ตัลบิยะฮฺ คือ ถ้อยคำแห่งอัต-เตาฮีด
  จำนวนคนเข้าชม  9820

 

ตัลบิยะฮฺ คือ ถ้อยคำแห่งอัต-เตาฮีด

 

แปลและเรียบเรียง อันวา สะอุ

          ส่วนหนึ่งจากบทเรียนอันยิ่งใหญ่ที่มุสลิมได้รับในการประกอบพิธีหัจญ์ คือ ความบริสุทธิ์ใจในการประกอบอิบาดะฮฺทุกอย่างเพื่ออัลลอฮฺองค์เดียวเท่านั้น โดยไม่มีการตั้งภาคีใดๆร่วมกับพระองค์ ดังนั้นจะพบว่าประการแรกที่มุสลิมได้ปฏิบัติในการประกอบพิธีหัจญ์ของเขาคือการเปล่งถ้อยคำแห่งอัต-เตาฮีด และปฏิเสธการตั้งภาคี ด้วยประโยคที่ว่า

((لَبَّيْكَ اللَّهُمَّ لَبَّيْكَ ، لَبَّيْكَ لا شَرِيكَ لَكَ لَبَّيْكَ ، إِنَّ الْحَمْدَ وَالنَّعْمَةَ لَكَ وَالْمُلْكَ لا شَرِيكَ لَكَ))

          "โอ้อัลลอฮฺ ข้าพระองค์ได้ตอบสนองคำเรียกร้องของพระองค์ ข้าพระองค์ตอบสนองคำเรียกร้องของพระองค์ ด้วยการไม่ตั้งสิ่งใดมาเป็นภาคีกับพระองค์ แท้จริงการสรรเสริญ ความโปรดปรานและอำนาจเป็นของพระองค์ ไม่มีการตั้งสิ่งใดมาเป็นภาคีต่อพระองค์"

          เปล่งประโยคนั้นด้วยเสียงที่ดังกึกก้อง ทำให้เกิดความรู้สึกว่าจำเป็นต้องให้เอกภาพแด่อัลลอฮฺและห่างไกลจากการตั้งภาคี ดังที่อัลลอฮฺคือ ผู้ทรงเอกะในการประทานปัจจัยโดยไม่มีสิ่งใดมาเป็นหุ้นส่วน พระองค์คือผู้ทรงเอกะในการเชื่อมันโดยไม่มีสิ่งใดภาคีต่อพระองค์ ดังนั้นจึงไม่อนุญาตให้วิงวอนขอดุอาอ์ต่ออื่นใดนอกจากพระองค์ ไม่อนุญาตให้ทำการมอบหมายต่อสิ่งใดนอกจากพระองค์ ไม่มีการร้องขอความช่วยเหลือนอกจากขอจากพระองค์ และไม่อนุญาตให้ทำการอิบาดะฮฺ (การเคารพภักดี) ใดๆนอกจากทำการอิบาดะฮฺต่อพระองค์ ดังที่บ่าวของอัลลอฮ์ ถูกบัญชาให้มุ่งสู่การทำหัจญ์เพื่อพระองค์เท่านั้น

          ดังนั้นเขาจึงถูกใช้ให้ทำอิบาดะฮฺและการภักดีทุกอย่างเพื่ออัลลอฮ์ เพียงองค์เดียวเท่านั้น ผู้ใดที่ทำอิบาดะฮฺเพื่อสิ่งอื่นจากอัลลอฮฺ แท้จริงเขานั้นได้ตั้งภาคีต่อพระองค์ แล้วเขาผู้นั้นย่อมเป็นผู้ที่ขาดทุนอย่างแน่นอน อัลลอฮฺจะทรงให้การงาน(อะมั้ล)ที่เขาทำมาทั้งหมดมลายสูญสิ้นไปโดยเปล่าประโยชน์ และพระองค์จะไม่รับการต่อรองแลกเปลี่ยนด้วยทรัพย์สินใดๆ

          อิสลามได้นำคำเปล่งเสียงที่ยิ่งใหญ่คำนี้ ซึ่งเป็นคำเปล่งเสียงแห่งอัต-เตาฮีดและความบริสุทธิ์ใจต่ออัลลอฮฺ ห่างไกลจากการตั้งภาคีต่อพระองค์ในทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นชิริก(การตั้งภาคี) ชนิดเล็กหรือใหญ่ก็ตาม ในขณะที่บรรดาชาวมุชริก (ผู้ตั้งภาคี) ซึ่งเคารพบูชารูปปั้นและเจว็ด

พวกเขาเปล่งเสียงเพื่อเริ่มการประกอบพิธีหัจญ์ด้วยการตั้งภาคีและมีหุ้นส่วนกับอัลลอฮฺ ซึ่งพวกเขาจะเปล่งเสียงว่า

(( لَبَّيْكَ لا شَرِيكَ إِلا شَرِيكًا هُوَ لَكَ تَمْلِكُهُ وَمَا مَلَكَ ))

 " ข้าพระองค์ได้ตอบสนองคำเรียกร้องของพระองค์ ด้วยการไม่ตั้งสิ่งใดมาเป็นภาคีกับพระองค์

ยกเว้นตั้งภาคีกับผู้ที่พระองค์ทรงครอบครอง พระองค์ทรงครอบครองเขาและเขานั้นมิได้ครอบครองสิ่งใดๆ"

         พวกเขาได้กล่าวถึงเจว็ดที่พวกเขากราบไหว้เข้าไปในสำนวนคำกล่าวตัลบิยะฮฺ และพวกเขาได้ถือว่าอำนาจของเจว็ดนั้นอยู่ในพระหัตถ์ของอัลลอฮฺ ซึ่งสอดคล้องกับที่อัลลอฮฺได้ตรัสว่า

"และส่วนใหญ่ของพวกเขาจะไม่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ เว้นแต่พวกเขาเป็นผู้ตั้งภาคี"

 (ยูซุฟ : 106 )

        คือพวกมุชริก(ผู้ตั้งภาคี) ส่วนใหญ่จะไม่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺว่าพระองค์เป็นผู้ทรงสร้าง ผู้ให้ปัจจัย ผู้บริหารจักรวาล ยกเว้นพวกเขาจะตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺในอิบาดะฮฺของพวกเขา โดยเคารพรูปปั้นที่ไม่ได้ครอบครองสิ่งใดเลย บูชาเจว็ดซึ่งไม่ได้ให้คุณและโทษ ไม่ได้ให้หรือกีดกั้นปัจจัยได้ มันเหล่านั้นไม่ได้ครองครองสิ่งใดเลยสำหรับตัวมันเองนับประสาอะไรที่จะให้คุณหรือโทษแก่คนอื่น

          อิบนุญะรีรฺ อัฎเฎาะบะรีย์ รายงานจากอิบนุอับบาส เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา กล่าวว่า "ส่วนหนึ่งจากการศรัทธาของพวกเขา (บรรดามุชริก) เมื่อมีคนถามพวกเขาว่า ผู้ใดคือผู้สร้างชั้นฟ้า ผู้ใดคือผู้สร้างพื้นแผ่นดิน และผู้ใดคือผู้สร้างภูเขาต่างๆ พวกเขาจะตอบว่า อัลลอฮฺ (คือผู้สร้าง) แต่ทว่าพวกเขาเหล่านั้นได้ตั้งภาคีต่อพระองค์"

          รายงานจากอิกริมะฮฺ กล่าวว่า "หากเจ้าถามพวกเขาว่าผู้ใดคือผู้สร้างชั้นฟ้าและแผ่นดิน พวกเขาจะตอบว่า อัลลอฮฺ นั้นคือความศรัทธาของพวกเขาที่มีต่ออัลลอฮฺ แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็เคารพบูชาและกราบไหว้สิ่งอื่นนอกจากพระองค์ด้วย"

         จากมุญาฮิด กล่าวว่า " ความศรัทธาของพวกเขา (บรรดามุชริก) พวกเขาจะกล่าวว่า อัลลอฮฺคือผู้ทรงสร้างเรา ผู้ทรงให้ปัจจัยแก่เรา และผู้ทรงให้เราสิ้นชีวิต และนี้คือความศรัทธาพร้อมกับตั้งภาคีในการทำอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺกับสิ่งอื่นๆ"

         จากอิบนุซัยดฺ กล่าวว่า " ไม่มีผู้ใดที่ภักดีต่ออัลอฮฺพร้อมกับเคารพสิ่งอื่นด้วย นอกจากเขานั้นศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และทราบดีว่าอัลลอฮฺคือพระผู้อภิบาล ผู้ทรงสร้าง และให้ปัจจัย และพวกเขาได้ตั้งภาคีต่อพระองค์ เจ้าไม่เห็นดอกหรือสิ่งที่นบีอิบรอฮีมได้กล่าวว่า

“พวกท่านไม่เห็นดอกหรือสิ่งที่พวกท่านเคารพภักดีอยู่ ด้วยตัวของพวกท่านเอง และบรรพบุรุษของพวกท่านแต่กาลก่อน

แท้จริงพวกเขาคือศัตรูของฉัน นอกจากพระเจ้าแห่งสากลโลก” 

(อัช-ชุอะรออ์ : 77-75)

        และเป็นที่รู้จักกันว่าพวกเขาเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลกพร้อมกับเคารพสิ่งอื่นที่พวกเขาบูชาด้วย ไม่มีผู้ใดที่ตั้งภาคีต่อัลลอฮฺยกเว้นเขาจะศรัทธาต่อพระองค์ด้วย เจ้าไม่เห็นดอกหรือว่าชาวอาหรับ(ยุคญาฮิลียะฮฺ) เปล่งคำตัลบิยะฮฺว่า

(( لَبَّيْكَ لا شَرِيكَ إِلا شَرِيكًا هُوَ لَكَ تَمْلِكُهُ وَمَا مَلَكَ ))

 " ข้าพระองค์ได้ตอบสนองคำเรียกร้องของพระองค์ ด้วยการไม่ตั้งสิ่งใดมาเป็นภาคีกับพระองค์

ยกเว้นตั้งภาคีกับผู้ที่พระองค์ทรงครอบครอง พระองค์ทรงครอบครองเขาและเขาผู้นั้นมิได้ครอบครองสิ่งใดๆ"

เช่นนี้แหละพวกเขาได้เปล่งคำกล่าวตัลบิยะฮฺ 

(ญามิอฺ อัลบะยาน : 8/77-78)

          ชาวมุชริกในสมัยท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ยอมรับว่า ผู้ทรงสร้างพวกเขา ผู้ทรงให้ปัจจัยและผู้ทรงบริหารกิจการการงานทุกอย่างในชีวิตของพวกเขาคือ อัลลอฮฺ แต่ทว่าในการยอมรับนั้นพวกเขามิได้มีความบริสุทธิ์ใจต่ออัลลอฮฺเพียงองค์เดียวเท่านั้น พวกเขาได้ตั้งภาคีต่อพระองค์กับสรรพสิ่งอื่นๆไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ ก้อนหิน รูปปั้นเจว็ดต่าง ฯลฯ ในเรื่องนี้อัลลอฮฺได้ตรัสไว้อย่างชัดแจ้งในอัลกุรอานซึ่งมีหลายโองการด้วยกัน เช่นพระองค์ตรัสว่า

"และถ้าเจ้าถามพวกเขา ใครเป็นผู้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดิน และเป็นผู้ทำให้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เป็นประโยชน์

แน่นอนพวกเขาจะกล่าวว่าอัลลอฮฺ แล้วทำไมเล่าพวกเขาจึงหันเหออกไปทางอื่น" 

(อัล-อังกะบูต : 61)

        อายะฮฺในอัลกุรอานที่มีความหมายในทำนองเช่นนี้มีหลายอายะฮฺด้วยกัน อิบนุกะษีรฺ เราะหิมะฮุลลอฮฺ ได้กล่าวนในตำราตัฟสีรฺของท่านเองว่า 

        "อัลลอฮฺได้ตรัสในอัลกุรอานว่าแท้จริงแล้วไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ควรเคารพสักการะนอกจากพระองค์เท่านั้น เนื่องจากชาวมุชริกที่สักการะอัลลอฮฺพร้อมกับบูชากราบไหว้สิ่งอื่นเทียบเคียงพระองค์นั้น ยอมรับว่า- อัลลอฮฺเป็นผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าและแผ่นดิน ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์โดยไม่มีผู้ใดมีส่วนร่วมในการสร้างสรรพสิ่งเหล่านั้นกับพระองค์ - พวกเขาเชื่อว่าอัลลอฮฺคือผู้ทรงบันดาลให้มีกลางวันและกลางคืน - พระองค์คือผู้ทรงประทานปัจจัยแก่ปวงบ่าวของพระองค์ - พระองค์คือผู้ทรงกำหนดอายุขัยของพวกเขา - ผู้ทรงให้มีมนุษย์มีความแตกต่างในฐานะความเป็นอยู่ ซึ่งมีบางคนเป็นผู้ที่ร่ำรวยในขณะที่อีกบางคนเป็นคนยากจน พระองค์ทรงรอบรู้ในสิ่งที่เหมาะควรสำหรับบ่าวของพระองค์ ทรงรู้ว่าผู้ใดควรที่จะเป็นเศรษฐีและผู้ใดเหมาะสมที่จะเป็นยาจก - และพระองค์คือองค์เดียวเท่านั้นที่สร้างสรรพสิ่งและบริหารจัดการ หากเป็นเช่นนั้นแล้วทำไม่พวกเขา(มุชริก)ยังบูชาสิ่งอื่นจากอัลลอฮฺอีก และทำไมพวกเขาได้มอบหมายการงานของพวกเขาต่อสิ่งอื่นจากอัลลอฮฺอีก" 

        ดังที่เราทราบว่าพระองค์คือผู้ทรงเอกะในการสร้างสรรพสิ่งทั้งมวล ดังนั้นจึงควรที่จะต้องเคารพภักดีต่อพระองค์ องค์เดียวเท่านั้น และส่วนใหญ่ที่อัลลอฮฺได้กล่าวถึงฐานะความเป็นพระเจ้านั้นคือการยอมรับในเตาฮีด อัรรุบูบิยะฮฺ (ศรัทธาในความเป็นพระผู้ทรงอภิบาล) ซึ่งชาวมุชริกต่างยอมรับและนับถือในสิ่งดังกล่าว ดังที่พวกเขาได้กล่าวในคำกล่าวตัลบิยะฮฺของพวกเขาว่า

(( لَبَّيْكَ لا شَرِيكَ إِلا شَرِيكًا هُوَ لَكَ تَمْلِكُهُ وَمَا مَلَكَ ))

" ข้าพระองค์ได้ตอบสนองคำเรียกร้องของพระองค์ ด้วยการไม่ตั้งสิ่งใดมาเป็นภาคีกับพระองค์

ยกเว้นตั้งภาคีกับผู้ที่พระองค์ทรงครอบครอง พระองค์ทรงครอบครองเขาและเขาผู้นั้นมิได้ครอบครองสิ่งใดๆ" 

(ตัฟสีรฺ อิบนุกะษีร: 6/301)

          ในอัลกุรอานมีอายะฮฺที่กล่าวในทำนองข้างต้นหลายอายะฮฺ ซึ่งเป็นหลักฐานสำหรับพวกปฏิเสธศรัทธาว่าหากพวกเขายอมรับและศรัทธาในความเป็นรุบูบิยะฮฺ (ความเป็นพระผู้เป็นเจ้า) ของอัลลอฮฺแล้ว เขาจำเป็นต้องมอบความเป็นเอกภาพแด่พระองค์ในการภักดี และมอบความบริสุทธิ์ในการทำอิบาดะฮฺเพื่อพระองค์เท่านั้น ด้วยเหตุนั้นพระองค์จึงกล่าวกับพวกปฏิเสธศรัทธาเชิงคำถามเพื่อการยอมรับ ในเมื่อพวกเขายอมรับในความเป็นพระเจ้าของอัลลอฮฺแล้ว ก็สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องอิบาดะฮฺต่อพระองค์องค์เดียวเท่านั้น และพระองค์ทรงตำหนิในการที่พวกเขาได้ตั้งภาคีในการทำอิบาดะฮฺต่อพระองค์ด้วยการเคารพบูชาสิ่งอื่นเทียบเคียงกับพระองค์ทั้งๆที่หัวใจของพวกเขาต่างยอมรับว่าอัลลอฮฺคือพระผู้เป็นเจ้า เนื่องจากผู้ที่ศรัทธายอมรับว่าอัลลอฮฺคือพระเจ้าองค์เดียว เขาผู้นั้นจำเป็นต้องภักดีต่อพระองค์เท่านั้นในการทำอิบาดะฮฺทุกอย่าง 

        จากเหตุผลข้างต้นเราจึงทราบว่า การที่เราศรัทธาว่าอัลลอฮฺ คือผู้ทรงสร้างสรรพสิ่ง ผู้ประทานปัจจัย ผู้ทรงบริหารกิจการต่างๆในจักรวาลนี้เพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ และไม่อาจทำให้เรารอดพ้นจากการทรมานของพระองค์ในวันกิยามะฮฺได้ จนกว่าเราจะต้องมีความบริสุทธิ์ใจในการทำอิบาดะฮฺต่อพระองค์เพียงองค์เดียวเท่านั้น เพราะอัลลอฮฺ จะไม่ทรงตอบรับการศรัทธาของบ่าวของพระองค์เพียงแค่ศรัทธาว่าพระองค์คือพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น นอกจากเขาจะต้องเคารพภักดีต่อพระองค์เพียงองค์เดียว โดยปราศจากการตั้งภาคีหรือบูชาสิ่งอื่นเทียบเคียงกับพระองค์ 

- ไม่วิงวอนขอดุอาอ์จากผู้ใด ยกเว้นจะวิงวอนขอจากพระองค์องค์เดียวเท่านั้น 

- ไม่มอบหมายการงานใดๆแก่ผู้ใด ยกเว้นมอบหมายการงานแก่พระองค์องค์เทียวเท่านั้น และ

- ไม่ทำการเคารพบูชาสิ่งใดๆยกเว้นการเคารพบูชาอัลลอฮฺเท่านั้น 

         ในเมื่ออัลลอฮฺคือผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งมวลด้วยพระองค์เอง ดังนั้นการทำอิบาดะฮฺทุกอย่างทุกประเภทต้องเป็นไปเพื่ออัลลอฮฺองค์เดียวเท่านั้น ด้วยเหตุนี้อัลลอฮฺตรัสถึงบรรดาผู้ที่เคารพภักดีสิ่งอื่น ทั้งๆที่ทราบดีว่าพระองค์ คือผู้ทรงสร้างและประทานปัจจัยความว่า

"ดังนั้น พวกเจ้าจงอย่าให้มีผู้เท่าเทียมใด ๆ ขึ้นสำหรับอัลลอฮฺ โดยที่พวกเจ้าก็รู้กันอยู่"

(อัล-บะเกาะเราะฮฺ :22)

         อิบนุอับบาส กล่าวว่า "พวกท่านได้ตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺกับสิ่งอื่นๆที่ไม่สามารถให้คุณและโทษแก่พวกท่านได้ และทั้งๆที่พวกท่านทราบดีว่าไม่มีพระเจ้าองค์ใดอีกแล้วที่ประทานปัจจัยยังชีพนอกจากอัลลอฮฺ และพวกท่านก็ทราบดีเช่นกันว่าผู้ที่เรียกร้องสู่การมอบอัต-เตาฮีด(ความเป็นเอกะ)แก่พระองค์คือศาสนทูตที่เป็นสัจธรรมที่ไม่มีข้อเคลือบแคลงสงสัยใดๆ"

(บันทึกโดยอิบนุญะรีรฺในตำราตัฟสีรฺของท่านเอง 1/164)

          ท่านเกาะตาดะฮฺ กล่าวว่า "(คำอรรถาธิบายของอายะฮฺข้างต้น) คือ การที่พวกท่านทราบดีว่าอัลลอฮฺคือ ผู้ทรงบันดาลชั้นฟ้าและแผ่นดินทั้งมวลแต่แล้วพวกท่านก็ยังตั้งภาคีต่อพระองค์กับสิ่งอื่นๆ" 

(บันทึกโดยอิบนุญะรีรฺ ในตำราตัฟสีรฺของท่านเอง 1/164)

        ความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่ที่อัลลอฮฺประทานแก่ประชาชาติอิสลามคือ การที่พระองค์ชี้นำสู่การมอบอัต-เตาฮีดในด้านรุบูบิยะฮฺ (การให้เอกภาพต่อ อัลลอฮฺ ด้วยกับการเป็นผู้ทรงสร้าง เป็นผู้ทรงครอบครองและเป็นผู้ทรงบริหาร) อุลูฮิยะฮฺ การให้เอกภาพต่ออัลลอฮฺ ในการกระทำต่อบรรดาบ่าวของพระองค์ที่ได้ทรงบัญญัติแก่พวกเขาและอัสมาอฺ วัศศิฟาต การศรัทธาอย่างมั่นคงว่าอัลลอฮฺ ทรงมีพระนามอันวิจิตร ทรงมีคุณลักษณะอันสูงส่ง พระองค์ทรงมีลักษณะที่พร้อมสมบูรณ์ทุกประการ ไม่มีข้อบกพร่องใดๆเลย

         และถือว่าเป็นความโปรดปรานที่ยิ่งใหญ่จากพระองค์อีกประการหนึ่ง คือการที่ให้ประชาชาติอิสลามได้เปล่งเสียงตัลบิยะฮฺด้วยถ้อยคำแห่งอัต-เตาฮีด หลังจากที่บรรดามุชริกก่อนหน้านั้นได้เปล่งเสียงตัลบิยะฮฺด้วยถ้อยคำแห่งชิริก (การตั้งภาคี) ดังนั้นมวลการสรรเสริญทั้งมวลเป็นของอัลลอฮฺ ผู้ทรงบริสุทธิ์ยิ่งที่ได้ประทานและชี้แนะทางนำ ซึ่งการสรรเสริญที่มากมาย คำสรรเสริญที่ดีและจำเริญ ตามที่พระองค์พึงพอพระทัย


 

จากหนังสือบทเรียนที่ได้รับจากการประกอบพิธีฮัจญ์ในด้านหลักศรัทธา ต้นฉบับภาษาอาหรับ
โดย ดร.อับดุรรอซซาก บิน อับดุลมุหฺสิน อัล-อับบาด อัล-บัดรฺ หน้าที่ 26-34