เหตุการณ์จริงที่เป็นคติสอนใจ
  จำนวนคนเข้าชม  3475


เหตุการณ์จริงที่เป็นคติสอนใจ


อาบีดีณ โยธาสมุทร สรุปและเรียบเรียง
 

เหตุการณ์จากชีวประวัติของท่านนบี ศอลลัลลอฮุอลัยฮิวซัลลัม ที่มุสลิมต้องทราบ

 

          1. คำสั่งแรกที่อัลลอฮฺ  ทรงสั่งให้ท่านนบี ศ้อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัม มาแจ้งแก่ผู้คนคือ การแจ้งให้ยอมรับว่า เรื่องอิบาดะฮฺ (การสักการะ,เทิดทูน,วิงวอน...) เป็นสิทธิของอัลลอฮฺ  แต่เพียงผู้เดียว คนอื่นหรือสิ่งอื่นนอกเหนือจากพระองค์ไม่มีใครมีสิทธิ์ในเรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียว ดังนั้น อย่าไปสักการะ,วิงวอนหรือภักดีต่อคนอื่นหรือสิ่งอื่นใดที่ไม่ใช่อัลลอฮฺ  เป็นอันขาด

          เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ท่านนบี  ถูกสั่งให้มาบอกกล่าวแก่ผู้คน ทั้งๆที่ สังคมยุคนั้น ก็มีเรื่องเสื่อมๆ อีกตั้งหลายเรื่องที่พวกเขาทำกันอยู่ บางเรื่องก็เสื่อมจนไม่อยากจะพูดถึง แต่การที่อัลลอฮฺสั่งให้ท่านนบี ศ้อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัม เตือนคนในเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก แปลว่า สำหรับอัลลอฮฺ ตะอาลา ผู้ทรงสร้างทุกสรรพสิ่งขึ้นมาอย่างปราณีตและลงตัวแล้ว การประพฤติผิดในเรื่องอิบาดะฮ์เป็นความเสื่อมที่ยิ่งกว่าความเสื่อมใดๆที่มีขึ้นทั้งหมดทั้งปวงเสียอีก และยังเป็นการบอกให้ทราบอีกว่า เรื่องๆนี้ คือเรื่องที่เป็น ฐานรากของศาสนา


 

          2. เหตุการณ์ตอนที่ท่านเริ่มทำการเผยแพร่ ช่วงที่ท่านเริ่มเผยแพร่ใหม่ๆ ท่านเตือนให้ผู้คนรู้ถึง ชิริก โดยภาพรวมและอธิบายให้ทราบว่ามันเป็นเรื่องที่อธรรม และพวกเขาก็เห็นด้วยไม่มีปัญหาและไม่ได้รู้สึกเอะใจเลยว่า จริงๆแล้วสิ่งที่พวกตนทำกันอยู่นั้นเข้าข่ายพฤติกรรมที่ท่านร่อซู้ล ศ้อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัม บอกเอาไว้ว่ามันคือ ความอธรรม

          แต่เมื่อท่านได้เริ่มเอาข้อเท็จจริงเหล่านี้ เข้ามาจับกับชีวิตจริงของพวกเขา และเริ่มบอกว่า การไปเชื่อถือต่อ ล้าต (รูปปปั้น)เป็นชิริก การไปวอนขอต่ออุ้ซซา (รูปปั้น)โดยเชื่อว่ามันคือสื่อกลางระหว่างพวกเขากับพระเจ้านั้น มันคือ ชิริก เริ่มบอกว่าสิ่งที่พวกเขากำลังทำกันอยู่มันคือ พฤติกรรมที่ไร้ความชอบธรรมที่สุด  กระแสต่อต้านจึงเริ่มขึ้นทันที ความบาดหมาง, การก่อกวนและการใช้ความรุนแรงจึงเริ่มต้นขึ้น

          เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อิสลามของพวกเราแต่ละคนจะยังไม่ใช่อิสลามสายตรง(ถึงแม้เขาจะมีเตาฮีด และไม่เคยไปยุ่งกับชิริก) จนกว่าแต่ละคนจะรู้สึกโกรธกริ้วและเป็นปฏิปักษ์ต่อพวกที่ทำชิริกเสียก่อน และยังสอนให้รู้ว่า การทำแต่เพียงการนั่งสอนว่า ชิริก มันไม่ดี บิดอะฮฺมันผิด แต่ไม่ยอมชี้แจงให้ผู้เรียนได้ตระหนักกับสภาพความเป็นจริง และความผิดเพี้ยนต่างๆ ที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่นั้น สิ่งนี้ไม่ใช่วิถีที่ท่านนบี ศ้อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัม ได้ดำเนินไว้



          3. เหตุการณ์ อั้ลฆ่อรอนี้ก (เหตุการณ์ นี้ นักวิชาการหลายท่าน แจ้งไว้ว่ามันไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ด้วยกับหลายเหตุผลด้วยกัน) เรื่องราวโดยสรุปคือ ครั้งนึงท่านนบี ศ้อลลัลลอฮุอลัยฮิวซั้ลลัม อ่านซูเราะฮฺ อั้นนั้จม์ ให้พวกมุชริกีนฟัง พออ่านถึงอายะฮฺที่พูดถึง พวกเจว็ดที่พวกมุริกีนให้การเคารพ ปรากฏว่า มีไชยตอนเข้ามาอ่านแทรกและใส่ข้อความที่เป็นการรับรองว่า การวอนขอจากเจว็ดโดยคิดว่ามันเป็นเพียงสื่อกลางเฉยๆ ไม่ได้เชื่อว่ามันคือ พระเจ้าคู่กับอัลลอฮ์ เป็นเรื่องที่ทำได้ พอพวกมุชริกีนได้ยินก็ดีใจ และเห็นดีเห็นงานกับสิ่งที่ได้ฟัง จนถึงขั้นยอมร่วมก้มลงสุญูด ต่ออัลลอฮฺ  ด้วย เมื่อท่านร่อซู้ล ศ้อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัม อ่านจนจบซูเราะฮฺซึ่งมีอายะฮฺให้สุญูดสะญะดะฮ์อยู่


          เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ประเด็นผิดเพี้ยนของพวกมุชริกมักกะฮ์คือ เรื่องเกี่ยวกับอิบาดะฮฺ ที่พวกเขามองว่ามันเป็นเรื่องที่สิ่งอื่นๆ ที่ไม่ใช่อัลลอฮฺ  ก็มีสิทธิ์ได้รับเหมือนกันไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร  ตราบใดที่พวกเขาเชื่อว่าพระเจ้ามีแค่องค์เดียว ผู้สร้างมีเพียงอัลลอฮฺ  เท่านั้น การมอบอิบาดะฮฺให้แก่ผู้อื่นที่ไม่ใช่อัลลอฮฺ  ที่พวกเขากระทำกันก็ไม่ใช่อะไรที่น่าจะต้องมาตำหนิกัน นี่คือสิ่งที่ผิดที่พวกเขาคิดกัน

          แต่อัลลอฮฺ  เรียกสิ่งเหล่านี้ที่พวกเขาทำกันว่า มันคือ ชิริก.!! ซึ่งชิริกเหมือนที่แจ้งไว้แล้วว่า มันคือ สิ่งที่ไร้ความชอบธรรมสุดๆ และก็น่าใจหายที่ยังมีมุสลิมอีกหลายคนที่ยังไม่ค่อยเข้าใจ และหรือไม่ค่อยจะพยายามเข้าใจในเรื่องนี้

 


          4. เรื่องเกี่ยวกับอบีตอลิบ ลุงของนบี ศ้อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัม เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คนเราถึงแม้จะพยายามออกมาปกป้องและเชิดชูอิสลามขนาดไหน ถึงแม้จะบอกว่าชอบอิสลาม รักมุสลิมมากเท่าไหร่ ถ้าไม่ยอมมาจำนนต่อศาสนาของอัลลอฮฺ  ไม่ยอมมาประกาศตนเข้าเป็นมุสลิม ความรัก ความเสียสละและความทุ่มเทที่ทำไป ก็ไม่ได้ช่วยให้เขาคนนั้น หลุดพ้นออกมาจากนรกได้แต่อย่างใด




          5. เหตุการณ์ที่เกี่ยวกับมุสลิมมักกะฮ์ ที่ไม่ยอมอพยพออกมาเพราะห่วงดุนยา จนสุดท้ายต้องถูกบังคับให้ออกมาร่วมทัพกับพวกมุชริกอย่างจนใจ จนในที่สุดก็มาถูกฆ่าตายในสงครามบั้ดร คนกลุ่มนี้แม้จะไม่ตกศาสนาแต่ก็ถูกคาดโทษไว้หนักในซูเราะฮฺ อันนิซ้าอฺ / 97

อัลลอฮ์  ตรัสความว่า

"แท้จริงบรรดาผู้ที่มลาอิกะฮ์ได้เอาชีวิตของพวกเขาไป โดยที่พวกเขาเป็นผู้ที่อธรรมแก่ตัวของพวกเขาเองนั้น 
มลาอิกะฮ์ ได้กล่าวว่า พวกเจ้าปรากฎอยู่ในสิ่งใด 
พวกเขากล่าวว่า พวกเราเป็นพวกที่ถูกนับว่าอ่อนแอในแผ่นดิน
มลาอิกะฮ์ กล่าวว่า แผ่นดินของอัลลอฮ์ มิได้กว้างขวางดอกหรือ ที่พวกเจ้าจะอพยพไปอยู่ในส่วนนนั้น
ชนเหล่านี้แหละ ที่อยู่ของพวกเขาคือ นรกญะฮันนัม และเป็นที่กลับไปอันชั่วร้าย"

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า แค่มีเตาฮีดอย่างเดียวยังไม่พอ ต้องทำด้วย ต้องทำตัวให้ตรงกับเตาฮีดที่มีด้วย



          6. เหตุการณ์ที่ ริดดะฮฺ หลังจากท่านนบี ศ้อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัม เสียชีวิต คนหลายคนหลุดออกจากศาสนา บางคนเลิกจ่ายซะกาต บางคนอ้างตนเป็นนบี และบางคนเชื่อเช่นนั้น แต่ส่วนใหญ่ก็ยังมีกะลิมะฮฺอยู่ ยังละหมาดกันอยู่ คนพวกนี้ถูกบรรดาศ่อฮาบะฮฺฮุก่มว่าตกศาสนา หลุดจากการเป็นมุสลิมและถูกตราหน้าว่าเป็นศัตรูที่ต้องเร่งปราบปราม


          เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คนเราแค่มีกะลิมะฮฺ อย่างเดียวไม่ได้แปลว่า เขาจะไม่มีทางหลุดออกจากศาสนา เพราะถึงแม้จะมี กะลิมะฮฺ แต่ถ้ามีความเชื่อ หรือการกระทำ หรือมีคำพูดที่สวนทางกับกะลิมะฮฺ ชะฮาดะฮฺ ที่ปฏิญานออกมา คนๆนั้นก็ถูก ฮุก่มให้หลุดออกจากศาสนาได้เหมือนกัน

โปรดรับรู้และระวังไว้ด้วยว่า การมีกะลิมะฮฺไม่ได้ช่วยอะไร ถ้าเจ้าตัวยังปฏิบัติสิ่งที่ขัดแย้ง และยังสวนทางกับบทบัญญัติศาสนาอยู่ ! !

 




ดู ستة مواضع من السير ة / เชค มุฮัมหมัด บิน อับดิลวะฮ้าบ ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ