การให้ผู้ตายเป็นสื่อกลางในการขอดุอาอฺ
เขียนโดย อ.อับดุลบารีย์ นาปาเลน
การขอดุอาอฺหรือวิงวอนจากคนตายเพื่อให้พวกเขาเป็นสื่อกลาง ในการขอดุอาอฺจากอัลลอฮ์ อีกครั้ง อันเนื่องมาจากการเชื่อว่าคนตายเหล่านั้นมีเกียรติที่สูงส่ง ณ ที่อัลลอฮ์ ในกรณีเเบบนี้มีสองทัศนะระหว่างอีหม่ามเเละผู้รู้ของเรา ระหว่างบิดอะหฺที่จะนำพาไปสู่ชีริก หรือเป็นชีริกเล็ก เเละเป็นชีริกที่ตกศาสนา แต่ที่มีน้ำหนักมากที่สุดคือเป็นชีริก ที่อยู่ในหุก่มโดยรวมในการขอต่อสิ่งอื่นนอกจากอัลลอฮ์
"นั่นคืออัลลอฮฺพระเจ้าของพวกเจ้า อำนาจการปกครองทั้งมวลเป็นสิทธิ์ของพระองค์
และสิ่งที่พวกเจ้าวิงวอนขออื่นจากพระองค์นั้น พวกมันมิได้ครอบครองสิ่งใดแม้แต่เยื่อบางหุ้มเมล็ดอินทผลัม "
(ฟาฏิร - Aya 13)
"หากพวกเจ้าวิงวอนขอพวกมัน พวกมันจะไม่ได้ยินการวิงวอนขอ ของพวกเจ้า
ถึงแม้พวกมันได้ยินพวกมันก็จะไม่ตอบรับพวกเจ้า และในวันกิยามะฮฺพวกมันจะปฏิเสธการตั้งภาคีของพวกเจ้า
และไม่มีผู้ใดแจ้งแก่เจ้าได้นอกจากพระผู้ทรงรอบรู้ ตระหนักยิ่ง"
(ฟาฏิร - Aya 14)
ในโองการนี้พระองค์ได้กล่าวอย่างชัดเจนว่าการวิงวอนขอจากสิ่งอื่นนั้นเป็นชีริก เเละการขอดุอาอฺ คือเเก่นเเท้ของอีบาดะหฺ จึงต้องขอจากอัลลอฮ์ เพียงองค์เดียว ห้ามมิให้วิงวอนขอต่อผู้อื่น
"และว่าแท้จริงบรรดามัสยิดนั้นเป็นของอัลลอฮฺ ดังนั้น พวกเจ้าอย่าวิงวอนขอผู้ใดเคียงคู่กับอัลลอฮฺ"
(อัล-ญิน - Aya 18)
♦ ส่วนการขอจากสิ่งอื่นถือว่าเป็นชีริก ไม่ว่าผู้ขอนั้นจะขอจากสิ่งใดก็เเล้วเเต่
"จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด ว่า แท้จริงฉันวิงวอนขอต่อพระเจ้าของฉัน(เท่านั้น) และฉันจะมิตั้งผู้ใดเป็นภาคีต่อพระองค์"
(อัล-ญิน - Aya 20)
♦ ดุอาอฺหรือการวิงวอนเเม้ว่าจะวิงวอนขอจากใคร มันก็คือดุอาอฺ เเละเป็นอีบาดะหฺ
"และผู้ใดวิงวอนขอพระเจ้าอื่นคู่เคียงกับอัลลอฮ์ โดยไม่มีหลักฐานพิสูจน์แก่เขาในการนี้
แท้จริงการคิดบัญชีของเขาอยู่ที่พระเจ้าของเขา แท้จริงบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาจะไม่ประสบความสำเร็จ"
(อัล-มุอ์มินูน - Aya 117)
เเละท่านนบี(ซอลลอลลอฮูอาลัยฮิวะซัลลัม)ได้กล่าวว่า
" ผู้ใดที่วิงวอนขอจากสิ่งอื่นเคียงคู่กับอัลลอฮ์ (เขาผู้นั้น)จะได้เข้านรก "
(รายงานโดย บุคอรีย์ หมายเลข ๔๔๙๗ )
♦ การขอให้พวกเขาขอดุอาอฺให้ก็ถือเป็นการยึดพวกเขาเป็นสื่อกลางในการอีบาดะหฺ
"และพวกเขาจะเคารพภักดีสิ่งอื่นนอกจากอัลลอฮ์ ที่มิได้ให้โทษแก่พวกเขา และมิได้ให้ประโยชน์แก่พวกเขา
และพวกเขาจะกล่าวว่า “เหล่านี้คือผู้ช่วยเหลือเรา ณ ที่อัลลอฮ์”
จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) “พวกท่านจะแจ้งข่าวแก่อัลลอฮ์ด้วยสิ่งที่พระองค์ไม่ทรงรู้ ในบรรดาชั้นฟ้าและในแผ่นดินกระนั้นหรือ?
พระองค์ทรงมหาบริสุทธิ์และทรงสูงส่ง เหนือสิ่งที่พวกเขาตั้งภาคีขึ้น"
(ยูนุส - Aya 18)
♦ การยึดเอาสิ่งอื่นมาเป็นสื่อกลางระหว่างเขากับอัลลอฮ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปเเบบอีบาดะหฺชนิดใดก็เเล้วเเต่ถือเป็นชีริก
"พึงทราบเถิด การอิบาดะฮฺโดยบริสุทธิ์ใจนั้นให้เเก่อัลลอฮฺเพียงองค์เดียว
ส่วนบรรดาผู้ที่ยึดถือเอาบรรดาผู้คุ้มครองอื่นจากอัลลอฮฺ (โดยกล่าวว่า)
เรามิได้เคารพภักดีพวกเขา เว้นแต่เพื่อให้พวกเขาช่วยให้เรามีความใกล้ชิดต่ออัลลอฮ์ มากยิ่งขึ้น
แท้จริง อัลลอฮฺจะทรงตัดสินระหว่างพวกเขาในสิ่งที่พวกเขาขัดแย้งกันในเรื่องนั้น
แท้จริง อัลลอฮฺจะไม่ทรงชี้นำทางแก่ผู้กล่าวเท็จ ผู้ไม่สำนึกบุญคุณ"
(อัซ-ซุมัร - Aya 3)
♦ พระองค์ได้กล่าวเกี่ยวการขอดุอาอฺ คือการภักดีเเละเป็นอีบาดะหฺ
"และพระเจ้าของพวกเจ้าตรัสว่า จงวิงวอนขอต่อข่า ข้าจะตอบรับแก่พวกเจ้า
ส่วนบรรดาผู้โอหังต่อการเคารพภักดีข้านั้น จะเข้าไปอยู่ใน นรก อย่างต่ำต้อย"
(ฆอฟิร - Aya 60)
เเละพระองค์ตรัสความว่า
"และใครเล่าจะหลงทางมากไปกว่าผู้ที่วิงวอนขออื่นจากอัลลอฮฺ
ที่มันจะไม่ตอบรับ (การวิงวอนของ) เขาจนถึงวันกิยามะฮฺ และพวกมันเฉยเมยต่อการวิงวอนขอของพวกเขา"
(อัล-อะห์กอฟ - Aya 5)
"และเมื่อมนุษย์ถูกรวมให้มาชุมนุมกัน พวกมัน จะเป็นศัตรูกับพวกเขา
และจะเป็นผู้ปฏิเสธการเคารพบูชา(อีบาดะหฺ)ของพวกเขา"
( อัล-อะห์กอฟ - Aya 6)
♦ การขอดุอาจากพวกเขา เป็นการให้ความยิ่งใหญ่เเก่พวกเขา และผู้ที่ขอก็จะมีการเเสดงการน้อบน้อม เเละหัวก็จะไปยึดติดต่อพวกเขา เเละหลงลืมต่ออัลลอฮ์
♦ การขอต่อผู้ตายให้ผู้ตายเหล่านั้นขอจากอัลลอฮ์ ถือว่าผู้นั้นได้หมอบหมาย(ตะวักกั้ล)การงานให้ผู้อื่นนอกจากอัลลอฮฺ เเละเป็นการมุ่งหน้าไปหาสิ่งอื่นนอกจากอัลลอฮ์
♦ ประการต่อมา การขอวิงวอนต่อผู้ตายถือว่าเป็นสิ่งเร้นลับ ที่เชื่อว่าพวกคนตายเหล่านั้นสามารถรับรู้เเละได้ยินการวิงวอนของเขาได้ เเละรู้สิ่งเร้นลับ จึงเป็นการให้ความศักดิ์สิทธิ์ต่อคนตายเหล่านั้น ทั้งที่ความจริงเเล้วคนตายเหล่านั้นไม่สามารถรับรู้สิ่งเร้นลับได้ เเม้กระทั้งคนที่มีชีวิตอยู่ หากเข้าไปอยู่ในหลุมศพที่ถูกกั้นด้วยกองดินกองทรายมากมาย เขาก็ไม่สามารถได้ยินเสียงพูดของใครๆได้ เเล้วนับอะไรกับผู้ที่เสียชีวิตไปเเล้ว
"แท้จริง เจ้าจะไม่ทำให้คนตายได้ยิน และจะไม่ทำให้คนหูหนวกได้ยินการเรียกร้องเมื่อพวกเขาหันหลังกลับ"
(อัน-นัมล์ - Aya 80)
เเละที่ถูกต้องที่สุดสำหรับคนตายนั้น อัลลอฮ์จะให้ได้ยินผู้ที่ให้สลามเท่านั้น ดั้งที่มีในสายรายงานฮาดิษ เเม้กระทั้งท่านนบี เองก็ไม่สามารถให้ผู้ตายได้ยินได้นอกจากความประสงค์ของอัลลอฮ์
"...แท้จริง อัลลอฮฺทรงให้ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ได้ยิน และเจ้าไม่สามารถที่จะให้ผู้ที่อยู่ในหลุมฝังศพได้ยินได้"
(ฟาฏิร - Aya 22)
"เจ้ามิใช่อื่นใดนอกจากเป็นผู้ตักเตือนเท่านั้น"
(ฟาฏิร - Aya 23)
ส่วนการรู้ในสิ่งเร้นลับ เเละการได้ยินสิ่งพ้นญาณวิสัยเป็นความสามารถเเห่งการเป็นเจ้าของอัลลอฮ์เท่านั้น แต่หากเชื่อว่าคนตายเหล่านั้นสามารถรู้สิ่งเร้นลับด้วย ก็ถือเป็นยกพวกเขามีอำนาจเท่ากับอัลลอฮ์
"จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) “ไม่มีผู้ใดในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินจะรู้ในสิ่งพ้นญาณวิสัย นอกจากอัลลอฮ์"
และพวกเขาจะไม่รู้ว่า เมื่อใดพวกเขาจะถูกให้ฟื้นคืนชีพ”
(อัน-นัมล์ - Aya 65)
การที่อีหม่ามหรือผู้รู้ที่กล่าวว่า สิ่งนี้เป็นบิดอะหฺ นั้นก็อาจจะหมายถึง บิดอะหฺที่ไม่มีในหลักการ เเละมันก็เป็นบิดอะหฺที่ถึงขั้นตกศาสนา
ท่านชัยคุลอิสลาม อะหฺมัด บิน อับดุลฮาลีม รอฮีมาฮุลลอฮได้กล่าวว่า
" เเละบางครั้งพวกเขาได้เรียกร้องคนตาย ณ ที่สุสานว่า " จงขอดุอาจากอัลลอฮ์ ให้ฉัน หรือวิงวอนขอจากผู้ที่มีชีวิตที่เขาไม่ได้อยู่ต่อหน้า เช่นเดียวกับการที่พวกเขาเรียกร้องต่อผู้นั้นหากเขาได้อยู่ต่อหน้า เเละได้ร้องบทกลอนต่าง เช่น มีคนหนึ่งจากพวกเขากล่าวว่า โอ้เจ้านายของฉัน ฉันเป็นที่เพียงพอต่อเจ้าเเล้ว ฉันอยู่ข้างๆท่านเเล้ว โปรดให้ความช่วยเหลือฉัน ณ ที่อัลลอฮด้วยเถิด โปรดขอจากอัลลอฮให้พระองค์ช่วยเหลือเราต่อศัตรูพวกเราด้วย โปรดขอจากอัลลอฮให้พระองค์ช่วยเหลือเราจากความลำบากอันนี้ ฉันขอร้องเรียนต่อท่านด้วยกับปัญหานั้น ปัญหานี้ ดังนั้นขอให้ท่านขอจากอัลลอฮ์ให้พระองค์ช่วยปลดต่อความทุขก์ยากนี้ด้วย
หรือการที่คนหนึ่งจากพวกเขากล่าวว่า โปรดขอจากอัลลอฮ์ให้พระองค์ทรงอภัยโทษเเก่ฉัน ...(จนท่านได้กล่าวว่า) ทั้งหมดนี้ เเม้ว่าจะเรียกร้องขอจากบรรดามลาอีกะฮ์ เเละบรรดานบี หรือบรรดาคนดีทั้งหลายหลังจากที่พวกเขาได้เสียชีวิตเเล้ว โดยไปวิงวอนขอพวกเขา ณ ที่หลุมศพพวกเขา หรือวิงวอนขอในภายหลังโดยที่ไม่ได้อยู่ต่อหน้า หรือเรียกร้องขอจากรูปเจว็ด ล้วนเเล้วแต่เป็นชีริกใหญ่จากบรรดาชีริกทั้งหลายที่เกิดขึ้นในกลุ่มมุชรีกีน นอกเหนือจากชาวคัมภีร์ หรือในหมู่ของผู้อุตริจากชาวคัมภีร์ หรือในกลุ่มมุสลิมที่ได้อุตริการตั้งภาคีเเละอุตริการทำอีบาดะหฺ ที่พระองค์อัลลอฮ์ไม่ได้มีคำสั่งให้กระทำในสิ่งนั้น.."
(มัจมัวอฺ อัลฟะตาวา เล่ม ๑ หน้าที่ ๑๕๘)
ดังนั้น การขอดุอาอฺ เป็นอีบาดะหฺ จะต้องขอจากอัลลอฮ์ เพียงองค์เดียว ขอต่อพระผู้ทรงสร้าง ผู้ทรงได้ยิน เเละทรงสามารถเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง ส่วนการขอดุอาอฺจากคนตายเพื่อให้พวกเขาขอดุอาจากอัลลอฮ์ให้เขาอีกครั้ง โดยยกให้พวกเขาเป็นสื่อระหว่างเขากับอัลลอฮ์ มีสองทัศนะ
1. เป็นบิดอะหฺที่จะนำพาไปสู่ชีริก หรือเป็นเหตุสู่ชีริก หรือเป็นเเค่ชีริกเล็ก
2. เป็นชีริกใหญ่ หรือบิดอะหฺที่เป็นชีริก
ส่วนทัศนะที่ถูกต้องเเละมีน้ำหนักมากกว่าคือ มันเป็นชีริกที่ทำให้ตกศาสนา.. วัลลอฮุอะลัม