วันแห่งการชี้ขาดเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดไว้แน่นอน
อธิบายโดย : ไชยคฺอับดุรเราะหฺมาน นาศิร อัสสะอฺดียฺสอูดีอารเบีย
ถอดความ : ม.ดอนฉิมพลี
بِسْمِ اللهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ
"عَمَّ يَتَسَاءَ لُوْنَ * عَنِ النَّبَإِ اْلعَظِيْمِ * الَّذِي هُمْ فِيْهِ يَخْتَلِفُوْنَ * كَلاَّسَيَعْلَمُوْنَ * ثُمَّ كَلاَّ سَيَعْلَمُوْنَ * أَلَمْ نَجْعَلِ الأَرْضَ مِهَادًا * وَالْجِبَالَ أَوْتَادًا * وَخَلَقْنَاكُمْ أَزْوَاجًا * وَجَعَلْنَانَوْمَكُمْ سُبَاتًا * وَجَعَلْنَا الَّيْلَ لِبَاسًا * وَجَعَلْنَا النَّهَارَمَعَاشًا * وَبَنَيْنَافَوْقَكُمْ سَبْعًاشِدَادًا *وَجَعَلْنَا سِرَاجًاوَّهَّاجًا * وَأَنْزَلْنَامِنَ الْمُعْصِرَاتِ مَاءً ثَجَّاجًا * لِنُخْرِجَ بِهِ حَبًّا وَنَبَاتًا * وَجَنَّاتٍ أَلْفَافًا * إِنَّ يَوْمَ الْفَصْلِ كَانَ مِيْقَاتًا * يَوْمَ يَنَفُخُ فِي الصُّوْرِ فَتَأْتُوْنَ أَفْوَاجًا * وَفُتِحَتِ السَّمَاءُ فَكَاَنَتْ أَبْوَابًا * وَسُيِّرَتِ الْجِبَالُ فَكَانَتْ سَرَابًا * إِنَّ جَهَنَّمَ كَانَتْ مِرْصَادًا * لِلطَّاغِيْنَ مَآبا * لاَبِثِيْنَ فِيْهَا أَحْقَابًا * لاَيَذُوْقُوْنَ فِيْهَابَرْدًا وَلاَشَرَابًا * إِلاَّحمَِيْمًاوَغَسَّاقا * جَزَاءً وِّفَاقًا * إِنَّهُمْ كَانُواْلاَيَرْجُوْنَ حِسَابًا * وَكَذَّبُواْ بِآيَاتِنَاكِذَّابًا * وَكُلُّ شَيْءٍ أَحْصَيْنَاكِتَابًا * فَذُوْقُواْ فَلَنْ نَزِيْدَكُمْ إِلاَّعَذَابًا * إِنَّ لِلْمُتَّقِيْنَ مَفَازًا * حَدَائِقَ وَأَعْنَابًا * وَكَوَاعِبَ أَتْرَابًا * وَكَأْسًادِهَاقًا * لاَيَسْمَعُوْنَ فِيْهَا لَغْوًا وَلاَكِذَّابًا * جَزَاءًمِنْ رَّبِّكَ عَطَاءًحِسَابا * رَبِّ السَّمَاوَاتِ وَالأَرْضِ وَمَابَيْنَهُمَا الرَّحْمَنِ لاَيَمْلِكُوْنَ مِنْهُ خِطَابًا * يَوْمَ يَقُوْمُ الرُّوْحُ وَالْمَلاَئِكَةُ صَفَّا لاَيَتَكَلَّمُوْنَ إِلاَّمَنْ أَذِنَ لَهُ الرَّحْمَنُ وَقَالَ صَوَابًا * ذَلِكَ الَيَوْمُ الْحَقُّ فَمَنَ شَاءَ اتَّخَذَ إِلَى رَبِّه مَآبًا * إِنَّا أَنْذَرْنَاكُمْ عَذَابًا قَرِيْبًا يَوْمَ يَنْظُرُالْمَرْءُ مَا قَدَّمَتْ يَدَاهُ وَيُقُوْلُ الْكَافِرُ يَالَيْتَنِي كُنْتُ تُرَابًا" .
คำแปล ซูเราะฮฺอัมมฺ 1- 40
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเอ็นดูเมตตาเสมอ
“พวกเขาถามถึงสิ่งใดกัน พวกเขาถามถึงข่าวคราวที่ยิ่งใหญ่ ที่พวกเขามีความขัดแย้งกันภายในนั้น หามิได้ พวกเขาจะได้รู้ แล้วหามิได้ พวกเขาจะได้รู้
♦ เรามิได้ทำให้แผ่นดิน เป็นที่ราบเรียบ และภูเขาต่างๆ เป็นที่เกาะยึดหรือ?
♦ เราได้สร้างพวกเจ้ามาเป็นคู่ เราได้ทำให้การนอนของพวกเจ้า เป็นการพักผ่อน
♦ เราได้ทำให้เวลากลางคืน เป็นที่ปกคลุม เราได้ทำให้เวลากลางวัน เป็นที่ทำมาหาเลี้ยงชีพ
♦ เราได้สร้างฟ้าขึ้น เป็นเจ็ดชั้นที่แข็งแรง ขึ้นมาเหนือพวกเจ้า
♦ เราได้ให้มีดวงประทีป ที่มีแสงจ้า
♦ เราได้ประทานน้ำฝนมากมาย ลงมาจากเมฆหมอกต่างๆ เพื่อที่จะให้เมล็ด และพืชต่างๆ ได้ออกมา ด้วยน้ำฝนนั้น และสวนต่างๆ ที่สลับซับซ้อน
แท้จริง วันแห่งการชี้ขาดนั้น เป็นสิ่งที่ถูกกำหนดไว้แน่นอน วันที่จะมีการเป่าสังข์ แล้วพวกเจ้าจะมากันเป็นหมู่คณะต่างๆ มากมาย ฟ้าจะจะถูกเปิด แล้วมันจะเป็นเหมือนประตู ภูเขาต่างๆ จะถูกเคลื่อนที่ แล้วมันจะเป็นเหมือนเปลวแดด
แท้จริง นรกนั้นเป็นที่จับจอง แก่พวกผู้ทะเยอทะยาน ที่พวกเขาจะกลับไปอยู่ พวกเขาจะอยู่ในนั้น เป็นเวลานาน พวกเขาจะไม่ได้ลิ้มความเย็น และเครื่องดื่มภายในนั้น นอกจากน้ำที่ร้อน และน้ำหนองชาวนรกเท่านั้น เป็นการตอบแทนที่สาสม
แท้จริง พวกเขามิได้หวังการสอบสวน และปฏิเสธต่อโองการต่างๆ ของเราโดยแท้ และทุกสิ่ง เราได้รวมไว้เป็นบันทึกหมด ดังนั้น พวกเจ้าจงลิ้มรส ในขณะที่เราจะไม่เพิ่มให้แก่พวกเจ้า นอกจากการลงโทษเท่านั้น
แท้จริง สำหรับบรรดาผู้ยำเกรงนั้น มีทางรอด สวนต่างๆ ผลองุ่น หญิงสาวอายุไล่เลี่ยกัน แก้วเต็มที่ไปด้วยน้ำทิพรส พวกเขาจะไม่ได้ยินในนั้นซึ่งคำพูดที่ไร้สาระ และเรื่องโกหก เป็นผลตอบแทนที่มีการกำหนดไว้ จากพระผู้เป็นเจ้าของพวกเจ้า
พระผู้เป็นเจ้าแห่งชั้นฟ้าต่างๆ พื้นแผ่นดิน และสิ่งที่อยู่ระหว่างมันทั้งสอง พวกเขาไม่มีสิทธ์จากพระองค์ที่จะพูดได้ วันที่ญิบรีล และบรรดามะลักท่านอื่นๆ จะยืนเป็นแถว พวกขาจะไม่พูด นอกจากผู้ที่พระผู้ทรงกรุณาปรานี (อัลลอฮฺ) ทรงอนุญาตแก่เขาเท่านั้น และพูดแต่เรื่องที่ถูกต้อง
วันนั้น เป็นวันแห่งความจริง ดังนั้น ผู้ใดประสงค์ เขาก็จะยืดในการกลับไปสู่พระผู้เป็นเจ้าของเขา แท้จริง เราเตือนพวกเจ้าซึ่งการลงโทษอันใกล้ วันที่แต่ละคนจะมองไปยังสิ่งที่สองมือของเขาได้กระทำไว้
และผู้ปฏิเสธจะกล่าวว่า โอ้ ความหวังของฉัน ฉันได้เป็นกลายเป็นฝุ่นดินไปเสียก็จะดี”
คำอธิบาย
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเอ็นดูเมตตาเสมอ
“ พวกเขาถามถึงสิ่งใดกัน ? ถามถึงข่าวคราวที่ยิ่งใหญ่ ที่พวกเขามีความขัดแย้งกันภายในนั้น หามิได้ พวกเขาจะรู้ แล้วหามิได้ พวกเขาจะรู้ ” คือ พวกผู้ปฏิเสธโองการต่างๆ ของอัลลอฮฺ ถามถึงสิ่งใดกัน ? หลังจากนั้น พระองค์ทรงแจกแจงถึงสิ่งที่พวกเขาถามถึงกัน
พระองค์ก็ทรงกล่าวว่า “ถามถึงข่าวคราวที่ยิ่งใหญ่ ที่พวกเขามีความขัดแย้งกันภายในนั้น” คือ ข่าวคราวที่ยิ่งใหญ่ ที่ความขัดแย้งของพวกเขามีมายาวนาน ความขัดแย้งของพวกเขาได้กระจายออกไป ในลักษณะที่มีการปฏิเสธ และถือเป็นสิ่งที่อยู่ห่างไกล และมันคือ ข่าวที่ไม่มีการสงสัย คลางแคลงใจ แต่ทว่า พวกผู้ปฏิเสธการได้ไปพบพระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา ไม่ศรัทธา ถึงแม้จะมีทุกโองการมาถึงพวกเขาก็ตาม จนกว่า พวกเขาจะได้เห็นการลงโทษที่เจ็บปวด
และด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงได้ตรัสว่า“ หามิได้ พวกเขาจะได้รู้แล้วหามิได้ พวกเขาจะได้รู้ ” คือ จะได้รู้เมื่อการลงโทษได้ลงมายังพวกเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาปฏิเสธ
ในขณะที่พวกเขาถูกจับโยนลงไปในไฟนรก และจะมีคนกล่าวแก่พวกเขาว่า “ไฟนี้แหละ ที่พวกเจ้าเคยปฏิเสธ”
หลังจากนั้น พระองค์ได้ทรงแจกแจงความโปรดปราน และหลักฐานต่างๆ ถึงความสัจจริงของสิ่งที่บรรดาร่อซูล อะลัยฮิสลาม ได้บอก โดยกล่าวว่า
“เรามิได้ทำให้แผ่นดิน เป็นที่ราบเรียบ ภูเขาต่างๆ เป็นที่เกาะยึด ? สร้างพวกเจ้ามาเป็นคู่ ได้กำหนดให้การนอนของพวกเจ้า เป็นการพักผ่อน ได้ทำให้กลางคืน เป็นที่ปกคลุม ได้ทำให้กลางวัน เป็นที่ทำมาหาเลี้ยงชีพ ได้สร้างฟ้าเป็นเจ็ดชั้นที่มีความแข็งแรง ได้ทำให้มีดวงประทีปที่มีแสงจ้า ได้ให้นำฝนลงมาจากเมฆหมอกต่างๆ เพื่อที่จะทำให้เมล็ด และพืชออกมา และสวนที่มีความสลับซับซ้อน”
คือ เรามิได้ประทานความโปรดปรานอันมากมายแก่พวกเจ้า “แล้วเราไม่ได้ทำให้แผ่นดินเป็นที่ราบนเรียบ” ที่ถูกจัดเตรียมไว้พร้อมแก่พวกเจ้า และผลประโยชน์ต่าง ๆ ของพวกเจ้า อันประกอบไปด้วยเรือกสวนไร่นา ที่อยู่อาศัย ถนนหนทางต่าง ๆ“และภูเขาต่างๆ เป็นที่เกาะยึดหรือ ?” จับแผ่นดินไว้ไม่ให้ไหว แล้วทำให้พวกเจ้าต้องปั่นป่วนสั่นคลอน
"และเราได้สร้างพวกเจ้ามาเป็นคู่ ” คือ เป็นเพศชาย และเพศหญิง จากกลุ่มเดียวกัน เพื่อให้แต่ละคนได้อาศัยซึ่งกันและกัน มีมิตรภาพ และความเมตตา และมีลูกหลานเกิดมา และส่วนหนึ่งของการประทานความเมตตานี้ คือ ความมีรสชาติของการแต่งงาน
“และเราได้ทำให้การนอนของพวกเจ้า เป็นการพักผ่อน” เป็นการพักผ่อนแก่พวกเจ้า หยุดการทำงานของพวกเจ้า ซึ่งเมื่อไหร่ที่มันเนิ่นนานต่อพวกเจ้าแล้ว มันก็จะให้โทษแก่ร่างกายของพวกเจ้า อัลลอฮฺจึงได้ทรงให้มีเวลากลางคืน และการนอนเกิดขึ้นแก่พวกผู้คนทั้งหลาย เพื่อให้การเคลื่อนไหวต่างๆ ของพวกเขา ที่เป็นอันตรายได้ขาดหายไป และการพักผ่อนของพวกเขาที่สบายเกิดขึ้น
“และเราได้สร้างฟ้าเป็นเจ็ดชั้นที่แข็งแรง” คือ เจ็ดชั้น ที่มีความแข็งแรง แข็งแกร่งมาก อัลลอฮฺ ทรงจับมันไว้ ด้วยความสามารถของพระองค์ ทรงทำให้มันเป็นเพดานแก่แผ่นดิน ซึ่งมีประโยชน์ต่างๆ มากมาย
ด้วยเหตุนี้ พระองค์ทรงกล่าวถึงประโยชน์อันหนึ่ง อันได้แก่ดวงอาทิตย์ โดยที่พระองค์ ตรัสไว้ว่า “และเราได้ให้มีดวงประทีปที่มีแสงจ้า” พระองค์ทรงใช้ดวงประทีปเตือน ถึงความเมตตาของพระองค์ ในแสงของมัน ซึ่งกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมนุษย์ และแสงจ้าที่มีความร้อน และสิ่งที่มีประโยชน์ต่างๆ
“เพื่อที่จะให้เมล็ด” อันประกอบไปด้วยเมล็ดข้าวสาลี ข้าวบาเลย์ ข้าวโพด และข้าวอื่นๆ จากสิ่งที่ลูกหลานอาดัมใช้กิน “และพืชต่างๆ” อันประกอบไปด้วยพืชอื่น นอกเหนือจากที่ได้กล่าวมา ที่อัลลอฮฺได้ทรงทำให้มันเป็นอาหาร แก่สัตว์เลี้ยงของพวกเขา “และสวนต่าง ๆ ที่สลับซับซ้อน” คือ สวนต่างๆ ที่ผสมปนกัน มีผลหมากรากไม้ที่มีรสชาติอร่อยทุกชนิด แล้วผู้ที่ได้ประทานความโปรดปรานต่างๆ ที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้ ที่ไม่มีใครสามารถนับ คำนาณ ปริมาณของมันได้
พวกเจ้าปฏิเสธต่อพระองค์ ไม่เชื่อในสิ่งที่พระองค์ทรงบอกเจ้า เกี่ยวกับการให้ฟื้นคืนชีพ การให้เกิดขึ้นมาใหม่อีกครั้งได้อย่างไร ?
หรือพวกเจ้าอาศัยความโปรดปรานต่างๆ ของพระองค์ ไปในการฝ่าฝืน ในการปฏิเสธพระองค์ได้อย่างไร?
“แท้จริง วันแห่งการชี้ขาดนั้น เป็นสิ่งที่ถูกกำหนดไว้แน่นอน วันที่จะมีการเป่าสังข์ แล้วพวกเจ้าจะมากันเป็นหมู่คณะต่างๆ มากมาย ฟ้าจะถูกเปิด แล้วมันจะเป็นเหมือนประตู ภูเขาต่างๆ จะถูกเคลื่อนที่ แล้วมันจะเป็นเหมือนเปลวแดด
แท้จริง นรกนั้น เป็นที่จับจ้อง แก่พวกผู้ทะเยอทะยาน ที่พวกเขาจะกลับไปอยู่ พวกเขาจะอยู่ในนั้น เป็นเวลานาน พวกขาจะไม่ได้ลิ้มรสความเย็น และเครื่องดื่มภายในนั้น นอกจากน้ำร้อน และน้ำหนองชาวนรกเท่านั้น เป็นการตอบแทนที่สาสม
แท้จริง พวกเขามิไดหวังการสอบสวน และปฏิเสธต่อโองการต่างๆของเราโดยแท้ และทุกสิ่ง เราได้รวมไว้เป็นบันทึกหมด ดังนั้น พวกเจ้าจงลิ้มรส ในขณะที่เราไม่ได้เพิ่มให้แก่พวกเจ้า นอกการลงโทษเท่านั้น”
พระองค์ทรงกล่าวถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันสิ้นโลก ที่พวกผู้ปฏิเสธต่างถามกัน พวกผู้ดื้อดึงไม่ยอมรับ แท้จริง มันคือวันที่ยิ่งใหญ่ และว่า อัลลอฮ์ ทรงกำหนดมัน ”เป็นวันที่แน่นอน”แก่มวลมนุษย์
“จะมีการเป่าสังข์ แล้วพวกเจ้าจะมากันเป็นหมู่คณะต่างๆ มากมาย” ซึ่งจะมีความโกลาหลยุ่งเหยิงต่างๆ ที่ทำให้เด็กเล็กผมหงอก หัวใจต่างๆรู้สึกไม่สบายจากมัน ภูเขาต่างๆจะเคลื่อนที่ จนกระทั่งกลายเป็นเหมือนผุยผงที่บินว่อน ท้องจะแตกออกจากกัน จนกระทั่งเป็นมืนกับประตูต่างๆ
อัลลอฮฺ จะทรงแยกมนุษย์ทั้งหลายออกจากกัน ด้วยการตัดสินของพระองค์ ที่ไม่มีความอธรรม ไฟนรกที่อัลลอฮฺ ได้ทรงจัดไว้ เตรียมไว้แก่พวกผู้หยิ่งผยอง ทำให้มันเป็นที่อยู่ที่กลับไปของพวกเขาจะถูกจุดขึ้น พวกขาจะอยู่ในนั้นไปเป็นเวลานาน นักอธิบายความหมายอัลกุรอานจำนวนมากกล่าวในคำว่า (อัลหุ๊กบฺ) แปดสิบปี เมื่อพวกเขามาอยู่ที่นั่น
“พวกเขาจะไม่ได้ลิ้มรสความเย็น และเครื่องดื่มภายในนั้น” คือ สิ่งที่ทำให้ผิวหนังของพวกเขาเย็นลง และสิ่งที่จะขจัดความกระหายของพวกเขาให้หมดไป
“นอกจากน้ำที่ร้อน” น้ำร้อนที่ทำให้ใบหน้าของพวกเขาสุก และทำให้ลำไส้ของพวกเขาขาด
“และน้ำหนองชาวนรก” น้ำหนองชาวนรกที่มีกลิ่นเหม็นที่สุด รสชาติเลวที่สุด
และแท้ที่จริง การลงโทษที่เลวทรามต่างๆเหล่านี้ที่พวกเขาได้รับ มันเป็นการตอบแทนแก่พวกเขา และสมกับสิ่งที่พวกเขาได้กระทำไว้ จากการงานต่างๆที่ถูกนำมา อัลลอฮฺมิได้ทรงอธรรมต่อพวกเขา แต่ทว่า พวกเขาอธรรมต่อตัวของพวกขาเอง
ด้วยเหตุนี้ พระองค์ทรงกล่าวถึงการงานของพวกเขา ที่สมควรได้รับผลตอบแทนนี้ พระองค์ตรัสว่า “แท้จริง พวกเขามิได้หวังการสอบสวน” คือ ไม่ศรัทธาต่อการให้ฟื้นคืนชีพ ไม่ศรัทธาว่า อัลลอฮฺ จะทรงตออบแทนมนุษย์ทั้งหลายด้วยสิ่งที่ดี และสิ่งที่เลว ด้วยเหตุดังกล่าว พวกเขาจึงปล่อยปะละเลยการงานเพื่อโลกหน้า
”และปฏิเสธโองการของเราโดยแท้” คือ ปฏิเสธอย่างชัดเจนเปิดเผย โองการต่างๆที่ชัดจนได้มายังพวกขา พวกเขาก็ฝ่าฝืนดื้อดึงต่อมัน
“และทุกสิ่ง” น้อย มาก ดี และเลว “เราได้รวมไว้เป็นบันทึกหมด” เราได้บันทึกไว้ในแผ่นบันทึกที่ถูกเก็บรักษาไว้ ดังนั้น พวกคนเลวไม่ต้องกลัวว่า เราจะลงโทษ ในบาปต่างๆ ที่พวกเขาไม่ได้ทำ ไม่ต้องนึกว่า จะมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดจากการงานต่างๆ ของพวกเขา จะหายไป หรือถูกลืม แม้เพียงสิ่งที่มีน้ำหนักอันน้อยนิด เหมือนกับที่พระองค์ ตรัสไว้ว่า
"وَوُضِعَ الْكِتَابُ فَتَرَى الْمُجْرِمِيْنَ مُشْقِيْنَ مِمَّافِيْهِ وَيَقُوْلُوْنَ يَاوَيْلَتَنَا مَالِهَذَااْلكِتَابِ لاَيُغَادِرُصَغِيْرَةً وَلاَكَبِيْرَةً إِلاَّأَحْصَاهَا وَوَجَدُواْمَاعَمِلُواْحَاضِرًاوَلاَيَظْلِمُ رَبُّكَ أَحَدًا"
“และบันทึกได้ถูกวาง เจ้าก็จะเห็นพวกคนชั่ว กลัวสิ่งที่มีอยู่ในนั้น และพวกเขาจะกล่าวว่า โอ้ ความหวังของเรา ทำไม บันทึกฉบับนี้ ถึงไม่ทิ้งสิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย เล็ก และใหญ่ นอกจากมันได้บันทึกไว้หมด และพวกเขาได้พบสิ่งที่พวกเขาทำไว้ มาอยู่ต่อหน้า และพระผู้เป็นเจ้าของเจ้าจะไม่อธรรมต่อคนหนึ่งคนใด”
“ดังนั้น พวกเจ้าจงลิ้มรส” โอ้ พวกผู้ปฏิเสธการลงโทษที่เจ็บปวดนี้ และความอปยศที่มีตลอดไป
“ซึ่งเราจะไม่เพิ่มให้แก่พวกเขา นอกจากการลงโทษเท่านั้น” ในทุกเวลา และขณะที่การลงโทษของพวกเขาเพิ่มขึ้น (และโองการนี้ เป็นโองการที่รุนแรงที่สุด ในการลงโทษชาวนรก ขออัลลอฮฺได้ทรงปกป้องให้เราได้พ้นไปจากมันด้วยเถิด)
“แท้จริง สำหรับบรรดาผู้ยำเกรงนั้น มีทางรอด มีสวนต่างๆ มีองุ่นนาๆชนิด มีหญิงสาวบริสุทธิ์อายุไล่เลียกัน และมีแก้วต่างๆ ที่เต็ม พวกเขาจะไม่ได้ยินสิ่งที่ไร้สาระ และสิ่งโกหกภายในนั้น เป็นผลตอบแทนตามที่มีการสัญญา จากพระผู้เป็นเจ้าของเจ้า”
เมื่อพระองค์ได้ทรงกล่าวถึงสภาพของคนชั่ว พระองค์ก็ได้ทรงกล่าวถึงที่กลับของบรรดาผู้ยำเกรง โดยที่พระองค์ได้ตรัสว่า
“แท้จริง บรรดาผู้ยำเกรงนั้น มีทางรอดปลอดภัย ได้รับชัยชนะ” คือ บรรดาผู้ที่ป้องกันการโกรธกริ้วของพระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา ด้วยการเกาะติดอยู่กับการเชื่อฟังพระองค์ และการหยุดยั้งจากสิ่งที่พระองค์ทรงเกลียด พวกเขาก็จะมีทางรอดปลอดภัย ได้รับชัยชนะ
และความห่างไกลจากนรก ในทางรอดปลอดภัย ได้รับชัยชนะนั้น พวกเขาจะมี “สวนต่าง ๆ” คือ สวนต่างๆ ที่รวมไว้ซึ่งต้นไม้ดอกนานาชนิด ในผลไม้ต่างๆ ที่มีแม่น้ำต่างๆ แตกออกมาระหว่างมัน พระองค์ได้ทรงกล่าวถึงผลองุ่นต่างๆ โดยเฉพาะ เนื่องจากความมีเกียรติ และการมีมากของมัน ในสวนต่างๆ เหล่านั้น
และในนั้นพวกเขามีบรรดาภรรยาตามความต้องการของจิตใจ และหญิงสาวที่มีความสาวเต็มที่ ที่มีความแข็งแรง และความสดใสของพวกเธอ“บรรดสาวที่มีอายุไล่เลี่ยกัน” ที่มีอายุใกล้เคียงกัน ซึ่งโดยปกติบรรดาหญิงสาวที่มีอายุไล่เลี่ยกัน จะมีความสนิทสนมกัน จะคบค้าติดต่อกัน จะอยู่ในช่วงอายุระหว่าง สามสิบสามปี ซึ่งเป็นช่วงที่ดีที่สุดสำหรับหนุ่มสาว
“และแก้วต่างๆที่เต็ม” เต็มไปด้วยน้ำทิพรส ที่มีรสชาติอร่อย
“พวกเขาจะไม่ได้ยินสิ่งที่ไร้สาระภายในนั้น” คือ คำพูดที่ไม่มีประโยชน์
“และสิ่งโกหก” คือ สิ่งที่เป็นบาป เหมือนกับที่พระองค์ ตะอาลา ได้ตรัสไว้ว่า
"لاَيَسْمَعُوْنَ فِيْهَالَغْوًاوَلاَتَأْثِيْمًاإِلاَّقِيْلاً سَلاَمًا سَلاَمًا"
“พวกเขา จะไม่ได้ยินคำพูดที่ไร้สาระภายในนั้น และสิ่งที่ทำให้เกิดบาป นอกจากคำพูดที่ว่า ขอให้มีความสุข ขอให้มีความสุข” พระองค์ได้ทรงให้ผลตอบแทนอันมากมายนี้จากความกรุณา และการปฏิบัติดีของพระองค์ “ ซึ่งเป็นผลตอบแทนจากพระผู้เป็นเจ้าของเจ้า” แก่พวกเขา
“เป็นการให้ ตามที่มีการสัญญาไว้” คือ ด้วยสาเหตุของการงานต่างๆ ของพวกเขา ที่อัลลอฮฺ ได้ประทานให้แก่พวกเขา และทรงทำให้มันเป็นราคาสวรรค์ของพระองค์ และความผาสุกของมัน
“พระผู้เป็นเจ้าแห่งชั้นฟ้าต่าง ๆ พื้นแผ่นดิน และสิ่งที่มีอยู่ระหว่างมันทั้งสอง ผู้ทรงกรุณาปรานี (อัลลอฮฺ ) " ที่พวกเขาไม่สามารถที่จะพูดได้ วันที่มะลักญิบรีล และมะลักท่านอื่นๆ จะยืนเป็นแถว พวกเขาจะไม่พูด นอกจากผู้ที่ผู้ทรงกรุณาปรานี (อัลลอฮฺ ) ทรงอนุญาตแก่เขาเท่านั้น และเขาจะพูดแต่สิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งคือ วันแห่งความจริง ดังนั้น ใครที่ประสงค์ ก็ให้เขายึดเป็นทางกลับไปยังพระผู้เป็นเจ้าของเขา
แท้จริง เราได้เตือนเจ้าถึงการลงโทษที่อยู่ใกล้ วันที่แต่ละคนจะมองไปยังสิ่งที่สองมือของเขาได้กระทำไว้ และผู้ปฏิเสธจะกล่าวว่า "โอ้ ความหวังของฉัน ฉันกลายเป็นดินได้ก็จะดี” คือ ผู้ที่พระองค์ได้ทรงให้สิ่งต่างๆ เหล่านี้แก่พวกเขา คือ พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา
“พระผู้เป็นเจ้าแห่งชั้นฟ้าต่างๆ และพื้นแผ่นดิน” ที่พระองค์ทรงสร้างมัน บริหารจัดการมัน
“ผู้ทรงกรุณาปรานี” ที่ความกรุณาปรานีของพระองค์ ได้แผ่คลุมไปทั่วถึงทุกสิ่งทุอย่าง พระองค์ทรงเลี้ยงดูพวกเขา เอ็นดูเมตตา จนกระทั่งพวกเขาได้รู้สิ่งที่พวกเขารู้หลังจากนั้น พระองค์ได้ทรงกล่าวถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ และการมีอำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ในวันสิ้นโลก
และผู้คนทั้งหลาย ทั้งหมดในวันนั้น จะนิ่งเงียบ ไม่พูดไม่จา “ และพวกเขาไม่สามารถพูดได้ ” นอกจากผู้ทรงกรุณา (อัลลอฮฺ) จะทรงอนุญาตแก่เขาเท่านั้น และเขาจะพูดแต่ความจริง ซึ่งจะไม่มีใครพูดได้ นอกจากด้วยสองเงื่อนไขนี้ อัลลอฮฺทรงอนุญาตให้เขาพูด และพูดในสิ่งที่ถูกต้อง
เพราะว่า“วันนั้น” คือ “ความจริง” ที่สิ่งที่เป็นเท็จจะใช้ไม่ได้ และการโกหกจะไม่ให้ประโยชน์ และในวันนั้น “มะลักญิบรีลจะยืน” คือญิบรีลอะลัยฮิสสลาม ซึ่งเป็นมลักที่ประเสริฐที่สุด“และบรรดามะลัก” เช่นเดียวกัน พวกเขาทั้งหมดจะยืน “เป็นแถว” มีความนอบน้อมแด่อัลลอฮฺ “ พวกเขาจะไม่พูด” นอกจากในสิ่งอัลลอฮฺ ทรงอนุญาตให้พวกเขาพูดเท่านั้น
และเมื่อพระองค์ทรงส่งเสริม ห้ามปราม แจ้งข่าวดี และแจ้งข่าวร้าย พระองค์ทรงกล่าวว่า “ดังนั้น ใครประสงค์ ก็ให้เขายึดเป็นทางกลับไปยังพระผู้เป็นเจ้าของเขา” คือ การงาน และความสัจจริงที่ผ่านมา ที่เขาจะย้อนกลับไปสู่ในวันสิ้นโลก
“แท้จริง เราได้แจ้งข่าวร้ายแก่พวกเจ้า การลงโทษที่อยู่ใกล้ ” เพราะว่ามันได้มุ่งหน้ามา และทุกสิ่งที่มุ่งหน้ามา มันก็เป็นสิ่งใกล้เข้ามา
“วันที่ แต่ละคนจะมองไปยังสิ่งที่สองมือของเขาได้ทำไว้ก่อน” คือ สิ่งนี้ ที่มีความสำคัญต่อเขา และทำให้เขาต้องรีบเข้าไปหา ให้เขาได้มองไปยังมันในดุนยานี้ เหมือนกับที่พระองค์ตะอาลาได้ตรัสว่า
"يَاأَيُّهَاالَّذِيْنَ آمَنُوااتَّقُواللهَ وَلْتَنْظُرْ نَفْسٌ مَاقَدَّمَتْ لِغَدٍ وَاتَّقُوااللهَ إِنَّ اللهَ خَبيِْرٌ بِِمَاتَعْمَلُوْنَ"
”โอ้ บรรดาผู้ที่ศรัทธาแล้ว พวกเจ้าจงยำเกรงอัลลอฮฺ และให้แต่ละชีวิต ได้มองไปยังสิ่งที่มันได้ทำไว้
และจงยำเกรงอัลลอฮฺ แท้จริงอัลลอฮฺ ทรงเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญ ในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ”
หากเขาพบสิ่งที่ดี ก็ให้เขาสรรเสริญอัลลอฺฮฺ หากเขาพบนอกเหนือไปจากนั้น เขาก็อย่าได้ตำหนิใคร นอกจากตัวเขาเท่านั้น และด้วยเหตุนี้ พวกผู้ปฏิเสธหวังที่จะตาย จากการที่มีความเศร้าโศกเสียใจมาก
เราขอต่ออัลลอฮฺ ให้พระองค์ได้ทรงให้เราปลอดภัยจากการปฏิเสธ และความชั่วทั้งหมด แท้จริง พระองค์เป็นผู้มีน้ำใจ ใจกว้างใจบุญ
มูลนิธิ ชี้นำสู่สันติสุข