การมองไปยังอัลลอฮฺ
แปลและเรียบเรียง อาบีดีน โยธาสมุทร
ความเชื่อเรื่องการมองไปยังอัลลอฮฺ อั้ซซะวะญัล
1 - การเชื่อว่า มุอมิน จะได้มองและได้เห็นอัลลอฮฺ ตะอาลา จริงๆในวันอาคิเราะ เป็นเรื่องที่คนที่อยู่บนแนวทางที่ถูกต้อง ต่างเชื่อถือและให้การยืนยัน ดังนั้น จึงมีเฉพาะคนที่หลงทางเท่านั้นที่จะออกมาเห็นต่างในเรื่องๆนี้
2 - ในดุนยานี้ใครก็ตามที่ปฏิเสธและไม่ยอมเชื่อเรื่องการจะได้เห็นอัลลอฮฺ จริงในโลกหน้า คนนั้นๆก็เหมาะแล้วที่จะถูกห้ามไม่ให้เห็นพระองค์จริงๆ เมื่อเวลาที่ถูกกำหนดไว้นั้นมาถึง
3 - อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสไว้ว่า
وجوه يومئذ ناضرة. الى ربها ناظرة
"วันนั้นหลายใบหน้าจะเบิกบาน โดยจะมองไปยังพระเจ้าของมัน"
หมายถึง ใบหน้าพวกนั้นได้มองไปที่พระเจ้าของพวกมันอยู่เชคบอกว่า อิบนุกอยยิมกล่าวว่า คำพูดนี้คือคำอธิบายของ นักวิชาการตัฟซีร ทุกคนที่มาจากอะฮฺลุ้ลฮะดี้ษและซุนนะฮฺ
และพระองค์ ตรัสว่า
كلا إنهم عن ربهم يومئذ لمحجوبون.ثم إنهم لصالوا الجحيم
"มันไม่เป็นอย่างนั้นหรอก แต่ว่าในวันนั้นพวกเขาย่อมต้องเป็นพวกที่ถูกปิดกั้นจากพระเจ้าของพวกเขาอย่างแน่นอน
จากนั้นพวกเขาก็ต้องเป็นพวกที่เข้านรกอย่างแน่นอน"
จากคำตรัสนี้ ดังนั้นใครที่ปฏิเสธเรื่องการได้มองและได้เห็นอัลลอฮ์ ในโลกหน้า ก็เท่ากับว่าเขากำลังอ้างว่า มุนมินกับกาเฟรนั้นไม่ต่างกัน เพราะทั้งคู่ก็ต่างไม่ได้เห็นพระเจ้าด้วยกันทั้งคู่นั่นเอง (ซึ่งขัดแย้งกับกุรอาน)
4 - อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสว่า
وكان بالمؤمنين رحيما. تحيتهم يوم يلقونه سلام..
"และทรงเป็นผู้ทรงเอ็นดูแก่บรรดาผู้ศรัทธาอย่างเป็นการเฉพาะ
คำกล่าวทักทายพวกเขา วันที่พวกเขาได้พบกับพระองค์คือ สลาม"
อิหม่ามอั้ลอาญุ้รรี่ บอกไว้ว่า : สำหรับนักภาษาศาสตร์แล้ว การได้พบ ณ ที่นี้ ใช้ได้แค่เพียงการเห็นกันด้วยตาเท่านั้น คือ อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงเห็นพวกเขาและพวกเขาก็เห็นพระองค์...
5 - ท่านอิหม่ามอั้ลอาญุ้รรี่ บอกไว้ว่า ใครก็ตามที่ปฏิเสธข้อมูลเหล่านี้ แน่นอนว่าเขาก็ได้ปฏิเสธ(ศรัทธา)เสียแล้ว
ส่วนในกรณีของการตัดสินแบบเจาะจงตัวบุคคลนั้น ก่อนอื่นจะต้องชี้แจงข้อเท็จจริงให้เขาทราบแบบชัดเจนก่อน ให้เขารู้ว่ามันถึงขั้น กุฟุร เลยนะเรื่องนี้ แล้วก็ต้องพยายามลบข้อสงสัยขจัดข้อกังขาที่เขามีอยู่ออกไปให้หมดก่อน แล้วก็ยังต้องเอาหลักฐานมายืนยันกันให้ชัดให้เขาเห็นไปเลยว่าเขาน่ะผิดอยู่ (إقامة الحجة,) ด้วย แล้วถึงจะมาว่ากันต่อ
6 - ฮะดีษที่พูดถึงเรื่องการได้เห็นอัลลอฮฺ ในโลกหน้านั้น ได้มีการรายงานไว้มากมายถึงขั้น ตะวาตุ้ร เลยนะครับ (มากถึงขั้นที่ว่า เป็นไปไม่ได้ที่คนจำนวนขนาดนี้จะมาพูดอะไรออกมา แบบตรงๆกัน /เป็นไปในทางเดียวกันหมดเลยได้) ซึ่งข้อมูลในเรื่องนี้ เป็นการรายงานข้อมูลจากศ่อฮาบะฮฺจำนวนราวๆ 30 ท่าน ร่อดิยั้ลลอฮุอันฮุม
7 - มุอฺมิน จะได้เห็นพระเจ้ากันอย่างชัดเจน โดยไม่ต้องเบียดและไม่ต้องไปแย่งกัน เหมือนกับที่ในโลกนี้เราแต่ละคนก็สามารถมองดูจันทร์เพ็ญในคืนฟ้าใสกันได้อย่างชัดเจนโดยไม่ต้องไปเบียดเสียดกันเพื่อจะให้ได้เห็นดวงจันทร์ในค่ำคืนนั้น
8 - หนึ่งในการกระทำที่จะทำให้เราได้รับรางวัลอันยิ่งใหญ่ชิ้นนี้ก็คือ การรักษาการละหมาด ในฮะดี้ษพูดถึงละหมาด ซุบฮิ กับอัศริ
เชคอั้ลอาญุ้รรี่บอกว่า เป็นเพราะว่าสองเวลานี้เป็นเวลาที่ผู้คนจะละเลยกันมากที่สุด และการละหมาด เป็นพฤติกรรมที่จะคอยช่วยเราให้ก้าวเข้าสู่เรื่องดีๆ ทั้งหมดทั้งปวงได้ และในขณะเดียวกันก็ยังเป็นตัวปิดกั้นเราให้ออกห่างจากอะไรที่ไม่ดีๆ ทั้งหลายอีกด้วย
เชคอั้ลอาญุ้รรี่บอกว่า ผลตอบแทนที่ว่านี้จะได้มาก็ต้องอาศัยการต่อสู้และบากบั่น ดังนั้นถ้าหากคนเรามามัวเสียท่า ไม่รักษาเรื่องละหมาดไว้ให้ดี เราเองก็จะต้องถูกห้ามจากผลตอบแทนนี้(การได้เห็นอัลลอฮ์)ไปในที่สุด
وصلى الله على محمد وآله وصحبه