วิธีที่จะทำให้รอดพ้นปลอดภัยจากฟิตนะฮฺ 1
นำเสนอโดย มาลิก โยธาสมุทร
จากข้อเขียนของ เชค อับดุลลอฮฺ บิน ญารุลลอฮฺ บิน อิบรอฮีม อาล ญารุลลอฮฺ สอุดิอาระเบีย
แท้จริง ผู้ที่ทรงแจ้งให้ทราบว่าจะเกิดฟิตนะฮฺขึ้นในยุคสุดท้าย ยังได้ทรงชี้แนะถึงวิธีที่จะทำให้รอดพ้นปลอดภัยจากฟิตนะฮฺดังกล่าว ดังต่อไปนี้
1. การศรัทธาที่สัตย์จริง และการกระทำที่ดีๆเพื่ออัลลอฮฺ ด้วยความบริสุทธิ์ใจต่อพระองค์ สอดคล้องกับซุนนะฮฺของท่านร่อซูล ดังดำรัสของอัลลอฮฺ ตะอาลา ที่ว่า
“ผู้ใดที่กระทำความดี ไม่ว่าจะเป็นชาย หรือหญิงก็ตาม โดยที่เขาเป็นผู้ศรัทธา ดังนั้น เราจะให้เขามีชีวิตเป็นอยู่ที่ดี
และแน่นอน เราจะตอบแทนรางวัลของพวกเขา ให้กับพวกเขา ด้วยกับสิ่งที่ดียิ่งกว่าที่พวกเขาได้เคยกระทำไว้เสียอีก”
(อันนะฮ์ลฺ 16 : 97)
ชีวิตที่ดีทำให้มีจิตใจที่สะอาดบริสุทธิ์ สงบ พึงพอใจในริซกีย์ที่ได้รับจากอัลลอฮฺอย่างกว้างขวาง ดื่มด่ำอยู่กับการทำอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺ ตะอาลา ชีวิตที่ดี ทำให้ได้รับความปลอดภัยจากบรรดาฟิตนะฮฺทั้งหลายทั้งปวงนั่นเอง
การศรัทธาที่ถูกต้อง ทำให้จิตใจถูกต้อง ดีงาม และมีการกระทำที่ถูกต้อง ดีงามไปด้วย การศรัทธานั้น จะเพิ่มพูนมากขึ้น ด้วยกับการเชื่อฟัง ปฏิบัติตามอัลลอฮฺ์ และร่อซูลของพระองค์ และการศรัทธานั้น จะพร่องหรือลดลง ด้วยกับการประกอบกรรมทำชั่ว กระทำการฝ่าฝืนบทบัญญัติศาสนา และการศรัทธานั้นมีอยู่มากมาย หลากหลายประเภท จนกระทั่งมีมากกว่า 70 ประเภท ควบคู่กัน มากกว่า 50 อายาต เพราะทั้งสองนั้นมีความสำคัญเท่าๆกัน ดังนั้น การศรัทธา อีมาน ที่ปราศจากการทำการงานที่ดีๆ จึงไม่มีประโยชน์ และ การทำงานที่ดี แต่ปราศจากการศรัทธา เชื่อมั่นที่ถูกต้อง ก็ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้กระทำด้วยเช่นกัน
อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสว่า
“พึงรู้เถิดว่า แท้จริง บรรดาผู้ที่อัลลอฮฺทรงรักนั้น ไม่มีความหวาดกลัวใดๆ สำหรับพวกเขา และ พวกเขาก็จะไม่เศร้าโศกเสียใจใดๆ คือบรรดาผู้ศรัทธา และพวกเขามีความยำเกรง สำหรับพวกเขาจะได้รับข่าวดี ในการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ และในโลกอาคิเราะฮฺ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในพจนารถของอัลลอฮฺ นั่นแหละคือ ชัยชนะอันยิ่งใหญ่”
(ยูนุส 10 : 62-64)
บรรดาผู้ที่อัลลอฮ์ ทรงรัก (เอาลิยาอุลลอฮฺ) นั้นคือ บรรดาผู้ศรัทธา (อัลมุอฺมินูน) ที่เกรงกลัวอัลลอฮ์ (อัลมุตตะกูน) ดังนั้น ผู้ศรัทธาทุกคนที่เกรงกลัวอัลลอฮฺ เขาก็คือ ผู้ที่อัลลอฮ์ ทรงรักใคร่ (วะลียุลลอฮฺ)นั่นเอง เขาจะไม่มีความหวาดกลัวใดๆ ในสิ่งที่มาพานพบประสบกับเขา และเขาจะไม่เศร้าโศกเสียใจใ ดๆทั้งสิ้น เมื่อเขาต้องประสบกับสิ่งที่เขาไม่พึงปรารถนาและพระองค์ทรงแจ้งข่าวดีให้พวกเขาได้ทราบ ด้วยกับชัยชนะ และความสุขทั้งในดุนยา และ อาคิเราะฮฺ และนั่นก็คือ ประมวลไว้ด้วยกับความปลอดภัย การรอดพ้นจากฟิตนะฮฺนั่นเอง ดังนั้น จึงขอแสดงความชื่นชมกับบรรดาท่านเหล่านั้นด้วย ขออัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงให้เราได้รับชัยชนะ ได้รับความสำเร็จ เช่นเดียวกับท่านเหล่านั้นด้วยเทอญ
*♣ ผลจากการศรัทธาที่ถูกต้อง อีกประการหนึ่งก็คือ อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงปกป้อง คุ้มครองบรรดา ผู้ศรัทธา ให้พ้นจากสิ่งที่น่าชัง น่ารังเกียจทั้งหลาย ทั้งปวง และทรงทำให้พวกเขาแคล้วคลาดปลอดภัยจากวิกฤต ดังที่อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสว่า
“แท้จริง อัลลอฮ์ ทรงปกป้อง คุ้มครองบรรดาผู้ศรัทธาให้รอดพ้น (จากบรรดาเหล่าศัตรู)”
(อัลฮัจญ์ 22 : 38)
*♣ ผลจากการศรัทธาที่ถูกต้องอีกประการหนึ่งก็คือ การได้รับข่าวดี ด้วยการได้รับเกียรติจากอัลลอฮฺ (กะรอมะตุลลอฮฺ) และความสงบสุข ปลอดภัย (อัล อัมนฺ) อย่างสมบูรณ์ครบทุกรูปแบบ ดังดำรัสของอัลลอฮฺ ตะอาลา ที่ว่า
“บรรดาผู้ศรัทธา โดยที่มิได้ทำให้การศรัทธาของพวกเขาปะปนกับการปฏิเสธศรัทธา (การอธรรม) ชนเหล่านี้แหละ พวกเขาจะได้รับความปลอดภัย และพวกเขาคือผู้ที่ได้รับการชี้นำสู่หนทางอันถูกต้องเที่ยงตรงแล้ว”
(อัลอันอาม 6 : 82)
ฉะนั้น ผู้ที่ให้เอกภาพแด่อัลลอฮฺ เพียงพระองค์เดียว ไม่มีการปะปนกันในการให้เอกภาพแด่อัลลอฮฺ ด้วยกับการตั้งผู้ใด หรือสิ่งใดๆก็ตามมามีหุ้นส่วนเป็นภาคีร่วมกับพระองค์ พวกเขาจะได้รับความปลอดภัย และได้รับการชี้นำสู่หนทางอันถูกต้องเที่ยงตรง ทั้งในโลกนี้ และในโลกอาคิเราะฮฺ และดังกล่าวนี้ ก็รวมไปถึงความรอดพ้นปลอดภัยจากฟิตนะฮฺนั่นเอง
ดังนั้น ผู้ศรัทธาที่แท้จริง จะมีความปลอดภัยอย่างสมบูรณ์ในโลกดุนยา จากฟิตนะฮฺทั้งมวล และ ในอาคิเราะฮฺ เขาจะปลอดภัยจากการถูกลงโทษ ปลอดภัยจากความกริ้วโกรธของอัลลอฮฺ และปลอดภัยจากความชั่วร้ายทั้งหลายทั้งปวง และเขายังได้รับข่าวดีอย่างครบถ้วนสมบูรณ์อีกด้วย ดังดำรัสของอัลลอฮฺ ตะอาลา ที่ว่า
“อัลลอฮฺทรงให้บรรดาผู้ศรัทธามีความมั่นคง ด้วยคำพูดที่มั่นคง
ในชีวิตความเป็นอยู่แห่งโลกนี้ และในโลกอาคิเราะฮฺ”
(อิบรอฮีม 14 : 27)
หมายถึง ให้เขายืนหยัดมั่นคงในโลกดุนยา อยู่บนการอีมาน ศรัทธา และกระทำการงานที่ดี และนี่เองจะเป็นการปกป้องคุ้มกันให้พ้นจากฟิตนะฮฺที่หลงผิด และทำให้เขามีความมั่นคงในกุบู๊ร
ขณะที่มีผู้หนึ่งในพวกเขาจะถามว่า ใครคือพระเจ้าของเจ้า ? อะไรคือศาสนาของเจ้า ? และใครคือนบีของเจ้า ?
แล้วมุอฺมิน ผู้ศรัทธาก็จะกล่าวว่า อัลลอฮ์ คือพระเจ้าของฉัน อิสลาม คือศาสนาของฉัน และมุฮัมมัด คือนบีของฉัน ดังที่ปรากฏในตัฟซี๊รฺ และบรรดาฮะดีษที่ซอฮี๊ฮฺต่างๆ เราขอต่ออัลลอฮฺ ตะอาลา ให้เราและบรรดาพี่น้องมุสลิมทั้งมวล ยืนหยัด มั่นคง ด้วยคำพูดที่มั่นคง ในชีวิตความเป็นอยู่แห่งโลกนี้ และในโลกอาคิเราะฮฺ แท้จริง พระองค์นั้นทรงเป็นผู้คุ้มครอง และเป็นผู้ทรงสามารถเหนือทุกสิ่ง
2. สิ่งที่จะทำให้รอดพ้นปลอดภัยจากฟิตนะฮฺอีกประการหนึ่งก็คือ การเกรงกลัวอัลลอฮฺเป็นประจำสม่ำเสมอ ด้วยการปฏิบัติตามสิ่งที่อัลลอฮฺทรงใช้ และห่างไกลจากสิ่งที่อัลลอฮฺทรงห้าม และกระทำสิ่งที่เป็นวาญิบ และละทิ้งสิ่งอันเป็นที่ต้องห้าม ดังที่อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสว่า
“และผู้ใดที่เกรงกลัวอัลลอฮฺ พระองคืก็จะทรงให้เขามีทางออก
และจะทรงประทานริซกีย์ให้แก่เขา จากที่ที่เขามิได้คาดคิดมาก่อน”
(อัฏฏอล๊าก 65 : 2-3)
ดังนั้น พระองค์อัลลอฮ์ จึงทรงสัญญากับผู้ที่เชื่อฟังปฏิบัติตาม (ฏออะฮฺ) และเกรงกลัว (ตักวา) พระองค์จะทรงให้เขาหลุดพ้นออกจากวิกฤต และความฝืดเคือง ทางด้านปัจจัยยังชีพ (ริซกีย์) โดยไม่ส่งผลกระทบ หรืออันตรายใดๆแก่เขา และดังกล่าวนี้จึงทำให้เขารอดพ้นจากฟิตนะฮฺ และวิกฤติการณ์ ดังที่อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสว่า
“และผู้ใดที่เกรงกลัวอัลลอฮฺ พระองค์จะทรงทำให้กิจการงานของเขาสะดวกง่ายดาย”
(อัฏฏอล๊าก 65 : 4)
หมายถึง ทำให้กิจการงานของเขาสะดวกง่ายดาย สบายมากนั่นเอง
ดังนั้น ผู้ศรัทธาที่เกรงกลัวอัลลอฮฺ พระองค์จะทรงทำให้กิจการงานทั้งหลาย ทั้งปวงของเขา เป็นที่สะดวกง่ายดาย และห่างไกลจากอุปสรรค ความยากลำบาก มีหนทางออก และได้รับริซกีย์ โดยที่เขามิได้คาดคิดมาก่อนเลย ดังปรากฏในอัลกุรอาน และอัซซุนนะฮฺมากมายอัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสว่า
“และพวกเจ้าจงเกรงกลัวอัลลอฮฺเถิด เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับความสำเร็จ”
(อัลบะกอเราะฮฺ 2 : 189)
คำว่า “อัลฟะล๊าฮฺ” ในภาษาอาหรับประกอบไปด้วย การได้รับสิ่งที่ต้องการ และการรอดพ้นปลอดภัย จากการข่มขู่ และแคล้วคลาดปลอดภัย จากฟิตนะฮฺต่างๆ สำหรับผู้ที่เกรงกลัวอัลลอฮฺ ตะอาลา อย่างแท้จริง เพราะการเชื่อฟัง ปฏิบัติตาม และไม่มีการละเมิดฝ่าฝืน มีการรำลึกถึงอัลลอฮฺ ไม่ลืมพระองค์ มีการกตัญญูต่ออัลลอฮฺ มิใช่เนรคุณ
ดังนั้น การตักวา จึงเป็นคำสั่งเสียของอัลลอฮฺ แก่ชนรุ่นแรกๆ และชนรุ่นหลังๆ และเป็นคำสั่งเสียของท่านร่อซูล แก่ประชาชาติของท่าน ซึ่งจะก่อให้เกิดความสุข ทั้งในดุนยา และอาคิเราะฮฺ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น
3. สิ่งที่จะทำให้รอดพ้นปลอดภัยจากฟิตนะฮฺอีกประการหนึ่งก็คือ การรำลึกนึกถึงอัลลอฮฺมากๆ ดังที่อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสว่า
“ดังนั้น พวกเจ้าทั้งหลาย จงรำลึกถึงข้าเถิด ข้าก็จะรำลึกถึงพวกเจ้า”
(อัลบะกอเราะฮฺ 2 : 152)
อิบนิ อับบ๊าส กล่าวอธิบายว่า “พวกเจ้าทั้งหลาย จงรำลึกถึงข้า ด้วยการเชื่อฟังปฏิบัติตามข้า ข้าก็จะรำลึกถึงพวกเจ้า ด้วยการช่วยเหลือของข้า”
สะอี๊ด อิบนิ ญุบัยรฺ กล่าวว่า “พวกเจ้าทั้งหลายจงรำลึกถึงข้าเถิด ด้วยการเชื่อฟังปฏิบัติตามข้า ข้าก็จะรำลึกถึงพวกเจ้า ด้วยการอภัยโทษของข้าให้กับพวกเจ้า”
และว่า “พวกเจ้าทั้งหลาย จงรำลึกถึงความกรุณา (นิอฺมะฮฺ) ของข้าในยามสงบสุขสบาย ข้าก็จะรำลึกถึงพวกเจ้าในยามวิกฤติ หน้าสิ่ว หน้าขวาน หรือเกิดภัยพิบัติ (บะลาอฺ) ต่างๆ
อายะฮฺ อัลกุรอาน ประมวลการรำลึกนึกถึงอัลลอฮฺ ด้วยหัวใจ และลิ้น ซึ่งจะเป็นการปกป้องผู้ที่รำลึกถึงอัลลอฮฺ ให้พ้นจากฟิตนะฮฺ และวิกฤตการณ์ทั้งหลาย ทั้งปวง ดังดำรัสของอัลลอฮฺ ตะอาลา ที่ว่า
“ดังนั้น หากว่าเขา (ยูนุซ) มิได้เป็นคนหนึ่ง ในบรรดาผู้ที่แซ่ซร้อง สรรเสริญ สดุดีต่ออัลลอฮฺแล้ว
แน่นอน เขาย่อมจะอยู่ในท้องปลา จนกระทั่งถึงวันกิยามะฮฺ”
(อัซซ็อฟฟ๊าต 37 : 143-144)
ท่านนบี กล่าวว่า
“อัลลอฮ์ ตรัสว่า ข้านั้นอยู่กับบ่าวของข้า ตราบเท่าที่เขารำลึกถึงข้า และขณะขยับริมฝีปากของเขา”
(นำเสนอโดย อิบนุ มาญะฮฺ และอิบนุ ฮิบบาน ระบุว่า ซอฮี๊ฮฺ)
ท่านนบี กล่าวว่า
“อัลลอฮ์ ตรัสว่า ข้านั้นอยู่ที่การคาดคิดของบ่าวของข้าที่มีต่อข้า และข้านั้น อยู่กับเขา เมื่อเขารำลึกถึงข้า”
(บันทึกโดย อิมาม อัลบุคอรีย์ และอิมาม มุสลิม)
ผู้ใดที่อัลลอฮ์ ทรงอยู่กับเขา ดังนั้น เขาจะไม่มีความหวาดกลัวใดๆทั้งสิ้น
และฮะดีสนี้ยังเป็นหลักฐานที่บ่งถึง ภาคผลความประเสริฐของการรำลึกถึงอัลลอฮฺ และอัลลอฮฺ ทรงอยู่กับผู้ที่รำลึกถึงพระองค์ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ ด้วยความอ่อนโยน ละมุนละม่อม ของพระองค์ ด้วยความช่วยเหลือของพระองค์ และด้วยความพึงพอพระทัยของพระองค์ที่มีต่อผู้เป็นบ่าว และนี่คือความหมายของคำว่า “มะอียะฮฺ” (معية) การที่อัลลอฮฺทรงอยู่กับเขา เป็นการเฉพาะเจาะจง ดังที่อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสว่า
“แท้จริง อัลลอฮฺทรงอยู่กับบรรดาผู้ที่เกรงกลัวพระองค์ และบรรดาผู้ที่กระทำความดี”
(อันนะฮ์ลฺ 16 : 128)
ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นการทำให้รอดพ้นปลอดภัย จากฟิตนะฮฺนั่นเอง
4. สิ่งที่จะทำให้รอดพ้นปลอดภัยจากฟิตนะฮฺอีกประการหนึ่งก็คือ การสารภาพผิด กลับเนื้อกลับตัว (อัตเตาว์บะฮฺ) และการขออภัยโทษ (อัลอิสติฆฟ๊าร) ต่ออัลลอฮฺ ดังที่อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสว่า
“และพวกเจ้าทั้งหลาย จงสารภาพผิด กลับเนื้อกลับตัวต่ออัลลอฮ์ กันทั้งหมดเถิด
โอ้ บรรดาผู้ศรัทธาแล้วทั้งหลาย เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับชัยชนะ”
(อันนู๊ร 24 : 31)
คำว่า “อัลฟะล๊าฮฺ” เป็นคำรวมของความสำเร็จ ตามที่ปรารถนา และได้รับชัยชนะจากอันตราย ทั้งปวง ดังที่อัลลอฮ์ ตรัสความว่า
“และพวกท่านจงขออภัยโทษต่อพระเจ้าของพวกท่านกันเถิด แล้วสารภาพผิด กลับเนื้อกลับตัว ต่อพระองค์เสีย พระองค์ก็จะทรงประทานปัจจัยยังชีพที่ดีให้กับพวกท่าน จนกระทั่งถึงวาระที่ถูกกำหนดไว้ และพระองค์จะทรงประทานความกรุณาของพระองค์ ให้แก่ผู้ที่กระทำความดีทุกคน”
(ฮู๊ด 11 : 3)
อายะฮฺนี้ชี้ให้เห็นว่า การสารภาพผิด กลับเนื้อกลับตัว (อัตเตาว์บะฮฺ) และการขออภัยโทษ (อัลอิสติฆฟ๊าร) ต่ออัลลอฮฺนั้น เป็นสาเหตุแห่งการได้รับปัจจัยที่ดีในชีวิตนี้ และเป็นรางวัลตอบแทนแก่ ผู้ที่กระทำความดีทุกคน ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นที่มาของการได้รับความรัก และรอดพ้นปลอดภัยจากการ ถูกรังเกียจเดียดฉันท์ และทำให้แคล้วคลาด ปลอดภัย จากฟิตนะฮฺอีกด้วยนั่นเอง
อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสว่า
“และอัลลอฮ์ นั้น จะไม่เป็นผู้ทรงลงโทษพวกเขา ขณะที่พวกเขากำลังขออภัยโทษกันอยู่”
(อัลอันฟาล 8 : 33)
อายะฮฺนี้ ชี้ให้เห็นว่า การขออภัยโทษต่ออัลลอฮฺ (อัลอิสติฆฟ๊าร) สามารถหักห้ามการลงโทษ และการประสบกับฟิตนะฮฺได้ เพราะฟิตนะฮฺนั้น เป็นส่วนหนึ่งของการลงโทษ (อัลอะซาบ) ดังปรากฏในฮะดีสของท่านร่อซูล ที่ว่า
“ผู้ใดที่ขออภัยโทษ (อิสติฆฟ๊าร) เป็นประจำ อัลลอฮฺจะทรงให้เขาหายจากความเครียดทุกอย่าง
ทรงให้เขามีหนทางออกจากทุกปัญหาอุปสรรค และทรงประทานริซกีย์ให้แก่เขา โดยที่เขามิได้คาดคิด มาก่อน”
(บันทึกโดย อิมาม อะฮฺมัด อบูดาวู๊ด อิบนิ มาญะฮฺ และอัล ฮากิม กล่าวว่า สายรายงาน ซอฮี๊ฮฺ)
ข้อพึงสังเกตุ เป็นการเน้นย้ำให้กล่าว “อิสติฆฟ๊าร” ให้มากๆ และเป็นประจำสม่ำเสมอ เพราะจะทำให้รอดพ้นปลอดภัยจากฟิตนะฮฺนั่นเอง
5. สิ่งที่จะทำให้รอดพ้น ปลอดภัยจากฟิตนะฮฺ อีกประการหนึ่งก็คือ การขอดุอาอฺ เพราะแท้จริง อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงมีบัญชาให้วิงวอนขอต่อพระองค์ โดยมุ่งหวังผลที่จะได้รับการตอบรับจากพระองค์ ด้วยพระองค์เป็นผู้ทรงมหาบริสุทธิ์ เป็นผู้ทรงสูงส่ง พระองค์นั้นไม่ทรงผิดสัญญา ดังดำรัสของพระองค์ ที่ว่า
“และพระเจ้าของพวกเจ้า ตรัสว่า พวกเจ้าทั้งหลาย จงวิงวอนขอต่อข้าซิ ข้าจะตอบรับคำวิงวอนขอของพวกเจ้า”
(ฆอฟิร 40 : 60)
ดังเช่นคำวิงวอนขอของท่านนบีอัยยู๊บ ขณะที่ท่านวิงวอนขอต่ออัลลอฮ์ ว่า
“โอ้ พระเจ้าของเรา เรานั้นก่ออธรรมต่อตัวของเราเอง และหากพระองค์มิทรงอภัยโทษให้แก่เรา และมิทรงเมตตาต่อเรา
แน่นอน เราย่อมเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ขาดทุนอย่างแน่นอน”
(อัลอะอฺรอฟ 7 : 23)
ด้วยเหตุนี้ ทำให้นึกถึงท่านนบียูนุส ที่ได้วิงวอนขอต่ออัลลอฮ์ ขณะที่อยู่ในท้องปลาใหญ่ ด้วยดุอาอฺที่ว่า
“ไม่มีสิ่งใดที่จะถูกเคารพสักการะนอกจากอัลลอฮฺ. นอกจากพระองค์ท่าน มหาบริสุทธิ์เป็นของพระองค์ท่าน
แท้จริง ข้าพระองค์นั้นเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ก่ออธรรมต่อตัวเอง”
ท่านนบี อะลัยฮิซซอลาตุวัสลาม กล่าวว่า
“มุสลิมผู้ใดที่วิงวอนขอต่ออัลลอฮ์ ด้วยดุอาอฺดังกล่าว ไม่ว่าจะในเรื่องใดก็ตาม อัลลอฮ์ จะทรงตอบรับคำวิงวอนของเขาผู้นั้น”
(บันทึกโดย อิมาม อะฮฺมัด อัตติซีย์ อันนะซาอีย์ อัลบัยฮะกีย์ และอัลฮากิม อิมาม อัซซะฮะบีย์ เห็นพ้องด้วย และระบุว่าเป็นฮะดีสซอฮี๊ฮฺ และอิมาม อัตติรมิซีย์ ถือว่าเป็นฮะดีส ซอฮี๊ฮฺ)
นอกจากนั้นยังมีดุอาอฺอีกบทหนึ่งที่ว่า
(( لا إله إلا الله العظيم الحليم لا إله إلا الله رب العرش العظيم لا إله إلا الله رب السماوات ورب الأرش ورب العرش الكريم )) رواه البخاري ومسلم
“ไม่มีสิ่งใดที่จะถูกเคารพสักการะนอกจากอัลลอฮฺ์ ผู้ทรงยิ่งใหญ่ ผู้ทรงสุขุมคัมภีร์ภาพ
ไม่มีสิ่งใดที่จะถูกเคารพสักการะนอกจากอัลลอฮฺ์ พระเจ้าแห่งอะรัชอันยิ่งใหญ่
ไม่มีสิ่งใดที่จะถูกเคารพสักการะนอกจากอัลลอฮฺ์ พระเจ้าแห่งฟากฟ้า
พระเจ้าแห่งแผ่นดิน พระเจ้าแห่งอะรัชอันทรงเกียรติ”
(บันทึกโดย อิมาม อัลบุคอรีย์ และอิมาม มุสลิม)
ที่มา อัลอิศลาห์ สมาคม บางกอกน้อย