สัตว์ที่ถูกเชือดโดยชีอะห์ อัรรอฟิเฎาะอ์
  จำนวนคนเข้าชม  4771

 

สัตว์ที่ถูกเชือดโดยชีอะห์ อัรรอฟิเฎาะอ์


 

แปลและเรียบเรียง กิสมัต  ปาทาน

        พวกเราอาศัยอยู่รวมกับชีอะห์ และพวกเรารู้ว่าหลักอะกีดะห์ของชีอะห์มีความแตกต่างในด้านอัลกุรอานและซุนนะห์ พร้อมกับการเรียกร้องพวกเขาสู่อิสลาม ดังนั้นอนุญาตให้เรารับประทานสัตว์ที่พวกเขาเชือดได้หรือไม่ ซึ่งพวกเขากล่าวขณะเชือดด้วยกับพระนามของอัลลอฮ์ (พวกเขาขายเนื้อสัตว์ที่พวกเขาเชือดในตลาดเพื่อที่พวกเขาจะนำไปกราบไหว้กุโบรหรือบรรดาผู้ที่เสียชีวิตไปแล้วหรือสำหรับการบนบาน)

 

มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิสำหรับอัลลอฮ์เท่านั้น
 

        จากบรรดาเงื่อนไขของการเชือดสัตว์ที่เป็นที่อนุญาติ(ฮะล้าล) คือผู้ที่เชือดจะต้องเป็นมุสลิมหรือชาวคัมภีร์ ดังนั้นไม่อนุญาติให้ท่านรับประทานสัตว์ที่ถูกเชือดโดยมุชริกและพวกบูชาไฟและผู้ที่ตกศาสนา และชีอะห์นั้น อะกีดะห์โดยรวมของพวกเขาและการปฏิบัติต่างๆของพวกเขานั้น ได้หลุดออกไปจากศาสนาอิสลามแล้ว เช่น การที่พวกเขาเชื่อว่าอัลกุรอานไม่สมบูรณ์(ถูกเปลี่ยนแปลง ) และแท้จริงบรรดาอิมามของพวกเขารู้ในสิ่งเร้นลับ(อัลฆัยบฺ) และแท้จริงบรรดาอิมามของพวกเขาถูกปกป้องจากความผิด(มะอฺซูม) จากการหลงลืมและความผิดพลาด และการร้องไห้อย่างครวญครางให้แก่ผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว และพวกเขาทั้งหลายเรียกร้องไปสู่สิ่งอื่นจากอัลลอฮฺ และทำการสุญูดให้กับกุโบรของพวกเขา และด่าทอมนุษย์ที่ประเสริฐที่สุดหลังจากบรรดานบีและร่อซู้ล ซึ่งพวกเขาคือบรรดาซอฮาบะห์ของท่านนบีมุฮัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และชีอะห์ ได้ทำการตักฟีร(ตัดสิ้นว่าเป็นกาเฟร) แก่บรรดาซอฮาบะห์ทั้งหมด
 

       ดังนั้นใครที่เชื่อแบบสิ่งดังกล่าวข้างต้น หรือทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ทำให้เป็นผู้ปฎิเสธ ดังนั้นเขาได้ออกจากอิสลามแล้ว และไม่อนุญาติให้รับประทานสัตว์ที่พวกเขาเชือด

 

        สภาอัลลุจนะห์ อัดดาอิมะห์ ลิลอิฟตาห์ ได้ถูกถามถึง การเชือดสัตว์ของชีอะห์ อัลญะอฺฟะรียะห์ หมายเหตุ พวกเขาเรียกร้องไปสู่ท่าน อาลี ท่านฮาซัน และท่านฮุเซน และผู้อื่นๆที่คอยช่วยเหลือพวกเขา(อาลี ฮาซัน ฮุเซน) ให้เจริญรุ่งเรืองและเข็มแข็ง 
 

สภาอุลามาอฺได้ตอบคำถามว่า
 

       ถ้าเป็นเช่นนั้นดังที่ผู้ถามได้กล่าวเอาไว้ ดังนั้นพวกเขาทั้งหลาย(ผู้ที่เรียกร้องไปสู่ชีอะฮ์) ได้อยู่ในสภาพของ มุชริก ตกศาสนาออกจากอิสลามไปแล้ว และไม่อนุญาติให้รับประทานสัตว์ที่ถูกเชือดโดยพวกเขา เพราะว่า มันเป็นซากสัตว์ มาดแม้นว่า ขณะที่เขาเชือดนั้น เขาจะกล่าวพระนามของอัลลอฮ์ก็ตาม 
 

(โปรดดู ฟะตาวา อัลลุจนะห์ อัดดาอิมะห์ เล่ม 2 หน้า264 )

มีคำถามหนึ่งเช่นเดียวกัน

        ฉันเป็นเผ่าที่อาศัยอยู่ในชายแดนทางตอนเหนือ และผสมพสานไปด้วยเผ่านอื่นๆ ในประเทศอิรัก และมัสฮับ(แนวทาง) ของพวกเขาคือ ชีอะห์ วะซะนียะห์ พวกเขาอิบาดัตต่อกุโบร โดยเรียกขานถึงท่าน อาลี,ฮาซัน,ฮุเซน และเมื่อคนหนึ่งคนใดในหมู่พวกเขา ได้ทำอิบาดะห์ พวกเขาจะกล่าวว่า โอ้อาลี โอ้ฮุเซนเอ๋ย และแน่นอนบางส่วนจากพวกเขาทั้งหลายได้แต่งงานกับพวกเรา และแน่นอนพวกเราได้ตักเตือนพวกเขา แต่พวกเขาไม่เคยที่จะฟัง และแน่แท้ฉันเคยได้ยินว่า ห้ามกินสัตว์ที่เชือดจากพวกเขา แต่พวกของฉันไม่เชื่อ และฉันขอให้เชคช่วยชี้แจงในสิ่งที่จำเป็นในเรื่องนี้ด้วยครับ

สภาอุลามาอฺอัลลุจนะห์ อัดดาอิมะห์ ได้ตอบคำถามว่า

        ถ้าเป็นเช่นนั้นดังที่ผู้ถามได้กล่าวเอาไว้ ดังนั้น พวกเขา(ผู้ที่ยืนขึ้นเรียกร้อง) ไปหาท่านอาลี ฮุเซน หรือในทำนองนี้ พวกเขาทั้งหลายได้ตกอยู่ในสภาพของ มุชริกูน ทำชีริกใหญ่ และตกศาสนาไปแล้ว ดังนั้นไม่อนุญาต ให้สตรีมุสลิมะห์ไปแต่งงานกับพวกเขา และไม่อนุญาตให้พวกเราไปแต่งงานกับสตรีของพวกเขา และไม่อนุญาติให้กินสัตว์ที่ผ่านการเชือดโดยพวกเขา ดังที่ อัลลอฮ์ ตะอาลาได้ตรัสความว่า 

       "และพวกเจ้าจงอย่าแต่งงานกับหญิงมุชริก จนกว่านางจะศรัทธา และทาสหญิงที่เป็นผู้ศรัทธานั้นดียิ่งกว่าหญิงที่เป็นมุชริก แม้ว่านางได้ทำให้พวกเจ้าพึงใจก็ตาม และพวกเจ้าจงอย่าให้แต่งงานกับบรรดาชายมุชริก จนกว่าพวกเขาจะศรัทธา

         และทาสชายที่เป็นผู้ศรัทธานั้นดีกว่าชายมุชริก และแม้ว่าเขาได้ทำให้พวกเจ้าพึงใจก็ตาม ชนเหล่านี้แหละจะชักชวนไปสู่ไฟนรกและอัลลอฮ์นั้นทรงเชิญชวนไปสู่สวรรค์ และไปสู่การอภัยโทษ ด้วยอนุมัติของพระองค์

        และพระองค์จะทรงแจกแจงบรรดาโองการของพระองค์แก่มนุษย์ เพื่อว่าพวกเขาจะได้รำลึกกันได้" 

(โปรดดู ฟะตาวา อัลลุจนะห์ อัดดาอิมะห์ เล่ม 2 หน้า264 )


เชคอับดุลลอฮ อัลญิบรีร ถูกถามถึง การกินสัตว์ที่ถูกเชือดโดย รอฟิเฎาะห์(ชีอะห์) ท่านจึงตอบว่า

 

          ไม่อนุญาติให้กินสัตว์ที่อัรรอฟิเฎาะห์(ชีอะห์)เชือด ดังนั้น แท้จริงแล้ว รอฟิเฎาะห์ ส่วนมากเป็นมุชริกูน ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหนก็จะร้องเรียกหาท่านอาลี บิน อบี ฎอเล็บ โดยเฉพาะในเรื่องความเข็มแข็งและความสำเร็จ แม้กระทั่งในทุ่งอะรอฟะห์ และการฎอวาฟ และสะแอ และพวกเขาได้ร้องเรียกถึงบรรดาลูกๆของท่านอาลี และบรรดาอิหม่ามของพวกเขา ดังเช่นที่เราเคยได้ยินผ่านๆมา และนี่คือ การทำชิริกใหญ่ และสิ้นสภาพจากการเป็นอิสลาม สมควรที่จะต้องฆ่าพวกเขา 

        เฉกเช่นที่พวกเขาพูดเกินความจริงถึงคุณลักษณะของท่านอาลี รอฎิยัลลอฮุอันฮุ และบรรดาคุณลักษณะทั้งหลายอีกด้วย ด้วยกับคุณลักษณะที่ไม่เป็นที่อนุญาตให้ใครใช้ นอกจากพระองค์อัลลอฮเท่านั้น และที่เราเคยได้ยินที่ทุ่งอะรอฟะห์ ดังกล่าวนี้ ทำให้พวกเขาได้ตกศาสนา โดยที่พวกเขาได้ทำให้ริบา(ดอกเบี้ยเป็นที่อนุญาต) และผันตัวเองว่าเป็นผู้ที่มีความรู้ที่เป็นสิ่งเร้นลับ และพวกเขายังได้ทิ่มแทงอัลกรุอ่านที่มีเกียรติ โดยให้ข้อหาว่า ศอฮาบะห์เปลี่ยนแปลงกรุอ่าน และโยนมันทิ้งไป และมีเรื่องอีกมากมายที่นำอะห์ลุ้ลเบต มาแอบอ้างและมุ่งเน้นทำลาย ไปยังศัตรูของพวกเขา และเรา(เชค ญิบรีร) ไม่เคยเห็นหลักฐานของพวกเขาเลยสักครั้ง 

         เช่นเดียวกันพวกรอฟิเฎาะห์ ได้สาปแช่งบรรดาศอฮาบะห์รุ่นใหญ่ คือ คอลีฟะห์ทั้งสาม และบรรดามารดาของมวลผู้ศรัทธา ทั้งสิบท่าน และบุคคลผู้มีเกียรติ เช่น ท่านอานัส ท่านญาบิร และอบีฮุร็อยรอฮ และอื่นๆ พวกรอฟิเฎาะห์ไม่รับบรรดาหะดีษจากคนเหล่านี้ พวกเขาให้กล่าวหาว่าเป็นกาเฟร และพวกเขาไม่สอนจากบรรดาหะดีษศอเฮียะห์นอกจากสิ่งที่มาจาก อะห์ลุ้ลเบต(ครอบครัววงค์วานของท่านนบี) เท่านั้น และมันคือข้ออ้างด้วยกับหะดีษที่โกหกขึ้นมา หรือพูดง่ายๆคือ ไม่มีหลักฐานในสิ่งที่พวกเขากล่าวอ้างเลย แต่ทว่าพวกเขาทั้งหลาย(ชีอะห์) เห็นพ้องตรงกัน 

          ดังที่พวกเขาพูดตรงกันว่า พวกชีอะห์รอฟิเฎาะห์กล่าวด้วยล้ิน(คำพูด) ของพวกเขา ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่มาจากหัวใจของเขา และสิ่งที่ซ่อนในตัวของเขา คือสิ่งที่ไม่เปิดเผยให้ใครรู้ และเหล่าชีอะห์พวกเขาได้กล่าวตรงกันอีกว่า ใครที่ไม่ตะกียะห์(อำพรางตน) ดังนั้น ไม่มีศาสนาสำหรับเขา ........(จนจบ)

ดังนั้นแล้ว อะกีดะห์ของพวกรอฟิเฎาะห์จึงเป็นอะกีดะห์ที่นิฟาก(กลับกลอก) เพียงพอแล้วที่อัลลอฮให้พวกเขาอยู่กับความชั่วช้า

วัลลอฮุอะอลัม


ที่มา http://islamqa.info/ar/60046