จุดยืนของบรรดานักวิชาการของเรา
แปลโดย อิสมาอีล กอเซ็ม
คำถาม
มีนักวิชาการคนหนึ่งจากนักวิชาการมุสลิมในเมืองมาดีนะห์ ซึ่งฉันได้อาศัยในเมืองนั้น กล่าวว่าแท้จริง อิหม่ามอิบนูหะญัร และอิหม่ามอัลนาวาวีย์ ทั้งสองท่านนี้เป็นผู้ที่อุตริในศาสนา โดยที่เขาได้นำหลักฐานมาจากหนังสือ ฟัตหุลบารีย์ เพื่อสนับสนุนทัศนะของเขา และฉันขอนำตัวอย่างที่ท่านอิบนู หะญัร ได้อธิบายจุดประสงค์ คำว่า พระพักต์ของอัลลอฮฺ คือ ความเมตตาของพระองค์ พวกท่านมีความเห็นว่าอย่างไร?
มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฮฺ
คำตอบ
ชาวอะลุซซุนนะห์ วัลญามาฮะ มีความยุติธรรมในการตัดสินแก่บุคคลอื่น โดยเขาจะไม่กล่าวถึงผู้คนเกินที่สมควร (ตามความผิดพลาด) และพวกเขาจะไม่ลบหลู่เกียรติของพวกเขา(บุคคลที่พวกเขากล่าวถึง) และจากความยุติธรรม การอธิบาย ข้อผิดพลาดของบุคคลที่ผิดพลาด จากบรรดาผู้รู้ที่ทรงเกียรติ และคิดว่าความผิดพลาดนั้นเกิดจากการตีความ(ที่พยายามจะหาความจริง) และขอความเมตตาให้แก่เขา
จากความยุติธรรมของชาวซุนนะห์ ในการเตือนถึงข้อผิดพลาดของเขา เพื่อไม่ให้คนอื่นผิดพลาดเหมือนเขาอีก และได้ไปปฏิบัติในสิ่งที่ผิดพลาดนั้นอีก ชาวอะลุซซุนนะห์จะไม่ตัดสิน แก่ผู้ที่ขัดแย้ง ที่ยึดมั่นต่อซุนนะห์ (หมายถึงผู้ที่พยายามที่จะยึดมั่นในซุนนะห์แต่เขาเกิดกระทำสิ่งที่ผิดพลาดที่ค้านต่ออัซซุนนะห์) ว่าเป็นผู้ที่หลงผิด และผู้ที่อุติกรรมในศาสนา
ในยุคสมัยของเรา มีบุคคลที่ไปลบหลู่เกียรติของอิหม่ามทั้งสอง คือ อันนาวาวีย์ และอิบนู หะญัร ว่าท่านทั้งสองนั้นเป็นผู้ที่หลงผิด และเป็นผู้ทีอุตริกรรมในศาสนา และ นำข้อความของบางคนจากพวกเขา ถึงขั้นให้นำหนังสือ ฟัตหุลบารีย์มาเผาทิ้งไม่ได้หมายความท่านทั้งสอง ไม่ได้ผิดพลาดในประเด็นต่างๆในบทบัญญัติ โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวกับ คุณลักษณะของอัลลอฮฺ ตาอาลา โดยที่บรรดานักวิชาการของเราได้มีการพูดถึงและอธิบายไว้ และได้ตอบโต้ชี้แจงท่านทั้งสอง พร้อมกับขอความเมตตาให้แก่ท่านทั้งสอง และได้ชมเชยในสิ่งที่สมควรจะชมเชย และขอดุอาให้แก่เขาทั้งสอง และยังมีการสั่งเสียแนะนำให้เอาประโยชน์จากหนังสือของท่านทั้งสอง นี่คือความเที่ยงธรรมของชาวอะลุซซุนนะห์ วัลญามาฮะ
ซึ่งต่างกับผู้ที่ตัดสินท่านทั้งสองว่าได้ทำอุตริกรรมในศาสนา และตัดสินว่าท่านทั้งสองเป็นผู้ที่หลงผิด โดยที่กล่าวว่า ให้เผาหนังสือของท่านทั้งสอง ซึงต่างกับบุคคลที่เอาคำของท่านทั้งสองมาเป็นหลักฐาน เสมือนว่ามันเป็นบทบัญญัติ และถือว่าสิ่งที่ท่านทั้งสองยึดมั่นนั้น คือสิ่งที่ถูกต้องโดยไม่ต้องสงสัย และจากคำพูดของนักวิชาการของเรา เพื่อที่มุสลิมจะเที่ยงธรรม และความรู้ และตัดสินด้วยความยุติธรรม ต่ออิหม่ามทั้งสอง
1.สภาวิจัยถาวรในการตอบปัญหาศาสนา
อะไร คือ จุดยืนของเรา ต่อบรรดานักวิชาการ ที่พวกเขาได้ตีความในคุณลักษณะ(ของอัลลอฮ) เช่น ท่านอิบนู หะญัร และ อันนาวาวีย์ และ อิบนุล เญาซีย์ และคนอื่นๆ นอกจากพวกเขา จะยึดว่าพวกเขาบรรดาอิหม่าม อะลุซซุนนะห์ วัลญามาอะหรือไม่ ? หรือเรากล่าวว่า แท้จริงพวกเขาผิดพลาดในการตีความของพวกเขา หรือว่าพวกเขาหลงผิดในเรื่องดังกล่าว ?
พวกเขาได้ตอบว่า
จุดยืนของพวกเรา จากท่าน อบีบักรฺ อัลบากีลานีย์ และท่านบัยอากีย์ และ อบีฟัรญ อิบนุลเญาซีย์ และอบีซาการียา อันนาวาวีย์ และ อิบนู หะญัร บุคคลอื่นที่คล้ายๆกับพวกเขา จากผู้ที่ทำการตีความ บางคุณลักษณะของอัลลอฮฺ ตาอาลา หรือนำความหมายกลับไปยังความหมายเดิมๆ หมายความว่า แท้จริงพวกเขาในทัศนะของพวกเรา เป็นบรรดานักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิของบรรดานักวิชการมุสลิม ซึงอัลลอฮฺได้ให้ประชาชาติมุสลิมได้รับประโยชน์จากความรู้ของพวกเขา ขออัลลอฮฺได้โปรดเมตตาแก่พวกเขาด้วยความเมตตาที่มากมาย และอัลลอฮฺตอบแทนความดีแก่เขา ที่มีต่อพวกเขา แท้จริงพวกเขาเป็นอะลุซซุนนะห์ ในสิ่งที่พวกเขาทรงกับสิ่งที่บรรดาศอหาบะห์ รอฎิยัลลอฮูอันฮุม และบรรดาผู้รู้ชาวสลัฟในยุคสามศตวรรษแรก จากบรรดาอิหม่ามผู้รู้ชาวสลัฟขออัลลอฮฺได้โปรดเมตตาแก่พวกเขา เหมือนกัน จะเป็นคุณลักษณะซาตียะ และคุณลักษณะที่เป็นการกระทำ หรือ หรือบางส่วนจากดังกล่าว ขออัลลอฮโปรดประทานความสำเร็จ ขอความศานติจากอัลลอฮจงประสบแดท่านนบีของเรา มูฮัมหมัด และเหล่าเครือญาตของท่าน
2.มีคนมาถามเชค มูฮัมหมัด บิน ซอแหละห์ อัลอุซัยมีน รอฮิมาอุลลอฮ
สำหรับประเด็นของบรรดานักวิชาการ ซึงพวกเขาได้เกิดความผิดพลาดใน ความผิดพลาดบางอย่างในเรื่องหลักความเชื่อ เช่น เรื่องพระนามและคุณลักษณะ และอื่นจากนี้ โดยที่บรรดารายชื่อของพวกเขาได้ผ่านสายตาพวกเราในขณะที่เรียนในมหาวิทยาลัย และจะมีข้อตัดสินว่าอย่างไร ในการขอความเมตตาให้แก่พวกเขา ?
เชค กล่าว ตัวอย่างใครบ้าง?
คนที่ถามตอบว่า เช่น อัซซัมมักชารีย์ อัซซัรกาชีย์ และคนอื่นๆ นอกจากทั้งสอง
เชค ถามว่า อัซซัรกาชีย์เกี่ยวกับเรื่องอะไร ?
คนถามตอบว่า ในเรื่อง พระนามและคุณลักษณะต่างๆ
ท่านเชค ตอบว่า
จะอย่างไรก็ตาม ยังมีกลุ่มคนที่พวกเขาได้อ้างอิงถึงกลุ่มเฉพาะที่สัญลักษณ์ของพวกเขา คือ การอุตริในศาสนา บางคนจากพวกเขา เช่น อัซซัมมักชารีย์ เขาเป็นมัวะตาซิละห์ และเขายังกล่าวถึงผู้ที่ยืนยัน คุณลักษณะของอัลลอฮฺ ว่าพวกเขา เป็นผู้ที่ให้อัลลอฮมีรูปร่าง และเขายังหาว่าผู้ที่ยืนยันคุณลักษณะของอัลลอฮฺ คือผู้หลงผิด และด้วยเหตุนี้ จำเป็นสำหรับผู้ที่ได้อ่านหนังสือของเขา อัลกัชชาฟ ที่เกี่ยวกับการอรรถาธิบายอัลกุรอ่าน ที่จะต้องหลีกห่างจากคำพูดของเขาที่เกี่ยวกับเรื่องคุณลักษณะของอัลลอฮฺ แต่สำหรับเรื่อง สำนวนโวหาร (อัลบาลาเฆาะ) ที่เกี่ยวของกับเรื่องสำนวนโวหาร ทางภาษาถือว่า ดี สามารถเอาประโยชน์จากหนังสือของเขาได้มากทีเดียว แต่หนังสือของเขานั้นถือว่า อันตรายสำหรับคนที่ขาดความรู้ในเรื่องของคุณลักษณะและพระนามต่างๆของอัลลอฮฺ แต่ว่ายังมีนักวิชาการที่ได้มีการยืนยันและยอมรับในความดีของพวกเขา โดยที่พวกเขาไม่ได้พาดพิงตัวของพวกเขาไปยังกลุ่มเฉพาะ ที่ทำบิดฮะ (อุตริในศาสนา)
แต่คำพูดของพวกเขามีบางอย่างจากคำพูดของกลุ่มที่ทำบิดฮะ นักวิชาการที่ว่า เช่น อิบนู หะญัร อัลอัสกอลานีย์ และท่าน อันนาวาวีย์ รอฮิมาอุมัลลอฮฺ เพราะว่าแท้จริงคนเขลาบางครั้ง ได้ตำหนิแก่ทั้งสองอย่างมากมายในทุกๆเรื่อง จนกระทั่งมีคนกล่าวกับฉันว่า แท้จริงมีบางคนกล่าวว่า จำเป็นจะต้องเผ่าหนังสือ ฟัตหุลบารีย์ เนื่องจากอบนู หะญัร คือ อาชาฮิเราะห์ คำพูดแบบนี้ไม่ถูกต้อง ท่านทั้งสองนี้ ในตัวตนของเขา ฉันไม่เห็นใครในปัจจุบันที่ได้รับใช้อิสลามเกี่ยวกับหะดีษ เช่น ท่านทั้งสองได้รับใช้อิสลาม
และสิ่งที่มาบ่งชี้ให้ท่านทราบ แท้จริงอัลลอฮฺซุบหานาฮูวาตาอาลา ด้วยกับผลานุภาพและความสามารถของพระองค์ และไม่มีใครมีส่วนร่วมกับพระองค์ โดยพระองค์ได้ตอบรับการงานนั้น โดยที่หนังสือของเขาทั้งสองได้ถูกตอบรับจากผู้คนและนักศึกษา แม้กระทั่งคนทั่วไป ในปัจจุบันหนังสือ ริญาดุซซอลีอีน ถูกนำมาอ่านในทุกๆสถานที่การเรียนรู้ และให้ประโยชน์แก่ผู้คนอย่างมากมาย ฉันมีความหวังที่จะให้อัลลอฮฺได้ทำให้ฉันมีหนังสือเหมือนกันหนังสือนี้ (ริญาดุซซอลีอีน) ทั้งหมดให้ประโยชน์ในบ้านของเขา และในมัสยิดของเขา ดังนั้นกล่าวออกมาได้อย่างไร ที่ไปตัดสินว่า ทั้งสองท่านนั้นคือผู้ที่อุตริในศาสนาและเป็นผู้ที่หลงผิด และไม่อนุญาตให้ขอความเมตตาให้แก่ท่านทั้งสอง และไม่อนุญาตให้อ่านหนังสือทั้งสองท่าน จำเป็นต้องเผา หนังสือฟัตหุลบารีย์ และอธิบายหนังสือซอเอียะมุสลิม
มีใครบางที่มีความสามารถที่การรับใช้อิสลามและบรรดามุสลิมเหมือนที่ท่านทั้งสองได้รับใช้ เว้นแต่อัลลอฮทรงประสงค์ ฉันขอกล่าวว่า อัลลอฮโปรออภัยให้แก่อันนาวาวีย์ และอิบนุลหะญัร อัลออสกอลานีย์ และบุคคลที่คล้ายๆกับทั้งสอง จากผู้ที่อัลลอฮฺได้ให้พวกเขาได้ให้ประโยชน์แก่อิสลามและบรรดามุสลิม และขอให้อัลลอฮตอบรับพวกเขาในการงานของพวกเขา บทเรียน ลิกอฮ อัลมัฟตัวะ 43/คำถามหมายเลขที่ 9
3.ท่านเชค ซอแหละห์ บิน เฟาซาน อัลเฟาซาน อาฟิซออุลลอฮฺ ได้ถูกถาม
แท้จริงได้มีเห็นขัดแย้งกันในกลุ่มนักศึกษาในความหมาย ของคำว่า อัลมุบตาดิฮฺ(ผู้ที่อุตริในศาสนา) โดยที่บางคนกล่าวว่า คือ ผู้ที่กล่าว หรือ กระทำบิดฮะ ถึงแม้ว่าผู้ที่ไม่มีใครนำหลักฐานไปบอกแก่เขา โดยที่บางคนจากพวกเขา กล่าวว่า จำเป็นต้องนำหลักฐานไปบอกเขา และบางคนจากพวกเขามีการแบ่งระหว่างผู้ที่ทำการวินิจฉัย และผู้รู้อื่นจากเขา จากผู้รู้ที่รากฐากการปฏิบัติเดิมๆของเขา ค้านกับแนวทางของ อะลุซซุนนะห์ วัลญามาฮะ โดยที่ได้มีบางคนจากพวกเขา ได้กล่าว ว่าอิบนู หะญัร และอิหม่าม อันนาวาวีย์เป็นผู้อุตริในศาสนา และไม่มีการขอดุอาให้ความเมตตาแก่พวกเขา?
ท่านเชคได้ตอบว่า
ประการแรก ไม่สมควรที่บรรดานักเรียนที่อยู่ในช่วงแรกๆของการเรียน และบุคคลทั่วไป ที่มาสนใจหมกมุ่นกับเรื่องของการ ตัดสินบุคคลว่ากระทำสิ่งที่อุตริ และตัดสินคนว่าเขาทำสิ่งที่เป็นความชั่ว เนื่องจากสิ่งดังกล่าวเป็นเรื่องอันตราย โดยที่พวกเขาไม่ได้มีความอย่างลึกซึ้งในเรื่องนี้ และเช่นเดียวกันการกระแบบนี้เป็นสาเหตุให้เกิดการเป็นศัตรูและความเกลียดชัง ระหว่างพวกเขา ดังจำเป็นสำหรับพวกเขาที่ต้องทุ่มเทในการแสวงวิชาความรู้ และให้ระงับคำพูดของเขาจากสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ และเกิดโทษแก่ตัวเขาและต่อผู้อื่นด้วย
ประการที่สอง การอุตริ ก็คือสิ่งที่ทำให้มันใหม่ในศาสนาซึงไม่ได้มีในศาสนา เนื่องจากคำพูดของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮูอะลัยอิวะสัลลัม
: ( من أحدث في أمرنا هذا ما ليس منه فهو رد )
"ใครที่ได้ทำขึ้นมาใหม่ในศาสนาของเรา ซึงมันไม่ได้มาจากศาสนา ดังนั้นมันก็ถูกปฏิเสธ"
บันทึกโดย อัลบุคอรีย์
และใครที่ได้กระทำสิ่งที่ขัดแย้งเนื่องเขาไม่มีความรู้ การกระทำของเขาไม่ถือว่ามีความผิด และจะไม่ตัดสินเขาว่าเป็นผู้ที่อุตริ แต่สิ่งที่เขากระทำถือว่าการอุตริ
ประการที่สาม ใครที่ความผิดพลาดของเขาเกิดจากการวินิจฉัย หรือความผิดพลาดที่เกิดจากการตีความ เช่น อิบนู หะญัร อันนาวาวีย์ โดยที่ทั้งสองได้เกิดความผิดพลาดในการตีความบางคุณลักษณะ(ของอัลลอฮ) จะไม่มีการตัดสินคนทั้งสองว่าเป็นผู้ที่ทำการอุตริ(ในศาสนา) แต่จะกล่าวว่า ทั้งคนนั้นเกิดความผิดพลาด และว่าเขาทั้งสองจะได้รับการอภัย เนื่องจากสิ่งที่ทั้งสองท่านได้ทุ่มเทรับใช้ ซุนนะห์ของรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮูอะลัยอิวะสัลลัม และทั้งสองคือ นักวิชาการที่ทรงเกียรติ และถูกยอมรับในกลุ่มของนักวิชาการ ..
หนังสือ อัลมุนตากอฮ มิน หัตวา อัลเฟาซาน 2/211-212
ประการที่สี่ และท่านเชค มูฮัมหมัด นาซิรุดดีน อัลอัลบานีย์ ขออัลลอฮทรงเมตตาต่อท่าน ตัวอย่างอิหม่าม อันนาวาวีย์ และ อิบนู หะญัร อัลอัสกอลานีย์ และบุคคลอื่นในกาณีเหมือนพวกเขา ถือว่าเป็นการอธรรม การที่กล่าวถึงพวกเขา ว่าแท้จริงพวกเขา คือผู้ที่ทำบิดฮะอุตริในศาสนา ฉันยอมรับว่า ท่านทั้งสองนั้นมาจาก อาชาฮิเราะห์ แต่ท่านทั้งสองไม่ได้มีเจตนากระทำสิ่งที่ค้านกับอัซซุนนะห์ แต่ว่าพวกเขามีความคลุมเครือ และได้รับความรู้มาจากหลักความเชื่อของ อัลอาชาฮิเราะห์ ความคลุมเครือจึงเกิดขึ้นสองประการ
หนึ่ง : แท้จริงอิหม่ามอัลอัชอารีย์ กล่าวในเรื่องดังกล่าว (หลักความเชื่ออาชาอิเราะห์) ท่านได้กล่าวไว้ก่อนหน้าที่ท่านจะละทิ้งหลักความเชื่อ อาชาอิเราะห์
สอง : พวกเขาคิดว่า หลักความเชื่อนี้เป็นหลักความเชื่อที่ถูกต้อง ทั้งที่มันไม่ถูกต้อง จากเทปบรรยาย หมายเลข 666
ใครคือผู้ปฏิเสธ และใครคือผู้ที่อุตริ ขออัลลอฮฺได้โปรดเมตตาต่ออิหม่ามทั้งสอง (อันนาวาวีย์ และอิบนู หะญัร ) และขอพระองค์ได้โปรดอภัยในความผิดพลาดของท่านทั้งสอง
จากท่านอิบนู หะญัร และ อิหม่าม อันนาวาวีย์ ขออัลลอฮฺโปรดเมตาต่อท่านทั้งสอง
อิสลามคำถามและคำตอบ หมายเลขคำถาม 107645 เผยแผ่วันที่ 31/7/2008