หน้าที่ผู้รู้ที่พึงปฏิบัติ
  จำนวนคนเข้าชม  2272


หน้าที่ผู้รู้ที่พึงปฏิบัติ


 

เรียบเรียงโดย อิสมาอีล กอเซ็ม

 

มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฮฺผู้อภิบาลแห่งสากลโลก

 

          การศึกษาหาวิชาความรู้เป็นความจำเป็นกับบุคคลทุกคน เพราะความรู้คือสิ่งที่จะนำมาซึงสิ่งดีงามในชีวิตของมนุษย์ และด้วยกับความรู้ทำให้มนุษย์ค้นคว้านำสิ่งที่ได้รู้มาพัฒนาชีวิตในด้านต่างๆ แต่คงไม่มีความรู้ใดที่จะประเสริฐกว่าความรู้ในศาสนา อัลลอฮ์ ซุบหานาฮูวาตาอาลา ได้ตรัสไว้ความว่า 
 


“เพราะอัลลอฮ์ จะทรงยกย่องเทิดเกียรติแก่บรรดาผู้ศรัทธาในหมู่พวกเจ้า และบรรดาผู้ได้รับความรู้หลายชั้น”

 

(ซูเราะห์ อัลมูญาดาละห์ อายะห์ที่ 11)

ดังนั้นบุคคลที่จะได้รับเกียรติจากอัลลอฮ์ ในการที่พระองค์จะยกระดับเกียรติให้แก่เขาหลายๆ ชั้นนั้น มาดูผู้ที่มีความรู้ว่ามีคุณลักษณะอย่างไร 

     1. ผู้รู้ต้องเป็นผู้เอาใจใส่ในการปฏิบัติตามซุนนะห์ของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮูอะลัยอิวะสัลลัม ทั้งสิ่งที่เป็นวาญิบ(ภาคบังคับ) และสิ่งที่เป็นซุนนะห์ 


     2. ผู้รู้ต้องมีความบริสุทธ์ใจในการทำหน้าที่ของตัวเอง ไม่ต้องการชื่อเสียงจากการทำหน้าที่ของตัวเองนอกจากความพอพระทัยของอัลลอฮ์  เท่านั้น และเพื่อให้ผู้อื่นได้เข้าใจในศาสนาของอัลลอฮ์ 


     3. ไม่ได้มีเจตนาในการเรียกร้องผู้คน เพื่อให้มายึดติดกับตัวเองหรือยึดติดกับแนวคิดของตัวเอง เป้าหมายการเรียกร้องผู้คนมาสู่ศาสนาเพื่อให้ผู้คนได้เข้าใจศาสนาของอัลลอฮ์  ให้ถูกต้อง และนำผู้คนออกจากความเขลามาสู่แสงส่างทางนำของอัลลอฮ์ 


     4. ต้องมีความเข้าในหลักการศาสนาอย่างถ่องแท้ เพราะการที่ผู้ทำหน้าที่เผยแผ่ศาสนามีความเข้าใจผิดในหลักการเมื่อเขานำสิ่งนั้นไปสอนผู้อื่น จะทำให้ผู้ที่ได้รับความรู้จากเขา เข้าใจผิดและนำสิ่งที่ผิดนั้นไปเผยแพร่ต่อ ซึงจะทำให้สิ่งที่ผิดเหล่านี้ยิ่งขยายออกไป


     5. ต้องมีความน้อมอ่อนโยน ซึงแน่นอนความอ่อนโยนความนอบน้อมเป็นสิ่งที่จะทำให้สิ่งที่เรานำเสนอเข้าสู่จิตใจผู้คนได้ง่าย และในคุณลักษณะเหล่านี้นั้นเป็นคุณลักษณะของท่านนบี มูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮูอะลัยอิวะสัลลัม และนบี  ท่านอื่นๆ

"เนื่องด้วยความเมตตาจากอัลลอฮ์นั่นเอง เจ้า(มุฮัมมัด) จึงได้สุภาพอ่อนโยนแก่พวกเขา

และถ้าหากเจ้าเป็นผู้ประพฤติหยาบช้า และมีใจแข็งกระด้างแล้วไซร้

แน่นอน พวกเขาก็ย่อมแยกตัวออกไปจากรอบ ๆ เจ้ากันแล้ว

ดังนั้น จงอภัยให้แก่พวกเขาเถิด และจงขออภัยให้แก่พวกเขาด้วย

และจงปรึกษาหารือกับพวกเขาในกิจการทั้งหลาย

ครั้นเมื่อเจ้าได้ตัดสินใจแล้ว ก็จงมอบหมายแด่อัลลอฮ์เถิด

แท้จริงอัลลอฮ์ทรงรักใคร่ผู้มอบหมายทั้งหลาย"

     จากอายะห์นี้เป็นการบอกถึงคุณลักษณะของท่าน นบี ศ็อลลัลลอฮูอะลัยอิวะสัลลัม ในการปฏิสัมพันธ์ท่านจะเป็นบุคคลที่มีมารยาทที่ดี ไม่มีคำพูดที่หยาบคาย ดังนั้นการทำหน้าที่เรียกร้องผู้คนมาสู่ศาสนาของอัลลอฮ์  จึงมีความจำเป็นในการใช้สำนวนที่เหมาะแก่บุคคลที่เราได้นำสาสน์ไปยังพวกเขา  และการรู้ถึงสภาพบุคคลที่เราจะทำหน้าที่เผยแผ่มีความสำคัญเช่นเดียวกัน 

     การรู้สภาพของผู้ที่เราจะทำการเผยแผ่ ก็เหมือนที่หมอที่รู้ว่าผู้ป่วยเขาเป็นโรคอะไร และหมอได้จัดยาที่เหมาะสมให้แก่พวกเขา เช่นเดียวกันหมอวินิจฉัยโรคคนไข้ผิด สิ่งที่ตามมาก็คือการให้ยาผิด และเมื่อคนไข้ได้รับยาผิดเขาอาจจะทรุดหนักลงและอาจจะถึงแก่ชีวิตได้ ผู้เผยแผ่ศาสนาก็เช่นเดียวกัน หากไม่รู้สภาพผู้ที่เราทำหน้าที่เผยแผ่ บางทีนำคำสอนอิสลามไปสอน โดยที่เขาไม่มีพื้นฐานศาสนามากมาย แต่สิ่งที่เรานำไปสอนนั้นเขายังไปไม่ถึง บางครั้งยิ่งทำให้เขาห่างไกลศาสนาเข้าไปอีก หรือบางครั้งสิ่งที่เรานำไปสอนเหมาะสมกับตัวของเขา แต่สำนวนที่นำไปใช้อาจไม่เหมาะสมจึงเป็นเหตุให้ไม่ได้รับการตอบรับการเชิญชวน

     ดังนั้นสิ่งที่ผู้ทำหน้าที่เผยแผ่ศาสนาต้องเรียนรู้และนำมันมาใช้ในการเผยแผ่ศาสนาก็คือ การกลับไปเอาบทเรียนเหตุการณ์การเผยแผ่ของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮูอะลัยอิวะสัลลัม และมารยาทของท่านนบี  ที่ท่านได้ปฏิบัติแก่บุคคลที่อยู่ร่วมกับท่านที่หลากหลาย 


     6. ผู้ที่เป็นนักเผยแผ่ต้องไม่มีความอิจฉาริษยาแก่บรรดาผู้รู้ที่ได้ทำหน้าที่เช่นเดียวกัน เช่น อาจมีนักเผยแผ่ศาสนาที่มีชื่อเสียงและถูกกล่าวขานถึงความรู้และความเคร่งครัดในหลักการศาสนา และผู้คนติดตามมากมาย เมื่อเห็นเช่นนั้นก็อย่าพยายามติดตามข้อผิดพลาดของบรรดาผู้รู้ที่มีชื่อเสียง และนำข้อผิดพลาดมาขยายผลเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือ และเพื่อต้องการให้ตัวเองมีชื่อเสียงขึ้นมาในสังคม 

      หากต้องการจะชี้แจงความผิดพลาดบางประการของผู้รู้ ประการแรกเราต้องมั่นใจและมีหลักฐานที่บทบัญญัติที่เพียงพอว่า ประเด็นนั้นมีความผิดพลาดจริง และชี้แจงภายใต้กฎเกณฑ์ทางศาสนา ไม่ได้หวังสิ่งใดนอกจากต้องการปกป้องศาสนาให้บริสุทธิ์ และการชี้แจงข้อผิดพลาดของผู้รู้ต้องอยู่ภายใต้การให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่มีการใช้คำพูดที่ไม่ดี เพราะบางทีความรู้ไม่เพียงพอ หรือแค่ไปจับฟัตวาของนักวิชาการบางท่านมาตัดสินกับนักวิชาการอีกคนหนึ่ง เป็นสิ่งที่สุ่มเสี่ยงที่จะเกิดข้อผิดพลาด เพราะในบางประเด็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน การที่มีเครื่องมือตรวจสอบไม่เพียงพอโอกาสที่จะตัดสินผิดพลาดจากความเป็นจริงก็เป็นได้ 

     สุดท้ายการเป็นคนง่ายๆในการตัดสินบุคคลอื่น ทำให้ฮุกุมที่เราตัดสินบุคคลอื่นอาจกลับมาหาเราได้ เช่น ไปตัดสินคนว่าเขามีความผิดเพี้ยนในเรื่องอากีดะห์ ซึ่งในความเป็นจริงเขาไม่ได้ผิดเพี้ยนอะไร การที่เราไปตัดสินเขาอาจเป็นเพราะว่าเรามีความรู้ไม่เพียงพอ คนที่มีความรู้มากเขายิ่งต้องระวังในเรื่องตัดสินบุคคลอื่น ไม่ว่าจะฮุกุมคนอื่นว่าเป็นคนชั่ว เป็นคนทำบิดฮะห์ ตกศาสนา และอีกมากมายที่เราต้องระวังในการพูดจาพาดพิงไปยังบุคคลอื่น



           ปัจจุบันเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ ที่มีเยาวชนจำนวนไม่น้อยที่หมกมุ่นอยู่กับการติดตามความผิดพลาดของผู้รู้ และมุ่งเน้นที่จะตอบโต้และตัดสินผู้รู้ ทั้งที่ไม่ได้เป็นหน้าที่ของเขาในการไปตัดสินใครๆ ! โดยที่เยาวชนจำนวนไม่น้อยยังอ่านอัลกุรอ่านไม่ได้  ! ไม่สามารถท่องจำอัลกุรอ่านได้  ! ไม่สามารถอ่านหะดีษให้เข้าใจความหมายจุดประสงค์ของหะดีษนั้นๆได้  ! 

           ดังนั้นเยาวชนมุสลิมต้องตระหนักถึงหน้าที่ของตัวเอง และลำดับความสำคัญให้ถูกต้อง หน้าที่เยาวชน คือตั้งใจศึกษาหาวิชาความรู้ สนใจทบทวนบทเรียน อ่าน ท่องจำอัลกุรอ่าน ท่องจำหะดีษ เดินทางไปหาความรู้โดยไปรับความรู้จากผู้รู้โดยตรง เพื่อที่เขาได้เป็นผู้รู้ในรุ่นต่อไปที่จะมาปกป้องศาสนา



           นี่คือบางส่วนของคุณลักษณะของผู้รู้ และอีกมากมายที่ผู้ที่มีความรู้และผู้ที่ศึกษาหาวิชาความรู้ด้านศาสนาของอัลลอฮฺจะต้องพัฒนาตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อเราจะได้เป็นผู้ที่ได้รับมรดกของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮูอะลัยอิวะสัลลัม ในด้านความรู้มาใช้กับตัวเองและผู้อื่น


ขออัลลอฮ์  ได้โปรดเพิ่มพูนความรู้ให้แก่เรา และให้เรานั้นได้ปฏิบัติตามความรู้ที่เราได้รับ อามีนญารอบบัลอาลามีน