มารยาทในวันอีดอิสลาม
โดย : ประสาน (ซารีฟ) ศรีเจริญ
สำหรับชาวมุสลิม มีอีดหรือวันตรุษพื้นฐานอยู่สองวัน คือ อีดิลฟิตรฺและอีดิลอัฎฮา
อีดิลฟิตรฺ คือ วันหลังที่ได้ปฏิบัติกิจจำเป็นของอิสลาม คือ การถือศีลอด ในเดือนรอมฏอน ได้แก่ วันที่หนึ่งของเดือนเซาวาล เป็นวันแห่งความรื่นเริง วันแห่งความสุข วันแห่งการกินการดื่ม ซึ่งวันนี้เป็น วันแห่งความดีใจ ท่านนบี กล่าวความว่า
“สำหรับผู้ถือศีลอดนั้นมีความดีใจอยู่สองครั้งคือ หนึ่ง ดีใจเมื่อถึงวันแห่งการละศีลอด
สอง ดีใจที่ได้พบกับพระผู้อภิบาลของเขาเนื่องจากเขาได้ถือศีลอด”
(บันทึกโดยบุคอรีและมุสลิม)
อีดที่สอง คือ อีดิลอัฏฮา อันเป็นวันที่แล้วเสร็จจากการทำฮัจญ์ของผู้ทำฮัจญ์ ณ นครมักกะฮฺ ได้แก่วันที่ 10 ของเดือนซุลฮิจยะฮฺ เป็นวันฉลองความสำเร็จในการทำฮัจญ์และมีการนำเนื้อสัตว์พลีไปแจกจ่ายแก่คนยากจนซึ่งถือเป็นการเอื้อเฟื้อคนในสังคมเดียวกัน
ท่านนบี ได้บัญญัติแก่ประชาชาติของท่านให้มีวันอีดหรือวันตรุษสองวัน เมื่อครั้งที่ท่านได้เดินทางมายังนครมะดีนะฮฺ และชาวมะดีนะฮฺนั้นมีวันรื่นเริงอยู่สองวัน
ท่านนบี ก็ได้สอบถามพวกเหล่านั้นว่า สองวันนี้เป็นวันอะไรหรือ ?
พวกเขาตอบว่า ในสองวันนี้พวกเราถือเป็นวันรื่นเริงมาแต่ยุค ญาฮิลียะฮฺ
ท่านนบี จึงประกาศ ณ บัดนั้นว่า “แท้จริงอัลลอฮฺได้เปลี่ยนวันทั้งสองแก่พวกเจ้าเป็นวันที่ดีและเป็นสิริมงคลกว่าแก่พวกเจ้าแล้ว คือ วันอีดิลฟิตรฺและอีดิลอัฎฮา”
(บันทึกโดยอบูดาวูด)
ในสองวันอีด คือ วันอีดิลฟิตรฺและอีดิลอัฎฮานั้น ศาสนาอนุญาตให้มีการริ่นเริงได้ตลอดสองวัน แต่ต้องเป็นการรื่นเริงที่ไม่ทำให้ลืมอัลลอฮฺ หมายถึง ต้องไม่เป็นการรื่นเริงที่กระทำสิ่งที่ผิดศาสนา แต่ต้องแสดงออกในความดีใจที่อยู่ในกรอบแห่งศาสนาเท่านั้น เพราะการรื่นเริงหลังเหน็ดเหนื่อยจากการปฏิบัติศาสนกิจมานั้น ต้องไม่ทำสิ่งใดที่จะเป็นการทำลายผลแห่งการทำดีก่อนหน้านี้ด้วย
อัลลอฮฺ ตรัสในบทมุฮัมมัด โองการที่ 33 ความว่า
“โอ้ผู้ศรัทธาทั้งหลาย พวกเจ้าจงภักดีต่ออัลลอฮฺ และจงภักดีต่อศาสนทูต และจงอย่าทำลายกุศล การปฏิบัติดีของพวกเจ้าเลย”
และเพื่อให้มีความสุขกับวันแห่งการรื่นเริง และให้ความดียังคงอยู่ ควรจะปฏิบัติตัวให้เป็นไปตามข้อกำหนดของศาสนาอิสลาม โดยเฉพาะมารยาทในวันอีด ซึ่งต่อไปนี้เป็นเพียงมารยาทบางส่วนเท่านั้น คือ
มารยาทวันอีดิลฟิตรฺ
1. ปฏิบัติศาสนกิจต่าง ๆ นับแต่คืนวันอีด ด้วยการซิกรุลลอฮฺ ละหมาด และอ่านอัลกุรอาน
2. อาบน้ำ แปรงฟัน ใส่น้ำหอม และแต่งตัวด้วยชุดใหม่หรือที่สวยที่สุดเท่าที่มี
3. กล่าวตักบีรให้มากนับแต่คืนวันอีดจนรุ่งเช้าเข้าละหมาด
4. จัดออกซะกาตฟิตเราะฮฺแต่เช้าก่อนละหมาดอีด และอนุญาตให้ออกซะกาตได้เมื่อเริ่มเข้ารอมฏอน
5. ทำกุศลทานให้มาก ด้วยการบริจาคแก่คนยากจน แม่หม้าย กำพร้า และผู้ด้อยโอกาส
6. แสดงออกถึงความดีใจและร่าเริงโดยทางใบหน้าและพฤติกรรม
7. เดินทางไปละหมาดอีดที่มัสยิดตั้งแต่เช้า และควรเดินไปทางหนึ่งและกลับอีกทางหนึ่ง เพื่อให้บรรดามลาอิกะฮฺจะได้เป็นพยานให้ทั้งสองเส้นทาง
8. ควรรับประทานอาหารเล็กน้อย ก่อนจะไปละหมาดอีดที่มัสยิด
9. ร่วมละหมาดอีด และควรให้ล่าช้าเล็กน้อย เพื่อให้ผู้ที่ยังไม่ได้ออกซะกาตฟิตเราะฮฺได้จัดการ ให้เรียบร้อย เมื่อละหมาดแล้วก็ควรฟังคุตบะฮฺจนแล้วเสร็จ เพื่อได้กุศลในการฟังธรรม และได้ประโยชน์ ในการนำไปปฏิบัติ
10. ให้สลามแก่ครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนสนิทมิตรสหาย เพื่อนบ้าน และทักทายต่อกันด้วยคำว่า “ตะก๊อบบะลัลลอฮุ มินนาวะมิงกุม”
11. ออกเยี่ยมเยียนพ่อแม่ ญาติพี่น้อง ครูอาจารย์ เพื่อน ๆ รวมทั้งญาติพี่น้องพ่อแม่ที่อยู่ในสุสานแล้ว
12. เพิ่มการทำดีและทำการกุศลให้มากเป็นทวีคูณ รวมทั้งละการทำบาปทุกรูปแบบ เพราะเมื่อเป็นวันดีก็ควรทำดีเป็นการให้เกียรติต่อวันสำคัญทางศาสนา
มารยาทวันอีดิลอัฎฮา
มารยาทที่พึงปฏิบัติในวันอีดิลอัฎฮานั้น ก็เป็นเหมือน เช่น มารยาทในวันอีดิลฟิตรฺ เพียงมีข้อสังเกตบางอย่างเพิ่มเติม ดังนี้
1. ให้มีการตักบีรหลังละหมาดประจำวัน นับแต่คืนวันอีดจนกระทั่งเวลาอัศริของวันที่สามของวันตัซรีก คือ นับต่อจากวันอีดอีกสามวัน
2. รีบทำการละหมาดอีดแต่เช้า เพื่อจะกลับมาเชือดกุรบาน
3. ไม่ต้องรับประทานอาหารก่อนการละหมาดอีดอัฎฮา
4. ให้เชือดสัตว์เป็นกุรบานสำหรับผู้มีความสามารถ
5. จัดการแบ่งสัดส่วนเนื้อกุรบานเป็นสามส่วน ดังนี้ หนึ่งส่วน ให้ตนเองและครอบครัว ส่วนที่สอง ให้ญาติสนิทมิตรสหาย และส่วนที่สาม ให้แก่คนยากจนอนาถา