลุ่มนี้ยังยกหลักฐานหะดีษที่ว่า
"พวกเจ้าทั้งหลายจงถือศิลอดด้วยการเห็นเดือน และจงออกอีดกันด้วยการเห็นเดือน"
เชคบินบาซได้บอกว่า "ทรรศนะนี้ก็ถือว่าเป็นทรรศนะที่มีน้ำหนักพอสมควรเลยทีเดียว และเป็นทรรศนะที่สภาอุลามาอฺรุ่นใหญ่ของประเทศซาอุดิอาราเบีย เลือกปฏิบัติ ทั้งนี้หลังจากที่ได้มีการรวมหลักฐาน"
เชคบินบาซได้บอกอีกว่า"ได้มีการลงมติจากสภาอุลามาอฺรุ่นใหญ่ของซาอุฯ ว่าให้ดูเดือนแต่ละประเทศ ด้วยหลักฐานหะดีษของอิบนุอับบาสที่ได้กล่าวมาแล้ว"
ประเด็นนี้ได้ถูกเสนอเข้าที่ประชุมของสภาอุลามาอ์รุ่นใหญ่ของประเทศซาอุฯ ในเดือนชะบาน ปีฮ.ศ.1392 และสภาได้เห็นตรงกันว่าทรรศนะที่ถูกต้องที่สุดในประเด็นนี้คือ การเปิดกว้าง หมายถึง การอนุญาตให้ยึดทรรศนะหนึ่งทรรศนะใดในสองทรรศนะนี้ตามที่นักวิชาการของประเทศนั้นเห็นควร
เชคบินบาซได้กล่าวถึงทรรศนะนี้ว่า เป็นทรรศนะที่อยู่ตรงกลาง และมีการรวบรวมหลักฐานและรวบรวมทรรศนะต่างๆของนักวิชาการ...และไม่สมควรที่จะมาขัดแย้งกันในเรื่องนี้ เพราะการขัดแย้งกันในเรื่องนี้นั้น เป็นสาเหตุของการแบ่งพรรคแบ่งพวกกันของชาวบ้าน และเป็นเหตุให้มีการพูดกันสนุกปาก
เชคบินบาซยังพูดไว้อีกว่า"จากความชัดเจนของหลักฐานตามหลักศาสนาแล้วคือ ทุกคนที่อยุ่ในประเทศใด ก็ต้องเข้าบวชออกบวชพร้อมกับพลเมืองของประเทศนั้น ด้วยหลักฐานคำพูดของท่านนบีที่ว่า "การเริ่มถือศิลอดนั้น ก็คือวันที่ผู้คนเค้าถือศิลอดกัน..."และด้วยเหตุผลที่รู้กันตามหลักศาสนาถึงคำสั่งให้เป็นหนึ่ง และเตือนให้ออกห่างจากการแตกแยก และการขัดแย้ง"
เชคบินบาซยังย้ำให้น้ำหนักอีกว่า "จำเป็นที่มุสลิมทั้งหมดจะต้องเข้าเริ่มถือศิลอดพร้อมกันเมื่อเห็นเดือน, และจะต้องออกอีดพร้อมกันด้วยการเห็นเดือน"
แต่ว่าเมื่อพวกเราได้ขัดแย้งกันเหมือนดังที่เป็นอยู่นี้ และไม่มีการเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน ก็จำเป็นที่เราจะต้องถือศิลอดพร้อมกับมุสลิมในประเทศของเรา และต้องออกอีดพร้อมกับพวกเขา ด้วยหลักฐานคำพูดของท่านนบี ที่ว่า
"การเริ่มถือศิลอดคือวันที่พวกเขาถือศิลอดกัน และวันออกอีดก็คือวันที่เขาออกอีดกัน"
และหะดีษอิบนุอับบาส... และเรายังมีอิบนุอับบาสเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติตามทรรศนะนี้ และยังมีอุลามาอฺอีกจำนวนหนึ่งที่บอกให้เริ่มถือศิลอดพร้อมกับคนในประเทศ และออกอีดพร้อมกับพวกเขา....จบคำพูดของเชคบินบาส
สิ่งที่ได้จากทรรศนะของเชคบินบาซ
1- เห็นถึงความนอบน้อม ถ่อมตนของเชคบินบาซ
2- การปฏิบัติตามทรรศนะที่นักวิชาการรุ่นใหญ่ได้มีมติเอาไว้ บนหลักฐาน ถึงแม้จะขัดกับทรรศนะที่ตนเห็นว่าถูกต้องกว่าก็ตาม
3- ในเรื่องนี้ทั้งสองฝ่ายถือว่าเป็นมุจตะฮิด(ผู้วินิจฉัยปัญหาศาสนา)ที่ฝ่ายที่ถูกได้สองผลบุญ(ผลบุญของการวินิจฉัย และผลบุญของความถูกต้อง) ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งก็ได้หนึ่งผลบุญ (คือผลบุญของการที่ได้ใช้ความพยายามในการวินิจฉัย) ดังที่ท่านนบี ได้กล่าวไว้ในหะดีษซอเหี๊ยะ หรืออาจได้สองผลบุญทั้งสองฝ่ายก็ได้ วัลลอฮุอะลัม
4- อิสลามเตือนให้ออกห่างจากการแตกแยก และเชคบินบาซก็รู้เรื่องนี้ดี ส่วนการชี้แจงความถูกต้องไม่ได้เรียกว่าแตกแยกอย่างที่บางคนเข้าใจ
5- ประเด็นนี้มีการประนีประนอมกันได้ เพราะต่างฝ่ายต่างก็ใช้การวินิจฉัย ที่ยืนอยู่บนพื้นฐาน อัลกุรอาน และอัลหะดีษ ,
ส่วนการปฏิบัติที่ทำตามปู่ย่าตายายกันมาโดยปราศจากหลักฐานนั้นไม่สามารถประนีประนอมกันได้เพราะไม่ได้ยืนอยู่บนหลักฐานอัลกุรอานและอัลหะดีษ
วัลลอฮุอะลัม