ส่งเสริมความดีและห้ามปรามความชั่ว คือการปกป้อง
  จำนวนคนเข้าชม  2967


ส่งเสริมความดีและห้ามปรามความชั่ว คือการปกป้อง

แปลและเรียบเรียงโดย อับดุลวาเอด สุคนธา


การส่งเสริมทำความดี และ ห้ามปรามความชั่ว คือ การปกป้องประชาชาติให้รอดพ้นจากความพินาศ
 

          แท้จริงการส่งเสริมความดีและห้ามปรามความชั่ว คือการปกป้องประชาชาติรอดพ้นจากความพินาศ และปกป้องให้รอดพ้นจากความสูญเสีย และเมื่อใดก็ตามที่ประชาชาติละเลยต่อรูปแบบการกระทำดังกล่าวก็จะนำมาซึ่งความชั่วร้ายต่าง ๆ มากมายที่จะเกิดขึ้น และแพร่กระจายอาชญากรรม ความโสมมในสังคมกลายเป็นแหล่งแห่งความชั่ว ทำให้คนส่วนมากนั้นเป็นคนไม่ดี พวกเขาจะยึดเอาสิ่งไม่ดีในการใช้ชีวิต ส่งเสริมในสิ่งที่ชั่วร้าย ห้ามปรามในสิ่งที่เป็นความดี ไม่ปฏิบัติตามแบบอย่างของท่านนบี พากันละทิ้ง จนทำให้ก่อให้เกิดบิดอะในศาสนา บิดเบือนหลักการศาสนาทีละอย่างๆ จนกระทั่งประชาชาตินั้น ได้สลัดศาสนาออกจากตัวของพวกเขาทั้งหมด ไม่เหลือแม้กระทั่งจรรยามารยาทอันดีงาม แบบอย่างที่มีเกียรติ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะกล่าวอ้างว่า คือผู้ที่แก้ไข้ปรับปรุงให้ดีขึ้นก็ตาม 
 

ดังที่อัลลอฮฺ  ตรัสความว่า

 

"และเมื่อได้ถูกกล่าวแก่พวกเขาว่า พวกท่านจงอย่าก่อความเสียหายแก่แผ่นดินซิ 

พวกเขาก็กล่าวว่า ที่จริงนั้นเราเป็นผู้ปรับปรุงให้ดีต่างหาก 

พึงรู้เถิดว่า แท้จริง พวกเขานั่นแหละเป็นผู้ที่ก่อความเสียหาย แต่ทว่าพวกเขาไม่รู้สึก"
 

(อัล-บะเกาะเราะฮ 11-12)

 

          ท่านอิบนุอากีล อัลฮัมบาลี กล่าวว่า “หากเขานิ่งเงียบความจริง พูดความเท็จ เท่ากับเขานั้นกำลังทำสิ่งที่มองไม่เห็นให้เกิดขึ้น และรังเกียจกับสิ่งที่มองไม่เห็น เมื่อใดก็ตามที่เขาละเลยในเรื่องของศาสนา ละทิ้งซุนนะ มันจะกลับกลายว่าสิ่งที่ถูกต้องกลายเป็น บิดอะฮ์ การอุตริกรรมทางศาสนา และดังกล่าวนี้แหละได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ซึ่งบุคคลที่ยืนอยู่บนความจริงกลับกลายถูกมองว่าเป็นบุคคลกระทำบิดอะฮ์"



ท่านอบูบัก อัล ค็อลลาน จาก อิม่ามอะหมัดกล่าวว่า 
 

       “มีมนุษย์ในยุคหนึ่ง แท้จริงมุมินนั้นอยู่ท่ามกลางศพที่มีกลิ่นเหม็น และคนมุนาฟิกใช้นิ้วชี้ มีคนกล่าวขึ้นมาว่า ชี้นิ้วไปยังกลุ่มคนมุนาฟิกได้อย่างไร ?

       มีการตอบว่า พวกเขานั้นทำให้คำสั่งของอัลลอฮฺกลายเป็นเรื่องไร้สาระไร้ประโยชน์ มุมินผู้ศรัทธา เมื่อเห็นการส่งเสริมความดี และห้ามปรามความชั่วหากขาดความอดทนอดกลั้น ก็จะนำมาซึ่งความคิดที่มองว่าเป็นการกระทำที่ไร้ค่า ไม่มีประโยชน์อันใด และบรรดามุนาฟิกมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่บอกถึงการกระทำของพวกเขา 

พวกเขากล่าวอีกว่า ใช่แล้ว มนุษย์อยู่กับการกระทำที่ไร้สาระ"

ท่านอิหม่าม อะหมัด กล่าวว่า “ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ แท้จริงนั่นคือ ยุคแห่งการหลงระเริง" 


          ท่านอุไซฟะบอกว่า "อันเนื่องมาจากการละทิ้งการส่งเสริมความดี และ ห้ามปรามความชั่ว ซึ่งเป็นสิ่งที่หนักอึ้งในจิตใจแม้ว่ามันจะเล็กน้อยก็ตาม และในสายตาที่น่ารังเกียจแม้ว่าจะมีความสงสาร แต่การปล่อยให้เรื่องเท็จเกิดขึ้น และความคิดที่หลงผิด มีเจตตนาที่ไม่ดี จึงก่อให้เกิดศัตรู ขาดเพื่อนสนิท


          ประชาชาติอิสลามนั้น จะรอดพ้นจากความพินาศ และจะสามารถปกป้องส้งคมให้รอดพ้นจากความเสื่อมเสีย คือการส่งเสริมความดี และ ห้ามปรามความชั่ว 

อัลลอฮฺ  ตรัสความว่า

"และพวกเจ้าจงระวังการลงโทษ ซึ่งมันจะไม่ประสบแก่บรรดาผู้อธรรมในหมู่พวกเจ้าโดยเฉพาะเท่านั้น

และพึงรู้เถิดว่า แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้รุนแรงในการลงโทษ"

(อัล-อันฟาล 25)

          นี่คือการเตือนให้ระวังจากอัลลอฮฺ ตะอาลา กับการละทิ้งในการยับยั้งความชั่วที่กำลังแพร่ระบาด ไม่ยอมตักเตือนเมื่อเห็นสิ่งที่ขัดต่อหลักการของศาสนา อัลลอฮฺทรงลงโทษกับบุคคลเหล่านี้ เพราะพวกเขาคือคนที่อธรรม แม้ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะไม่ได้กระทำก็ตาม


          อิหม่าม อัลกุรตุบีร์กล่าวว่า อุลามาของเราบอกว่า "เมื่อรู้ว่ามีการลงโทษเกิดขึ้นจะนำไปสู่ความหายนะ เมื่อความชั่วเกิดขึ้นอย่างแพร่ระบาด จะไม่สามารถยับยั้งได้ และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้"



          ท่านเชค ชังกีตี้ กล่าวว่า "จุดประสงค์ของคำว่า การลงโทษ ซึ่งมันจะประสบแก่บรรดาผู้อธรรม และคนอื่นด้วยทั้งหมดเช่น เมื่อมนุษย์เห็นความผิดแต่ไม่ตักเตือน อัลลอฮฺจะทรงลงโทษทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือ ไม่ดี"



         ท่านอิบนุ อารอบี้ กล่าวว่า "การนิ่งเงียบต่อเรื่องที่ชั่วช้าไม่ตักเตือน อัลลอฮฺทรงรีบเร่งการลงโทษ ในโลกนี้ให้เขานั้น บกพร่องกับทรัพย์สิน เงินทอง ชีวิต พืชผักผลไม้ ต่างๆมากมาย อยู่ท่ามกลางความอัปยศ ตกต่ำ ณ ที่มนุษย์"



          พี่น้องทั้งหลาย จงยำเกรงต่ออัลลอฮฺ พึงระวังต่อกลุ่มคนที่ละทิ้งการการส่งเสริมความดี และห้ามปรามความชั่ว เพราะว่าการกระทำของบุคคลเหล่านี้ เท่ากับต่อต้านคำสั่งใช้ของอัลลอฮฺ  ชึ่งจะมีมาอย่างแน่นอนกับการลงโทษของพระองค์



مرجع موقع هيئة الأمربالمعروف والنهي عن المنكر