แนวทางการคลายทุกข์ 4
เขียนโดย : ชัยคฺ มุฮัมมัด ศอลิหฺ อัล มุนัจญิด
- ซอละวาตแก่ท่านนบี
การซอละวาตเป็นวิธีการที่สำคัญมากอย่างหนึ่งที่ทำให้อัลลอฮฺ ช่วยขจัดความทุกข์กังวลให้ หมดไป
รายงานจากฏุฟัยลฺ บิน อุบัยยฺ บิน กะอฺบฺ จากบิดาของเขาได้กล่าวว่า เมื่อสองในสามของคืนได้ ผ่านไป ท่านร่อซูล จะลุกขึ้นแล้วกล่าวว่า
โอ้ ผู้คนทั้งหลาย จงรำลึกถึงอัลลอฮ์เถิด จงรำลึกถึงอัลลอฮ์เถิด
อัร รอญิฟะฮฺ (การเป่าแตรครั้งแรกในวันสิ้นโลก) ได้มาถึง
แล้วอัรรอดิฟะฮฺ (การเป่าแตรครั้งที่สองในวันสิ้นโลก) ก็จะตามมา
ความตายได้มาถึงพร้อมกับสิ่งที่อยู่ในนั้น (จะถูกเปิดเผย)
ความตายได้มาถึงพร้อมกับสิ่งที่อยู่ในนั้น (จะถูกเปิดเผย)
ท่านอุบัยยฺ ได้กล่าวขึ้นว่า โอ้ ร่อซูลุลลอฮฺ แท้จริง ฉันได้กล่าวซอละวาตแก่ท่านมากมาย แล้วฉันจะทำการซอละวาตแก่ท่านสักเท่าไรกัน?
ท่านร่อซูล กล่าวว่า ตามที่ท่านต้องการเถิด
ฉันกล่าวว่า หนึ่งในสี่
ท่านกล่าวว่า ตามที่ท่านต้องการเถิด หากว่าท่านได้ทำเพิ่มขึ้น มันก็ย่อมดี แก่ท่าน
ฉันกล่าวว่า หนึ่งในสอง
ท่านกล่าวว่า ตามที่ท่านต้องการเถิด หากว่าท่านได้ทำเพิ่มขึ้น มันก็ย่อมดีแก่ท่าน
ฉันกล่าวว่า สองในสาม
ท่านกล่าวว่า ตามที่ท่านต้องการเถิด หากว่าท่านได้ทำเพิ่มขึ้น มันก็ย่อมดี แก่ท่าน
ฉันกล่าวว่า ฉันจะซอละวาตให้แก่ท่านทั้งหมด (เต็มเวลา)
ท่านได้กล่าวว่า ถ้าเป็นเช่นนั้น ความทุกข์กังวลของท่านจะได้รับการปกป้อง(ดูแลเอาใจใส่) บาปของท่านจะได้รับการให้อภัย
(รายงานโดย อัต ติรมิซียฺ โดยเขาได้กล่าวว่า เป็นฮะดีษ ฮะซัน ซอเฮียะฮฺ ในอัล สุนัน 2457 และจัดว่าเป็นฮะดีษฮะซัน โดยอัล อัลบานียฺ ใน อัล มิชกาต 929)
- ตะวักกุล (มอบหมาย) ต่ออัลลอฮฺ
ให้ตะวักกุล (มอบหมาย) ต่ออัลลอฮฺ และให้ความไว้วางใจต่อการงานต่างๆ แก่พระองค์
บุคคลใดรู้ว่าอัลลอฮฺ ทรงมีพลานุภาพเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง พระองค์เป็นเพียงผู้เดียวเท่านั้นในการเลือกเฟ้นและบริหารจัดการสิ่งต่างๆ การบริหารจัดการของพระองค์แก่บ่าวของพระองค์ย่อมดียิ่งกว่าการจัดการของบ่าวผู้นั้นแก่ตัวเขาเอง พระองค์ย่อมรู้ดีถึงผลประโยชน์ของบ่าวผู้นั้นมากกว่าตัวของเขาเอง พระองค์คือผู้ที่ทรงพลานุภาพที่สุดที่จะนำประโยชน์เหล่านั้นมาให้แก่เขา พระองค์ย่อมเป็นผู้เมตตาแก่บ่าวผู้นั้นยิ่งกว่าตัวของเขาเอง พระองค์ย่อมเอื้ออาทรแก่บ่าวผู้นั้นยิ่งกว่าตัวของเขาเอง
ในขณะเดียวกันเขาไม่สามารถจะก้าวล่วงไปข้างหน้าในอำนาจการบริหารจัดการของพระองค์ได้เลยแม้แต่ก้าวเดียว และไม่สามารถรั้งรอให้พ้นไปจากการบริหารจัดการของพระองค์ได้เลยแม้แต่ก้าวเดียว ดังนั้น เขาไม่สามารถจะก้าวล่วงไปข้างหน้าหรือรั้งรอให้พ้นไปจากสิ่งที่อยู่ภายใต้การลิขิตกำหนด (กอฎอ กอดัร) ของอัลลอฮฺ
ด้วยเหตุนี้ เขาต้องมอบตัวของเขาแก่อัลลอฮฺ และมอบหมายการงานทั้งหมดสู่อัลลอฮฺ เขาต้องสยบยอมต่อพระองค์ เช่น การสยบยอมของทาสที่อ่อนแอต่อราชาผู้ยิ่งใหญ่ ผู้มีอำนาจ
อัลลอฮฺ จะจัดการกับบ่าวของพระองค์ตามที่พระองค์ประสงค์ และบ่าวนั้นไม่สามารถจัดการสิ่งใดๆ ได้เลย ตอนนี้เองที่บ่าวคนนั้นจะได้รับการผ่อนคลายจากความทุกข์ กังวล ความวิตก ความเศร้าสลดเสียใจได้ เขาสามารถส่งมอบภาระจำเป็นและผลประโยชน์ต่างๆ ของเขาไปยังพระผู้ซึ่งไม่ได้กังวลต่อการแบกรับภาระเหล่านั้น และมันไม่ได้สร้างความหนักหน่วงต่อพระองค์หรือทำให้หนักใจใดๆ เลย
ดังนั้น อัลลอฮฺ จะใส่ใจดูแลสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นแทนตัวของเขา และพระองค์จะแสดงให้เขาเห็นถึงความเอื้ออาทร ความเมตตา และความดีจากพระองค์ โดยไม่ให้มีความเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าในตัวของเขา โดยที่เขาไม่ได้จดจ่อไปที่ตัวเอง แต่เขาได้เปลี่ยนการจดจ่อของเขาทั้งหมดไปที่พระองค์ และ มุ่งจิตใจของเขาทั้งหมดไปยังพระองค์แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น
การจดจ่อของเขาที่มีต่อภาระจำเป็นและผลประโยชน์ต่างๆ ของดุนยา (โลกนี้) นั้นได้ถูกขจัดให้ พ้นไปจากตัวของเขา หัวใจของเขาว่างเปล่าปราศจากมัน ช่างเป็นการใช้ชีวิตที่ดียิ่งอะไรเช่นนี้ ช่างเป็นหัวใจที่ได้รับความสุขอะไรเช่นนี้ ช่างเป็นความปิติ ความอิ่มเอมใจที่ยิ่งใหญ่อะไรเช่นนี้ !
สำหรับบุคคลที่ปฏิเสธที่จะกระทำการดังกล่าว กลับบริหารจัดการและเลือกเฟ้นสิ่งต่างๆ ด้วยตัวของพวกเขาตามลำพัง ให้ความสำคัญกับสิ่งที่เขามีส่วนอยู่ โดยไม่คำนึงถึงสิทธิของพระผู้เป็นเจ้าของเขา พระองค์จะละทิ้งเขาและสิ่งที่เขาได้เลือกมัน พระองค์จะเปลี่ยนทิศทางเขาไปยังสิ่งที่เขาครอบครองอยู่ ผลก็คือ ความทุกข์กังวล ความหวาดวิตก ความเครียด และความอ่อนล้า จะเข้ามาห้อมล้อมตัวเขา
ในที่สุด สภาวะต่างๆ ก็เขาสู่ความมืดมนและความเลวร้าย หัวใจขาดความบริสุทธิ์ การงานขาดการชำระล้าง ความหวังเลือนหาย การผ่อนคลายหมดสิ้น ความสุขไม่เกิดขึ้น ยิ่งกว่านั้น เขาไม่รู้สึกถึงความสุข ความปิติ ความเย็นตาเย็นใจใดๆ อีก เขาจะทำงานหนักในดุนยานี้ เสมือนการทำงานหนักของสัตว์ หาได้มีความหวังใดๆ หรือได้ช่วยตระเตรียมๆ เพื่อชีวิตโลกหน้าไม่
(อ้างจาก อัล ฟะวาอิด ของ อิบนุ กอยยิม หน้า 209)
เมื่อใดก็ตามที่หัวใจได้พึ่งพาต่ออัลลอฮฺ มอบหมาย (ตะวักกุล) ต่อพระองค์ และไม่ยอมสยบต่อความคลุมเครือต่างๆ และต่อจินตนาการลวงที่เลวร้ายทั้งหลาย เขาไว้วางใจต่ออัลลอฮฺ และกระหายในความโปรดปรานของพระองค์
เมื่อนั้นแหละเขาจะได้รับการปกป้องให้พ้นจากความทุกข์กังวลทั้งหลาย และทำให้ความเจ็บป่วยต่างๆ จำนวนมากทั้งทางจิตใจและร่างกายได้รับการขจัดให้หมดสิ้นไป หัวใจจะได้รับความเข้มแข็ง การผ่อนคลายและความสุข โดยไม่สามารถหาคำอธิบายใดๆ ได้ เขาได้รับการปลดปล่อย ด้วยการที่อัลลอฮฺ เป็นผู้ปลดปล่อยเขา และประทานความสำเร็จให้แก่เขา ด้วยการต่อสู้ดิ้นรนกับตัวเอง (ญิฮาด อัน นัฟสฺ) เพื่อให้ได้รับเหตุที่ก่อเกิดผลต่างๆ ในการสร้างความเข้มแข็งให้กับหัวใจ
ดังที่อัลลอฮฺ ได้ตรัสไว้ว่า
“และผู้ใดมอบหมายต่ออัลลอฮฺ พระองค์ก็จะทรงเป็นผู้พอเพียงแก่เขา”
(65:3)
หมายความว่า เขามีความพอเพียงต่อทุกๆ สิ่งที่เขากังวลใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องศาสนาหรือดุนยา (โลกนี้)
ดังนั้น บุคคลที่มอบหมายต่ออัลลอฮฺ นั้น คือ ผู้ที่มีหัวใจที่เข้มแข็ง โดยไม่มีความคลุมเครือใดๆ เกิดขึ้นในนั้น หรือมีเหตุการณ์ใดๆ ที่จะทำให้เขาเกิดความทุกข์กังวลได้ อันเนื่องจากเขารู้ดีว่า สิ่งต่างๆ เหล่านั้นเป็นส่วนหนึ่งของความอ่อนแอของจิตใจ ความอ่อนล้า ความกลัว ซึ่งหาได้เป็นแก่นสารความจริงใดๆ สำหรับตัวเขาไม่
ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้ดีว่า เป็นไปได้ที่อัลลอฮฺ จะเกื้อหนุนสิ่งต่างๆ ให้บุคคลที่มอบหมายต่อพระองค์ ด้วยการปกป้องดูแลอย่างพรั่งพร้อม ดังนั้น เขาจึงวางใจในพระองค์และรู้สึกสงบในคำสัญญาของพระองค์ จึงทำให้ความวิตกกังวลถูกขจัดให้พ้นไปจากตัวเขา และเปลี่ยนความยุ่งยากเป็นความง่าย เปลี่ยนความเศร้าเป็นความปิติ เปลี่ยนความกลัวเป็นความปลอดภัย
ดังนั้น เราจะต้องวิงวอนขอต่ออัลลอฮฺ ให้ปลดปล่อยตัวเรา (จากความทุกข์) และให้ประทานความโปรดปรานแก่เรา ด้วยให้มีหัวใจที่เข้มแข็งมั่นคง ผ่านการมอบหมาย (ตะวักกุล) ที่สมบูรณ์แบบต่อพระองค์
ซึ่งพระองค์จะทรงเกื้อหนุนความดีทั้งมวลแก่ผู้ที่มีการมอบหมาย(ต่ออัลลอฮ์)
และปกป้องเขาให้พ้นจากสิ่งที่น่ารังเกียจ และความผิดทั้งมวล
(อ้างจาก อัล วะสาอิล อัล มุฟีดะฮฺ ลิล ฮายาฮฺ อัส ซะอีดะฮฺ ของ อิบนุ ซะอฺดียฺ)
หนังสือ คลายทุกข์ ด้วยคำสอนอิสลาม
แปลและเรียบเรียงโดย : อบุล ลัยษฺ