รูปแบบสำนวนในการตรวจสอบระหว่างนักเผยแผ่
โดย เชค อับดุล อาซีส บิน บาส รอฮิมาอุลลอฮ
แปลโดย อิสมาอีล กอเซ็ม
มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฮฺ ผู้อภิบาลแห่งสากลโลก ความสุขความศานติจงประสบแด่ท่านนบีของเรา มูฮัมหมัด นบีผู้ซื่อสัตย์ และตลอดจนเหล่าเครือญาติและศอหาบะของท่าน และผู้ที่เจริญตามแนวทางของท่านไปจนถึงวันกิยามะ
แท้จริงอัลลอฮฺ ผู้ทรงเกียรติผู้ทรงสูงส่ง พระองค์ ใช้ให้มีความยุติธรรม และให้ทำความดี และห้ามจากการอธรรม การละเมิด การเป็นศัตรู และแท้จริงอัลลอฮฺ ได้ส่งนบีของพระองค์ มูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮูอะลัยอิวะสัลลัม ให้มาทำภารกิจด้วยกันเหมือนที่พระองค์ได้ส่งบรรดารอซูลของพระองค์ทั้งหมด คือ การเรียกร้องมาสู่การให้เอกภาพต่ออัลลอฮฺ และให้ทำการเคารพภักดีพระองค์เพียงพระองค์เดียวด้วยความบริสุทธิ์ใจต่อพระองค์ และพระองค์ได้ใช้ให้ดำรงไว้ซึงความยุติธรรม และห้ามกระทำสิ่งที่ตรงกันข้าม จากการเคารพสิ่งอื่นนอกจากพระองค์ และห้ามการแตกแยก การเป็นศัตรูละเมิดสิทธิของปวงบ่าว(ของพระองค์)
ในปัจจุบันได้เกิดขึ้นอย่างมากมาย สำหรับผู้ที่อยู่ในเรื่องของความรู้และการเรียกร้องมาสู่ความดี โดยที่พวกเขาได้ละเมิดเกียรติของพี่น้องของพวกเขาที่เป็นนักเผยแผ่ที่เป็นที่รู้จัก โดยที่มีการกล่าวลบลู่เกียรติของนักศึกษา (ด้านศาสนา) และบรรดานักเผยแผ่ และผู้ที่ทำการบรรยายสารธรรมศาสนา โดยที่พวกเขาได้กล่าวถึงพี่น้องของพวกเขาในวงสนทนาโดยลับๆ หรือบางครั้งได้ทำการบันทึกเสียงทำการเผยแผ่ให้แก่ผู้คน โดยที่กระทำโดยเปิดเผยในการบรรยายในที่สาธารณะในมัสยิดต่างๆ การกระทำเช่นนั้น ถือว่าเป็นการกระทำที่ค้านต่อสิ่งที่อัลลอฮฺ ได้มีคำสั่งใช้แก่รอซูลของพระองค์ ในหลายด้านด้วยกันคือ
ประการแรก
การกระทำเช่นนั้นถือว่าเป็นละเมิดสิทธิของบรรดามุสลิม โดยเฉพาะผู้ที่เป็นนักศึกษาและผู้ที่ทำหน้าที่เผยแผ่ศาสนา โดยที่พวกเขาได้ทุ่มเทความพยายามของพวกเขาในการชี้แนะผู้คน และมีแก้ไขหลักความเชื่อและแนวทางให้ถูกต้อง และทุ่มเทในการเตรียมบทเรียนการบรรยาย และแต่งหนังสือที่มีประโยชน์
ประการที่สอง
การกระทำเช่นนั้นเป็นการสร้างทำลายความเป็นเอกภาพของบรรดามุสลิม และจำเป็นแก่พวกเขาในการสร้างความเป็นเอกภาพ และห่างไกลจากความแตกแยก และการกล่าวหากันอย่างมากมาย โดยเฉพาะบรรดานักเผยแผ่ที่ถูกตำหนิจากพวกเขาที่เป็นอะลุซซุนนะห์ วัลญามาฮะ ที่เป็นที่รู้จักกัน ว่าพวกเขาคือผู้ที่ต่อต้านสิ่งเป็นการอุตริในศาสนา และต่อต้านสิ่งงมงาย การเผชิญหน้ากับบรรดานักเผยแผ่ศาสนา และการมาตำหนิ เราเห็นว่ามันไม่ได้เป็นเรื่องที่ไม่เกิดความดี สำหรับการกระทำเช่นนี้ เว้นแต่ความดีนี้จะได้ประโยชน์กับศัตรูอิสลาม ผู้ที่คอยจ้องจะทำลาย(อิสลาม) จากบรรดาผู้ปฏิเสธ บรรดาผู้กลับกลอก จากกลุ่มที่ทำบิดฮะและกลุ่มที่หลงผิด
ประการที่สาม
แท้จริงการงานแบบนี้ เป็นการช่วยเหลือร่วมมือแก่ผู้ที่เกลียดชังจากบรรดาพวกที่แยกศาสนาออกจากการดำเนินชีวิต และอื่นๆ จากบรรดาผู้ที่ปฏิเสธการมีอยู่ของอัลลอฮฺ ซึ่งเป็นที่รู้อยู่แล้วว่าบุคคลเหล่านี้ ชอบที่จะลบหลู่เกียรติของบรรดาผู้ที่ทำหน้าที่เผยแผ่ศาสนา โดยการโกหกใส่ร้ายพวกเขา และรณรงค์ให้มีการต่อต้านผู้ที่ทำการเผยแผ่ศาสนา โดยวิธีการเขียนใส่ร้าย หรือบันทึกเสียง และไม่ถือว่าเป็นพี่น้องกันในอิสลาม การไปช่วยเหลือแก่บรรดาผู้ทำการต่อต้านและเป็นศัตรูแก่พี่น้องของเขา ที่เป็นนักศึกษาและบรรดาผู้เผยแผ่ศาสนา และอื่นๆจากพวกเขา
ประการที่สี่
ในการกระทำดังกล่าวมันจะทำให้จิตใจของคนทั่วไปและคนกลุ่มเฉพาะได้รับความเสียหาย และจะเป็นสาเหตุให้มีการนินทาว่าร้ายกันมากขึ้น และเปิดประตูแห่งความชั่ว ในการต่อต้าน เพื่อทำให้จิตใจอ่อนแอ และพวกเขายังใช้วิธีการนี้ในการแพร่ข้อคลุมเครือ และก่อให้เกิดความวุ่นวาย และยังส่งเสริมให้มีการสร้างความเดือดร้อนแก่บรรดาผู้ศรัทธา โดยที่พวกเขาไม่ต้องกระทำเอง
ประการที่ห้า
แท้จริงคำพูดมากมายที่กล่าวอ้าง โดยปราศจากความจริง ซึงเกิดจากการคาดเดาที่ชัยตอนได้ยุยงให้มองสิ่งนั้นเป็นสิ่งสวยงามแก่เจ้าของคำพูด และได้หลอกหลวงพวกเขาด้วยกับคำพูดนั้น อัลลอฮฺ ตาอาลา ได้ตรัสไว้ว่า
يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا اجْتَنِبُوا كَثِيرًا مِنَ الظَّنِّ إِنَّ بَعْضَ الظَّنِّ إِثْمٌ وَلا تَجَسَّسُوا وَلا يَغْتَبْ بَعْضُكُمْ بَعْضًا
" โอ้ศรัทธาชนทั้งหลาย! พวกเจ้าจงปลีกตัวให้พ้นจากส่วนใหญ่ของการสงสัย แท้จริงการสงสัยบางอย่างนั้นเป็นบาป
และพวกเจ้าอย่าสอดแนม และบางคนในหมู่พวกเจ้าอย่านินทาซึ่งกันและกัน
ดังนั้นผู้ศรัทธาผู้ศรัทธาต้องยึดคำพูดของพี่น้องของเขาที่พูดออกมาให้เป็นเรื่องดีไว้ก่อน "
สลัฟบางท่านได้กล่าวว่า
ท่านอย่าได้คิดว่าไม่ดีกับคำพูดที่ออกมาจากพี่น้องของท่าน แต่ให้ท่านคิดให้ดีไว้ก่อนในคำพูด(จากพี่น้องของท่าน)
ประการที่หก
สิ่งที่เกิดจากการวินิจฉัยปัญหาศาสนา จากนักวิชาการบางท่าน และบรรดานักศึกษา ในสิ่งที่สามารถวินิจฉัยได้ แต่ว่าผู้ที่วินิจฉัยจะไม่ถูกตำหนิหากเขาอยู่ในระดับที่มีความรู้สามารถวินิจฉัยได้ ดังนั้นเมื่อบุคคลอื่นเห็นต่างกับเขาในเรื่องที่เขาได้วินิจฉัย ก็สมควรที่จะแย้งด้วยวิธีการที่ดี โดยให้การเอาใจใส่ที่จะให้เกิดสิ่งที่ถูกต้องด้วยวิธีการที่ดีที่สุด เพื่อปกป้องการกระซิบกระซาบของชัยตอน และสร้างความแตกแยกระหว่างผู้ศรัทธา
หากมีคนหนึ่งเห็นว่าจำเป็นจะต้องมีการชี้แจงผู้ที่ขัดแย้ง ให้ใช้สำนวนถ้อยคำที่ดี และชี้แนะด้วยความอ่อนโยน ไม่มีการเสียดสีโจมตี หรือกล่าวให้เสียหายเชิงตำหนิ หรือใช้คำพูดที่หยาบคายรุนแรง เพราะบางครั้งการกระทำเช่นนั้นจะเป็นสาเหตุให้เขาไม่ยอมรับสัจธรรม และหันหลังให้สัจธรรม โดยที่จะต้องไม่ไปลบหลู่เกียรติของบุคคล และต้องไม่ไปกล่าวหาเจตนา หรือพูดเกินความเป็นจริง โดยที่ ท่านรอซูลุลลอฮ ศ็อลลัลลอฮูอะลัยอิวะสัลลัม กล่าวว่า
"อะไรคือสภาพของคนกลุ่มหนึ่ง พวกเขาพูด อย่างนี้ อย่างนั้น"
ผู้ที่ได้ตักเตือนแก่บรรดาพี่น้องซึ่งพวกเขาได้ไปละเมิดเกียรติของบรรดาผู้ที่เป็นเผยแผ่ศาสนา ให้พวกเขาสำนึกผิดกลับตัวยังอัลลอฮฺ ตาอาลา จะด้วยกับข้อเขียนต่างๆ หรือคำพูดต่างๆของพวกเขา และจากการกระทำ เป็นสาเหตุที่มาสร้างความเสียหายแก่จิตใจของบรรดาคนหนุ่ม ทำให้พวกเขามีความเกลียดชังและอิจฉาริษยา (แก่บรรดานักเผยแผ่) และหันหลังให้จากการแสวงหาวิชาความรู้ ที่มีประโยชน์ และหันหลังการเชิญชวนผู้คนมายังอัลลอฮฺ หมกมุ่นเรื่องคนนั้นกล่าวอย่างนั้นอย่างนี้ กล่าวถึงคนนั้นคนนี้ และพยายามค้นหาในสิ่งที่คิดว่าเป็นความผิดพลาดของบุคคลอื่น ถือว่ามันเป็นการกระทำที่เหนื่อย(ตัวเขาเอง)
เช่นเดียวกันฉันขอตักเตือน การที่ไปตัดสินพวกเขาว่าเป็นผู้ปฏิเสธ ในสิ่งที่พวกเขาได้กระทำด้วยการเขียน หรืออื่นจากนั้น จากสิ่งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องเหมือนกับการกระทำนี้ และให้พวกเขาขจัดความนึกคิด จากผู้ที่เขาได้ยินจากคำพูด และให้ตอบรับต่อการงานต่างๆที่มีประโยชน์ ซึงมันเป็นการใกล้ชิดต่ออัลลอฮฺ และเกิดประโยชน์ต่อปวงบ่าว และให้ระวังในการรีบร้อนในการตัดสินบุคคลอื่นว่าเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธา และตัดสินว่าเขาเป็นคนทำชั่ว หรือตัดสินว่าเขาทำสิ่งที่อุตริในศาสนา และอื่นอีก โดยการตัดสินนั้นไม่มีความชัดเจนในเรื่องหลักฐาน โดยที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮูอะลัยอิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า
"ใครได้กล่าวแก่พี่น้องของเขาว่า โอ้ผู้ปฏิเสธ โดยที่สิ่งนั้นจะกลับมาหาคนใดคนหนึ่งจากทั้งสอง"
(บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ และ มุสลิม )
ในการเริ่มต้นสำหรับนักศึกษาและนักเผยแผ่สิ่งที่เป็นสัจธรรม เมื่อมีประเด็นข้อกังขาอะไรเกิดขึ้นแก่พวกเขา ในเรื่องใดที่เป็นคำพูดของบรรดานักวิชาการ หรืออื่นๆ ให้ไปหาบรรดาผู้ที่มีความรู้ที่เป็นที่ยอมรับ ให้ไปถามพวกเขา เพื่อที่บรรดาผู้รู้จะได้ชี้แจงสิ่งที่ถูกต้อง และเพื่อบรรดาผู้รู้จะได้ขจัดความสงสัยข้อคลุมเครืองต่างๆ ที่เกิดในจิตใจ เป็นการปฏิบัติตามคำดำรัสของอัลลอฮฺ ตาอาลา ในซูเราะห์ อันนิซาฮฺ
وَإِذَا جَاءَهُمْ أَمْرٌ مِّنَ الْأَمْنِ أَوِ الْخَوْفِ أَذَاعُوا بِهِ ۖ وَلَوْ رَدُّوهُ إِلَى الرَّسُولِ وَإِلَىٰ أُولِي الْأَمْرِ مِنْهُمْ لَعَلِمَهُ الَّذِينَ يَسْتَنبِطُونَهُ مِنْهُمْ ۗ وَلَوْلَا فَضْلُ اللَّهِ عَلَيْكُمْ وَرَحْمَتُهُ لَاتَّبَعْتُمُ الشَّيْطَانَ إِلَّا قَلِيلًا (83)
"และเมื่อมีเรื่องหนึ่งเรื่องใดมายังพวกเขาจะเป็นความปลอดภัยก็ดีหรือความกลัวก็ดี พวกเขาก็จะแพร่มันออกไป
และหากว่าพวกเขาให้มันกลับไปยังร่อซูล และยังผู้ปกครองการงานในหมู่พวกเขาแล้ว
แน่นอนบรรดาผู้ที่วินิจฉัยมันในหมู่พวกเขาก็ย่อมรู้มันได้ และหากมิใช่ความเมตตาของอัลลอฮฺที่มีต่อพวกเจ้าแล้ว
แน่นอน พวกเจ้าก็คงปฏิบัติตามชัยฎอนไปแล้ว นอกจากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น"
อัลลอฮฺ คือผู้ที่รับผิดชอบในการที่จะปรับปรุงแก้ไขสภาพของบรรดามุสลิมทั้งหมด และพระองค์รับผิดชอบในการสมานหัวใจและการงานของพวกเขาให้ตั้งอยู่บนความยำเกรง และพระองค์จะประทานความสำเร็จแก่นักวิชาการทั้งหมดของบรรดามุสลิม และบรรดานักเผยแผ่สัจธรรมทั้งหมด ให้ได้รับทุกๆสิ่งที่อัลลอฮพอพระทัย และให้สิ่งนั้นเกิดประโยชน์แก่ปวงบ่าวของพระองค์ และให้สมานคำพูดของพวกเขาให้อยู่บนทางนำที่ถูกต้อง และให้ปกป้องพวกเขาจากสาเหตุต่างๆที่ทำให้แตกแยก และให้ช่วยเหลือด้วยกับสัจธรรมที่ถูกต้อง และทำให้ความเท็จได้ตกต่ำ
แท้จริงอัลลอฮฺ คือผู้ช่วยเหลือในเรื่องดังกล่าว และพระองค์คือผู้ที่มีความสามารถเหนือเขา ความศานติสุขจงประสบแด่ท่านนบีของเรา มูฮัมหมัด และตลอดจนเหล่าเครือญาติและศอหาบะห์ของท่าน และผู้ดำเนินตามแนวทางของท่านนบี ไปจนถึงวันกิยามะห์