วิธีการที่พวกอุตริใช้เพื่อกระจายความหลง
  จำนวนคนเข้าชม  1691


วิธีการที่พวกอุตริใช้เพื่อกระจายความหลง


 


เชค อับดุลลอฮฺ อั้ลบุคอรีย์


 


วิธีการที่พวกอุตริต่อเติม และบิดเบือนศาสนามักจะใช้กัน เพื่อกระจายความหลงให้มันแพร่หลายออกไป 


 

   1. เอาตัวบทที่ให้ความหมายแบบเป็นนัย / ให้ความหมายกึ่งๆ มาเป็นฐานเพื่อสนับสนุนแนวคิดของตัวเอง และโยนตัวบทที่มีความหมายชัดๆสื่อความหมายตรงๆทิ้ง

         - ทั้งๆที่แนวทางที่ถูกต้องที่บรรดานักวิชาการได้วางไว้เกี่ยวกับกรณีแบบนี้คือ ต้องพยายามเชื่องโยงตัวบทประเภทนี้ทั้งหมดให้กลับเข้าหาตัวบทที่ให้ความหมายแบบชัดๆตรงๆให้ได้ เพื่อให้ตัวบททั้งหมดที่มีเดินไปในทิศทางเดียวกันและ ให้ความหมายที่สอดคล้องกันได้ ที่ตัองทำอย่างนี้ก็เพราะ ตัวบททั้งหมดทั้งสองกลุ่มล้วน มาจากอัลลอฮฺ และในเมื่อทั้งหมดมาจากอัลลอฮฺ นั้นก็แปลว่า จะต้องไม่มีการขัดกันเองเกิดขึ้นเป็นอันขาด เพราะอัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ทรงรับรองไว้เช่นนั้นแล้ว


   2. ยึดหลักที่ว่า เชื่อตามนี้ก่อนแล้วค่อยไปหาหลักฐานมาใส่ทีหลัง

          -พวกอุตริ จะเอาอารมณ์ (หมายถึง ทุกอย่างที่ค้านกับซุนนะฮฺ) มาเป็นเป้าหมายหลักแล้ว เอาความถูกต้องมาไว้เป็นเรื่องรอง ต่างจากชนแห่งซุนนะฮฺ ที่เอาความถูกต้องขึ้นมาเป็นที่หนึ่ง เรื่องอื่นๆ-ถ้าหากมี- จะต้องเป็นเรื่องรองเสมอ


   3. ตีความความหมายตัวบท สวนทางกับสิ่งที่บรรดาศ่อฮาบะฮฺเขาเข้าใจกัน

          - การกระทำนี้ทำให้พวกอุตริเข้าใจอัลกุรอานและซุนนะฮฺไปอย่างผิดเพี้ยน ไม่ตรงกับความหมายจริงที่ตัวบทต้องการจะสื่อ ส่งผลทำให้พวกเขากลายเป็นพวกแหวกแนวและหลุดออกจากเส้นทางของมวลมุสลิม

         ท่านอิบนุอับบ้าส ร่อดิยั้ลลอฮุอันฮุ ได้ว่าไว้ ตอนที่ท่านไปคุยกับพวกค่อวาริจ ท่านบอกให้คนพวกนั้นลองพิจารณาตัวเองให้ดีๆ แล้วจะเห็นว่า ในจำนวนเรือนหมื่นที่พวกเขามีอยู่นั้น ไม่มีศ่อฮาบะฮฺหลุดไปกับพวกเขาเลยซักคนเดียว ! มันน่าแปลกไหม ?


   4. ให้น้ำหนักกับการใช้ความเห็นมากๆ

          - พฤติกรรมนี้เป็นผลพวงที่เกิดขึ้นมาจากความผิดเพี้ยนในข้อที่แล้ว คือ พวกเขาไม่ยอมใช้ความเข้าใจของศ่อฮาบะฮฺ ในการทำความเข้าใจกับตัวบทอัลกุรอาน และอัลฮะดีษ พวกเขาก็เลยต้องหันมาหาความเห็นแทน สุดท้ายจึงกลายเป็นว่า พวกเขาต้องเข้ามาให้ความหมาย อัลกุรอานและฮะดีษกันเองตามความคิดเห็น และตามมุมมองที่พอจะคิดกันออกมาได้ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่อันตรายและร้ายแรงมาก

          ถึงแม้ว่าจะมีบ้างในบางกรณีที่พวกเขาจะพยายามหยิบเอาคำอธิบายของสลัฟบางท่านมายึดโยงกับความเห็นของพวกตนที่ได้แสดงไว้ เพื่อใช้เป็นข้อมูลสำหรับสนับสนุนว่าความเข้าใจของพวกเขามันถูก แต่หารู้ไม่ว่าที่สลัฟบางท่านมีคำพูดที่ไปตรงกับความเห็นของพวกเขาได้นั้น จริงๆแล้วมันเกิดเพราะความผิดพลาดในความคิดของพวกเขาเอง และความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องของพวกเขา


   5. เบาความในการยึดถือและปฏิบัติตามแนวทางของท่านร่อซู้ล ศอลลัลลอฮฺอลัยฮิวะซั้ลลัม

           - โดยพื้นฐานแล้ว คนพวกนี้เอาเข้าจริงก็จ้องจะคิดเห็นอะไรๆ ให้มันขัดกับซุนนะฮฺไปเสียเกือบหมด อะไรที่ซุนนะฮฺบอกใช่พวกเขาจะบอกไม่ใช่ อะไรที่ซุนนะฮฺบอกว่าไม่ พวกเขาจะบอกได้ เพราะมันเป็นสิ่งที่ดีจะเป็นไรไป.. ซึ่งท่าทีตรงนี้มันค้านกันกับท่าทีของชาวซุนนะฮฺ เพราะชาวซุนนะฮฺจะมีมาตราฐานอยู่ข้อนึงที่ว่า ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เราจะไม่เอาความเห็น,ไม่เอาปัญญาไปขัดกับซุนนะฮฺของท่านนบี ศอลลัลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัม เด็ดขาด


   6. มีความบกพร่อง -ไม่ว่าจะโดยเจตนาหรือไม่ก็ตามแต่- 

          ในการรวบรวมตัวบททั้งหมดที่อยู่ในเรื่องเดียวกัน แล้วนำมาศึกษาทำความเข้าใจในภาพรวมทั้งหมดเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง รอบด้าน และตรงตามเจตนารมณ์ของข้อมูลที่ถูกสื่อเอาไว้ให้ได้มากที่สุด แต่กลับกัน คนพวกนี้กลับเลือกที่จะหยิบจับเอาตัวบทเฉพาะแค่บางส่วนที่มองว่าเป็นประโยชน์กับแนวคิดของพวกตัวเองไว้เท่านั้นเป็นพอ ส่วนตัวบทอื่นๆที่เหลืออยู่ที่ไม่ตรงกับแนวคิดของพวกตนก็ทำเป็นเฉย โดยไม่ต้องไปพูดถึง


   7. เอาหลักฐานไปใช้ผิดที่ผิดทาง ผิดเจตนารมณ์ ผิดความหมาย

          -เหมือนที่พวกค่อวาริจทำกัน โดยเอาตัวบทที่พูดถึงกาเฟรมาใชักับมุสลิม ซึ่งไม่ได้ดูเลยว่ามันใช่หรือไม่ใช่ มันถูกที่ถูกทางหรือเปล่า ?


   8. ใช้ความสามรถพิเศษในการปรับแต่งให้คำพูดของนักวิชาการ กลายมาเป็นเครื่องมือที่ให้การสนับสนุนความถูกต้องของแนวคิดของพวกตน เพื่อขยายโอกาสในการแพร่กระจายความหลงผิดของพวกเขาให้เป็นที่ยอมรับได้ง่ายยิ่งขึ้น


   9. อาศัยรูปประโยคงามๆ คำพูดสวยๆ ฟังแล้วดูดี ที่ให้ความหมายกึ่งๆเข้าใจไปได้หลากหลาย มาใช้ในการกระจายความหลง เพื่อให้คนซึมซับความเลวร้ายของพวกเขาเข้าไปได้ง่ายขึ้น


   10. เอาความจริงไปผสมไว้ในความเท็จเพื่อให้เกิดการสับสน ตบตา ลังเล เอ้...มันก็น่าจะดีนะ! ก็น่าจะใช่นี่ ! ในขณะเดียวกันก็พยายามปิดบังความจริงไว้ไม่ให้เป็นที่ประจักษ์ ไม่ให้ผู้คนได้รับทราบ


   11. ปั้นบุคคลหลง ๆ ขึ้นมา เอามาโปรโมท เอามาปรุงให้กลายเป็นคนน่าเชื่อถือ เพื่อเป็นที่อาศัยพึ่งพาและไว้วางใจ กลายเป็นคนสำคัญ เป็นคนเด่น เป็นคนดังที่ต้องให้ได้รับการเชิดชู


   12. จาบจ้วงนักวิชาการชาวซุนนะฮฺ กล่าวหาดิสเครดิตสร้างความไม่น่าเชื่อถือ หลายครั้งอาจถึงขึ้นบอกว่า เป็นกาเฟร (โดยไร้หลักฐานพิสูจน์ยืนยัน) กันเลยทีเดียว





อาบีดีณ โยธาสมุทร : ถอดความและเรียบเรียง