การแสดงความยินดีด้วยกับการเข้าสู่เดือนรอมฏอน
ชัยค์ ศอลิห์ บิน เฟาซาน อัล-เฟาซาน หะฟิซอฮุลลอฮ์
อลิฟ เต่าพาลี แปลเรียบเรียง
คำถาม
ขณะที่เห็นจันทร์เสี้ยวของเดือนรอมฏอนเราได้ยินผู้คนมากมายต่างอวยพรซึ่งกันและกันด้วยกับการมาของเดือนรอมฏอนด้วยคำกล่าวว่า "มับรูก อะลัยก้า ชะฮฺรุ รอมฏอน" สิ่งดังกล่าวนี้มีรากฐานจากบทบัญญัติหรือไม่?
คำตอบ
การแสดงความยินดีด้วยกับการเข้าสู่เดือนรอมฏอนนั้นไม่เป็นไร(อนุญาต) เพราะว่าท่านนบีมุฮัมมัด ศอลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ได้แจ้งข่าวดีแก่บรรดาศอฮาบะฮฺของท่านด้วยกับการมาของเดือนรอมฏอน และได้ส่งเสริมให้มีความพากเพียรในมันด้วยกับการปฏิบัติการงานที่ดีงาม
ดังที่อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสไว้ว่า
قُلْ بِفَضْلِ اللّهِ وَبِرَحْمَتِهِ فَبِذَلِكَ فَلْيَفْرَحُواْ هُوَ خَيْرٌ مِّمَّا يَجْمَعُونَ
"จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) ด้วยความโปรดปรานของอัลลอฮฺ และด้วยความเมตตาของพระองค์
ดังกล่าวนั้น พวกเจ้าจงดีใจเถิด ซึ่งมันดียิ่งกว่าสิ่งที่พวกเขาสะสมไว้ "
(ยูนุส : 58)
ดังนั้นการแสดงความยินดีอวยพรกันด้วยกับเดือนนี้ และการดีใจด้วยกับการมาของมัน ทั้งสองนี้บ่งถึงบนความปราถนาในความดีงาม และบรรดาชาวสะลัฟนั้นก็ต่างแจ้งข่าวดีซึ่งกันและกันด้วยกับการมาของเดือนรอมฏอน และเป็นการปฏิบัติตามท่านนบีมุฮัมมัด ศอลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ดังสิ่งดังกล่าวที่อยู่ในหะดีษบทยาว ของท่าน ซัลมาน (อัล-ฟาริซีย์ ) ท่านนบีย์ ศอลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัมได้กล่าวไว้ว่า
โอ้ประชาชนทั้งหลาย..!!! เดือนที่มีความจำเริญอันยิ่งใหญ่ได้มาปกคลุมพวกท่านแล้ว
♦ เดือนที่ในมันมีค่ำคืนหนึ่งที่ดียิ่งกว่าหนึ่งพันเดือน
♦ เดือนที่อัลลอฮ์ ทรงทำให้การถือศีลอดของมันเป็นหน้าที่จำเป็น(ฟัรฏู)และการดำลงละหมาดในยามค่ำคืนของมันเป็นความสมัครใจ(สุนนะฮฺ)
♦ ผู้ใดก็ตามที่เขาได้ปฏิบัติเพื่อเพื่อความใกล้ชิด(ต่ออัลลอฮฺ)เพียงหนึ่งประการจากความดีต่างๆในเดือนนี้ (ที่เป็นสุนนะฮฺ) เท่ากับเขาทำสิ่งทีเป็นฟัรดูในเดือนอื่นๆ
♦ และผู้ใดได้ปฏิบัติสิ่งที่เป็นฟัรฏูในเดือนนี้ เขาได้ผลบุญเท่ากับทำสิ่งที่เป็นฟัรฏูถึงเจ็ดสิบครั้งในเดือนอื่นๆ
♦ และมันคือเดือนแห่งการอดทนและความอดทนผลตอบแทนของมันคือสวนสวรรค์
♦ และคือเดือนแห่งความเสมอภาค
♦ และคือเดือนที่ริสกีย์ของผู้ศรัทธาได้ถูกเพิ่มพูนในมัน
ผู้ใดที่ให้อาหารละศีลอดแก่ผู้ถือศีลอดในมัน เขาจะได้รับการอภัยโทษสำหรับความผิดบาปของเขา และการปลดเปลื้องพันธนาการจากนรก และเขาจะได้รับผลบุญตอบแทนโดยไม่ถูกลดทอนจากผลบุญของผู้ถือศีลอดแม้เพียงสิ่งเดียว
พวกเขา กล่าวว่า โอ้ รอซูลุลลอฮฺ พวกเราทุกคนไม่สามารถให้อาหารแก่ผู้ถือศีลอดได้
ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศอลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม จึงกล่าวว่า
♣ อัลลอฮฺ จะประทานผลบุญนี้ให้แก่ผู้ที่ให้อาหารละศีลอดแก่ผู้ถือศีลอด แม้แค่เพียงนมที่ผสมน้ำ หรือ อินทผลัมเพียงหนึ่งผล หรือน้ำเพียงหนึ่งอึก
♣ และผู้ใดที่ดับกระหายของผู้ถือศีลอด อัลลอฮฺ ผู้ทรงยิ่งใหญ่และทรงสูงส่ง จะทรงดับกระหายให้กับเขาด้วยหนึ่งน้ำดื่มของบ่อน้ำ(ในวันกิยามะฮฺ)ซึ่งเขาจะไม่รู้สึกกระหายน้ำอีกเลยจนกระทั่งเขาได้เข้าสู่สวรรค์
♣ ผู้ใดได้ทำให้เบา(ผ่อนปรน,ใช้งานน้อยลง)แก่ผู้ที่อยู่ใต้ปกครอง(ทาสหรือลูกน้องหรือคนงาน)ของเขาในเดือนนี้ อัลลอฮ์ จะทรงให้อภัยโทษและปลดปล่อยเขาจากนรก
♣ และคือเดือนที่ช่วงแรกของมันคือความเมตตา และช่วงกลางของมันคือการอภัยโทษ และช่วงท้ายของมันคือการปลดปล่อยจากนรก
ดังนั้นท่านทั้งหลายจงทำสี่ประการนี้ให้มากๆ
สองประการแรก พวกท่านจะทำให้พระผู้อภิบาลของพวกท่านพึงพอใจด้วยกับมันทั้งสอง
และอีกสองประการ ไม่เป็นการเพียงพอต่อพวกท่านในการละทิ้งมันไป
ส่วนสองประการที่พวกท่านจะทำให้พระผู้อภิบาลของพวกท่านพึงพอใจด้วยกับมันทั้งสอง
คือ การกล่าวชะฮาดะฮฺ(ปฏิญานตน)ว่า ไม่มีเจ้าอื่นใดที่ถูกกราบไหว้อย่างแท้จริง นอกจากอัลลอฮฺและพวกเขาได้ขออภัยโทษต่อพระองค์
ส่วนอีกสองประการซึ่งไม่พอเพียงแก่พวกท่านในการละทิ้งมัน คือการที่พวกท่านทั้งหลายวอนขอ(ให้ได้เข้า)สวรรค์และขอความคุ้มครองต่อพระองค์ให้พ้นจากนรก