การนินทาคือฟิตนะฮ์อันใหญ่หลวง
โดย อ.มูฮำหมัด ถือความตรง
ขอความสุข สันติ จากพระองค์อัลเลาะห์ จงมีแด่พี่น้องผู้ร่วมญุมอัต ที่มีเกียรติทุกท่าน ก่อนอื่นข้าพเจ้าขอเตือนตัวข้าพเจ้าเอง และพี่น้องทุกท่านจงภักดีต่อพระองค์อัลเลาะห์ และมีการตักวา หรือความยำเกรงด้วยความสัตย์จริง โดยกระทำทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์ทรงใช้ และห่างไกลจากทุกสิ่งที่พระองค์ทรงห้าม โดยหวังว่าการ ตักวา จะทำให้เรื่องในดุนยา นั้นง่ายดาย ทำให้เรานั้นสามารถแยกแยะความจริงออกจากความเท็จได้ และในโลก อาคีเราะห์ นั้นเราจะได้รับข่าวดี และท่านอย่าได้ตายไป นอกจากจะอยู่ในสภาพของมุสลิมที่แท้จริง
พี่น้องที่มีเกียรติของ อัลลอฮ์ ทั้งหลาย โดยธรรมชาติแล้วมนุษย์มีนิสัยชอบมีชีวิตอยู่ในสังคม ต่างคนต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน โดยมิอาจจะอยู่ลำพังโดดเดี่ยวได้ ในฐานะที่เป็นมนุษย์ ย่อมต้องการให้มีร่างกายที่สุขสมบูรณ์ สังคมก็เฉกเช่นเดียวกันย่อมต้องการความสงบสุข ในการดูแลสังคมมิให้เกิดโรคภัย หรือความเหลวแหลก
อิสลามสอนให้ประชาชาติของตนห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ แต่โรคที่เลวร้ายที่สุดคือ โรคชอบนินทาว่าร้าย ซึ่งเป็นการกระทำที่อิสลามตำหนิอย่างที่สุด และเป็นที่เกลียดชังของสมาชิกในสังคม อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการดูแลมิให้เกิดโรคร้ายนี้ แต่สังคมก็ยังต้องเผชิญกับโรคนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จนสมาชิกในสังคมจะต้องเผชิญกับความขัดแย้ง และการทะเลาะวิวาทกัน
การนินทาที่พูดถึงนี้คืออะไร พี่น้องครับ การนินทาคือ การพูดถึงสิ่งที่อับอายของผู้อื่น หรือสิ่งที่ผู้อื่นไม่ชอบ ดังมีรายงานจาก อบีฮุร็อยเราะห์ ว่า
ท่านนบีมุฮัมมัด กล่าวว่า เจ้ารู้หรือไม่ว่า อะไรคือ ฆีบะห์ غيبة ?
ซอฮาบะห์ จึงตอบว่า อัลลอฮ์ และ รอซูล เท่านั้นที่รู้
ท่านรอซูลุลลอห์ จึงกล่าวว่า คือ การที่เจ้าพูดเรื่องของพี่น้องของเจ้า ในสิ่งที่เขาเกลียดชัง
ซอฮาบะห์ ถามต่อไปว่า แล้วอย่างไรเล่ากับการที่เราพูดถึงสิ่งนั้น ที่มีอยู่จริงในตัวของพี่น้องเรา
ท่านรอซูลุลลอห์ จึงตอบว่า หากสิ่งที่เจ้าพูดมานั้นมีอยู่จริง ในตัวของพี่น้องของเจ้า ก็แสดงว่าเจ้าได้นินทาเขาไปแล้ว และหากไม่มีอยู่ในตัวของเขาจริง นั่นก็หมายความว่า เจ้าได้ใส่ร้ายและโกหกไปแล้ว
อัลลอฮ์ ได้กล่าวไว้ในซูเราะห์ อัลฮุจรอต อายะห์ที่ ๑๒
"และบางคนในหมู่พวกเจ้าอย่านินทาซึ่งกันและกัน คนหนึ่งในหมู่พวกเจ้านั้น ชอบที่จะกินเนื้อพี่น้องของพวกเจ้าที่ตายไปแล้ว กระนั้นหรือ ?
แน่นอนพวกเจ้าย่อมเกลียดมัน และจงยำเกรง อัลลอฮ์ เถิด แท้จริง อัลลอฮ์ นั้นทรงอภัยโทษ และผู้ทรงเมตตา"
นั่นหมายความว่า การพูดถึงสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่มีอยู่ในตัวของพี่น้องมุสลิม ที่เขาไม่พอใจในสิ่งนั้น ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นร่างกาย ศาสนา จรรยามารยาท สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นการนินทาทั้งสิ้น ในบรรดาสิ่งที่อยู่ในขอบข่ายของการนินทานั้นมีอยู่มากมาย เช่น ด้วยวิธีการเปิดเผยปมด้อย หรือการใส่ความเกี่ยวกับพฤติกรรมต่างๆ ที่เขาไม่พึงพอใจ
การนินทานั้น ตามทัศนะของอิสลาม มองว่าเป็นสิ่งที่น่าละอาย และผิดร้ายแรง บุคคลที่เข้าไปในกลุ่มคนที่กำลังนินทาว่าร้าย เขาจะต้องหักห้าม เพื่อเป็นการปกป้องพี่น้องที่กำลังถูกนินทา มีรายงานจากท่าน อบี ดัรด้าอฺ ว่าท่านนบีมุฮัมมัด กล่าวว่า
"ผู้ใดที่ปกป้องเกียรติ และความสูงส่งของพี่น้องของเขา แน่แท้ในวันกิยามะห์ อัลลอฮ์ จะทรงขจัดไฟนรกออกจากใบหน้าของเขา"
(รายงานโดย อะห์มัด)
พี่น้องที่เคารพ จงอย่าได้นินทาว่าร้ายพี่น้องของเราในที่ลับหรือที่แจ้ง เพราะสิ่งนี้เองที่ถือว่าเป็นโรคร้ายทางสังคม ที่เกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย เนื่องจากพฤติกรรมเช่นนี้ จะกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปแล้ว ทั้งๆที่อิสลามได้ห้ามพฤติกรรมเช่นนี้อย่างเด็ดขาด แม้ว่าคนที่เรากำลังพูดถึงนั้นมีความผิด แต่ทุกวันนี้ เราจะหาคนที่ไม่มีความผิดเลยแทบจะหาไม่ได้ ซึ่งบางครั้งความผิดที่เขากระทำไป อาจจะด้วยความไม่ตั้งใจก็ได้ และเป็นไปได้ที่เขาได้ เตาบัต ต่ออัลลอฮ์ ไปแล้ว
สิ่งที่กล่าวมานั้น อิสลามได้วางกรอบ และป้องกันไม่ให้มีการนินทาว่าร้าย อันเป็นบ่อเกิด แห่งความหม่นหมอง ในสังคมของเรา ซึ่งอิสลามได้ห้ามพฤติกรรมดังกล่าวอย่างแข็งขัน เพราะหากการพูดในเรื่องที่ไม่เป็นความจริง หรือโกหกไปแล้ว ย่อมจะกลายเป็นเรื่องฟิตนะห์ อันใหญ่หลวง แก่พี่น้องของเราอย่างแน่นอน
คุตบะห์วันศุกร์ ณ มัสยิดท่าอิฐ